ตอนที่ 126

"ภารกิจนี้มัน...."

"มีอะไรงั้นเหรอ?"

หลินอวี่สับสนเล็กน้อย

จั่วมู่เกอมีสีหน้าแปลกๆ

"ภารกิจของฉันคือให้เรียนสกิลระดับ C"

"ของฉันก็ด้วย"

"ฉันเรียนแล้ว"

"ฉันก็ด้วย"

"ภารกิจของฉันเสร็จแล้ว"

"....ฉันด้วย"

หลินอวี่ "???"

เมื่อได้ยินคำพูดของสองสาว หลินอวี่ก็นิ่งตะลึง

"ภารกิจระดับวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ไม่ง่ายเกินไปหน่อยเหรอ? แค่เรียนสกิลระดับ C?"

งั้นเขาที่เรียนสกิลระดับ A แล้วล่ะ?

ได้ยินคำพูดของหลินอวี่ จั่วมู่เกอและหยานจีก็มองหลินอวี่อย่างพูดไม่ออก

"คิดว่าทุกคนเป็นเหมือนนายรึไง?"

หยานจีบ่นอย่างโกรธๆ จากนั้นจึงทำการคำนวณให้หลินอวี่ฟัง

"สกิลระดับ C ต้องมีค่าคุณสมบัติไม่ต่ำกว่า 3,000 ต่อให้ผ่านภารกิจเลื่อนคลาสระดับ วิญญาณศักดิ์สิทธิ์ ค่าคุณสมบัติก็คงจะอยู่แถวๆ 1,200 เท่านั้น"

"ส่วนค่าคุณสมบัติอีก 2,000 แต้มก็ต้องใช้อุปกรณ์ที่แข็งแกร่งของคลาส 1 เข้าช่วย"

"ใช่ บนตัวฉันสวมใส่อุปกรณ์ระดับ C ทั้งตัว ค่าคุณสมบัติของฉันยังเพิ่มได้แค่ 2,000 กว่า"

"ถ้าไม่ใช่เพราะพวกเราเป็นอาชีพหายากที่มีค่าคุณสมบัติสูงกว่าอาชีพทั่วไป ถ้าไม่ได้น้ำยาเพิ่มค่าคุณสมบัติที่นายให้มา รวมกับน้ำยาคุณสมบัติที่พวกเราเก็บสะสมเอาไว้ ภารกิจนี้ก็ยากมาก"

หลินอวี่ที่ได้ยินดังนั้นก็เข้าใจถึงความแตกต่างระหว่างภารกิจระดับวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ของอาชีพทั่วไปและอาชีพหายาก ดูเหมือนว่าคนทั่วไปคงยากจะทำภารกิจนี้ได้

ขณะที่ตัวเขาอาศัยเพียงแค่ค่าคุณสมบัติ เมื่อเขาถึงเลเวล 10 ก็มีค่าสติปัญญาเกือบ 6,000 แล้ว

เรื่องนี้ทำให้เขาเข้าใจเกี่ยวกับค่าคุณสมบัติมากขึ้น

ค่าคุณสมบัติที่ดูธรรมดาสำหรับ แต่คล้ายเป็นฝันที่ไกลเกินเื้อมสำหรับหลายคน

ไม่เคยนึกเรื่องนี้มาก่อนจริงๆ

อย่างไรก็ตาม ภารกิจเลื่อนคลาสครั้งนี้ของสองสาวไม่เพียงแต่เรียบง่ายเท่านั้น แต่ยังทำสำเร็จได้อย่างรวดเร็วด้วย

เป็นเรื่องที่น่ายินดีจริงๆ

เนื่องเพราะสองสาวอารมณ์ดีมาก พวกเขาทั้งสามจึงไปซื้ออาหารมาจนเต็มโต๊ะ

หลินอวี่กินอาหารเข้าไปจนแน่นท้อง

หลังจากใช้ชีวิตอย่างทรหดมานาน ในที่สุดเขาก็ได้ใช้ชีวิตอย่างมีความสุข

หลังจากทานอาหารกันแล้ว เมื่อไม่มีอะไรให้ทำอีกในช่วงบ่าย หลินอวี่จึงเข้าใช้งานมิติลับ

เขามักจะเข้ามาในนี้เป็นประจำทุกวัน เจ้าหน้าที่ที่รับลงทะเบียนพบเจอเขาจนชินไปแล้ว

แม้แต่พวกนักศึกษาที่มาเก็บเลเวลก็เจอจนชิน

ก็ใครใช้ให้หลินอวี่สามารถเข้าใช้งานมิติลับได้โดยที่ไม่ต้องเสียเครดิตล่ะ?

หลายคนทำได้แค่อิจฉาเท่านั้น

วันนี้หลินอวี่เลือกเข้ามิติลับของคลาส 5

ด้วยความแข็งแกร่งของเขาในตอนนี้ คลาส 5 มันก็เท่านั้นเอง

แม้แต่มอนสเตอร์ระดับบอส เมื่อเจอกับคำสาปเสื่อมสลายของหลินอวี่เข้าไป หลินอวี่ก็สามารถใช้ท่าใหญ่อย่างสายฟ้าทมิฬหรือหอกเยือกแข็งสังหารได้อย่างไม่ยากเย็น

ตลอดทั้งช่วงบ่าย หลินอวี่ได้รับค่าประสบการณ์กลับมาไม่น้อย เขานำค่าประสบการณ์เหล่านี้ไปขยายพลังเพื่อเก็บจำนวนครั้ง

อย่างไรก็ตาม ไอเท็มที่เขามีอยู่ตอนนี้มีระดับค่อนข้างสูง ดังนั้นค่าประสบการณ์ที่ใช้ในการขยายพลังก็ย่อมเพิ่มขึ้นตาม

เพียงช่วงบ่ายเดียว หลินอวี่ก็ขยายพลังไปร้อยครั้ง

เมื่อถึงตอนเย็น หลินอวี่ก็ออกจากมิติลับ แต่ไปยังมิติสงคราม

เขายังไม่ลืมภารกิจของเล่ยอิ่งจี

เมื่อเอามาขยายพลังหนึ่งพันเท่า ก็ไม่รู้สกิลระดับ C+ จะพัฒนาไปถึงขั้นไหนกันนะ?

เขารู้สึกตั้งตารอขึ้นมา

หลินอวี่ปรากฏขชตัวขึ้นภายในห้องเริ่มต้นของมิติสงคราม

เขาเปิดหน้าต่างอันดับขึ้นมาดู ตอนนี้เขากลายเป็นคลาส 2 แล้ว ดังนั้นข้อมูลในส่วนของคลาส 1 จึงเปลี่ยนเป็นว่างเปล่า

เขาจะต้องเริ่มต่อสู้ใหม่อีกครั้ง

หลินอวี่กดเลือกโหมดต่อสู้แบบหนึ่งต่อหนึ่ง

แทบจะในทันที หลินอวี่ก็ปรากฏตัวขึ้นภายในสนามต่อสู้

เมื่อได้เห็นคู่ต่อสู้ที่ฝั่งตรงข้าม หลินอวี่ก็ชะงัก บนใบหน้าทอแววประหลาดใจ

ฝ่ายตรงข้ามเป็นสิ่งมีชีวิตรูปร่างคล้ายมนุษย์ แต่มีส่วนสูงถึงห้าเมตร บนร่างสวมเกราะหนัก ตามผิวหนังมีขนปกคลุม

เบฮีมอท

เผ่าพันธุ์ทรงพลังที่สามารถมีชื่อติดอยู่ใน 20 อันดับแรกในจักรวาล

ด้วยคุณลักษณะร่างกายที่แข็งแกร่ง เผ่าพันธุ์เบฮีมอทจึงเป็นสายอาชีพนักรบที่สร้างความยำเกรงแก่เผ่าพันธุ์อื่น

มีคำพูดติดปากที่กล่าวกันว่า

หากได้พบกับเบฮีมอทสวมใส่เสื้อคลุม ทั้งหมดที่ต้องทำก็คือหลับหูหลับตาอัดอีกฝ่ายให้เละ

หากได้พบกับเบฮีมอทสวมใส่ชุดเกราะ ทั้งหมดที่ต้องทำก็คือหลับตาและทำใจ

เพราะฉากที่จะเกิดขึ้นนั้นโหดร้ายป่าเถื่อนมาก

หลินอวี่เลิกคิ้ว

คิดไม่ถึงเลยว่าจะเจอของโหดตั้งแต่สนามแรก

น่าสนใจดีนี่

เขาเหลือบมองข้อมูลของคู่ต่อสู้

ชื่อของอีกฝ่ายคือ กำปั้นเดือด จำนวนครั้งที่ชนะและพ่ายแพ้ถูกซ่อนเอาไว้

ในมิติสงครามนั้น นอกจากชื่อแล้ว ข้อมูลอื่นๆก็สามารถกดซ่อนได้ทั้งหมด

ตอนที่หลินอวี่ยังอยู่คลาส 1 หลังจากต่อสู้ไปสองสามรอบ เขาก็ทำการซ่อนข้อมูล

ไม่อย่างนั้นสถิติชนะ 100% คงทำให้คู่ต่อสู้พากันขวัญหนีดีฝ่อกันหมด

เขาเป็นคนดี ทำแบบนี้เพราะเป็นห่วงคนอื่น

แน่นอนว่าหากเป็นไปได้ หลินอวี่ก็อยากจะซ่อนชื่อของตัวเองด้วย

"ฮ่าๆ นักเวทงั้นเหรอ!"

เมื่อเห็นเครื่องแต่งกายของหลินอวี่ กำปั้นเดือดก็เงยหน้าหัวเราะ

ในดวงตามีร่องรอยของความดูถูก

สำหรับเขาแล้ว พวกนักเวทก็ไม่ต่างอะไรจากสุนัขฟาง

เขาสามารถฉีกเป็นชิ้นๆได้ทุกเมื่อ

มือทั้งสองกำหมัดแน่นก่อนจะทุบลงพื้น

ตึง!

"นึกว่าจะได้เจอคู่ต่อสู้ที่คู่ควรในสนามรบแรกของคลาส 2 ที่ไหนได้ เจอพวกกระจอกอีกแล้ว"

หลินอวี่ "......"

ได้ฟังคำพูดอวดดีของกำปั้นเดือด ที่ขช้างขมับของหลินอวี่ก็มีเส้นเลือดปูดโปนขึ้นมา

"บางทีฉันอาจจะเป็นคู่ต่อสู้ที่คู่ควรก็ได้นะ"

"เจ้า?"

กำปั้นเดือดส่ายหน้าอย่างเคร่งขรึม

"ข้าไม่เคยยึดถือพวกนักเวทเป็นคู่ต่อสู้"

"และชื่อของเข้าก็ได้พูดแทนเจ้าแล้ว!"

"ดูเหมือนว่าเจ้าจะไม่มีความมั่นใจในตัวเองแม้แต่น้อย ดังนั้นจึงไม่ต่างอะไรกับการแสดงความอ่อนแอออกมาตั้งแต่ยังไม่เริ่มสู้!"

"พวกกระจอกแบบนี้ไม่คู่ควรจะเป็นคู่ต่อสู้ของข้า!"

หลินอวี่ "......"

หลินอวี่หน้าดำทะมึน

แม่ม!

เขาอยากได้ชื่อแบบนี้ที่ไหนกันเล่า!