ตอนที่ 137

หลินอวี่เบิกตากว้างด้วยความตกตะลึง

ไม่เพียงแต่เขา ทั้งจั่วมู่เกอและหยานจีต่างก็ตกตะลึงเช่นกัน

"สามารถฟักและเติบโตได้ในชั่วข้ามคืน? สามารถกินเลือดเนื้อเพื่อวิวัฒนาการ?! นั่นมันสัตว์ประหลาดอะไรกันน่ะ?!"

"แต่ในเมื่อพวกมันเติบโตมาโดยที่ยังไม่ได้กินเลือดเนื้อ ก็หมายความว่าพวกมันจะยังไม่แข็งแกร่งเท่าไหร่สินะ?"

หลินอวี่ขมวดคิ้วพลางใช้ความคิด

"ไปกันเถอะ การฆ่าพวกมันสามารถรวบรวมเครดิตได้"

จั่วมู่เกอที่ขมวดคิ้วมุ่นมาตลอด เมื่อได้ยินว่ามีรางวัลตอบแทนเป็นเครดิตก็พลันกระตือรือร้นขึ้นมา

หลินอวี่พยักหน้า

"อืม ไปกันเถอะ"

"รอเดี๋ยว ฉันตามเสี่ยวเยว่ก่อน"

หยานจีเบรคเอาไว้

จั่วมู่เกอพลันนึกขึ้นได้

"อ่า ใช่ นี่จะเป็นภารกิจแรกที่ทีมของเราจะลงมือพร้อมกันสินะ?!"

เธอหัวเราะ

"อาหวี่ นายไปก่อนเลย พวกเราสามคนจะรวมกลุ่มกันไว้"

"อื้ม นายแข็งแกร่งเกินไป ไปกับนาย พวกเราก็ได้แต่มองดูแล้ว"

หยานจีพยักหน้าหงึกหงัก

การทำได้เพียงมองดูก็ไม่ต่างอะไรจากไม้ประดับ

หลินอวี่มองสองสาวก่อนจะยิ้มพูดว่า

"โอเค งั้นก็ระวังตัวกันด้วย ถ้ามีอันตรายก็เรียกฉันทันที"

"ไม่ต้องห่วง นายให้ไอเท็มพิเศษพวกเรามาหลายชิ้นแล้ว มีของพวกนี้อยู่ก็ไม่ต้องกลัวอะไรแล้ว"

หลินอวี่พยักหน้า

เมื่อเขาก้าวเท้าออก ร่างของเขาก็พลันหายไป

...............................

ที่ด้านนอกมหาวิทยาลัยขงหมิง เวลานี้กำลังเต็มไปด้วยความวุ่นวาย

สิ่งมีชีวิตที่มีเกร็ดสีดำทั่วร่างพร้อมกรงเล็บที่แหลมคม และหางเดือยกระดูกบนแผ่นหลังกำลังวิ่งพ่านไปทั่วท้องถนน

นี่ก็คือ อสูรยมโลก

เมื่อพวกมันพบเห็นสิ่งมีชีวิต พวกมันก็จะพุ่งเข้าขย้ำ

ประชาชนทั่วไปที่ไม่ได้มีพลังพิเศษต่างถูกสังหารและจับกินทันทีที่พบกับพวกอสูรยมโลก

เมื่อพวกอสูรยมโลกดื่มกินเลือดเนื้อ ร่างกายของพวกมันก็ขยายขนาดขึ้นจนสามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า

ตามแยกและบนถนนมีผู้มีพลังพิเศษบางคนทำการจับกลุ่มเพื่อตามล่าพวกอสูรยมโลก

มีทั้งคนจากกองทัพและพวกนักผจญภัย

ผู้มีพลังพิเศษหลากหลายอาชีพรวมกลุ่มกันออกล่าพวกอสูรยมโลก

นี่คือหน้าที่และความรับผิดชอบของผู้มีพลังพิเศษ

"คนธรรมดาให้วิ่งมาทางผม!"

นักรบที่ถือโล่ขนาดใหญ่ผู้หนึ่งเปิดปากตะโกน

ที่ด้านหลังของเขามีผู้มีพลังพิเศษหลากหลายอาชีพติดตามเขามา

นักรบผู้นั้นพุ่งตัวออกมาพลางใช้โล่ในมือทุบฟาดพวกอสูรยมโลกที่อยู่ตามรายทาง

นักวทที่อยู่ด้านหลังของเขาร่ายเวทยิงบอลน้ำแข็งออกไปไม่ได้หยุด นักธนูเองง้างยิงลูกธนูอย่างต่อเนื่อง ขณะที่พวกนักบวชก็ทำการรักษาและมอบบัฟให้กับคนอื่นๆ

ในพื้นที่รัศมี 100 บนถนน พวกอสูรยมโลกถูกสังหารล้มตายอย่างหนัก

พวกประชาชนธรรมดาที่เห็นฉากนี้ต่างก็รีบวิ่งไปทางพวกเขา

"ผู้มีพลังพิเศษ!"

"รีบไปเร็ว!"

พวกเขาเข้ามาหากลุ่มของนักรบและแสดงความขอบคุณ

"ขอบคุณที่ช่วยเหลือ ท่านผู้เชี่ยวชาญทุกท่าน!"

"ขอบคุณ ขอบคุณจริงๆ"

"...."

เหตุผลที่ว่าทำไมเหล่าผู้มีพลังพิเศษนั้นมีฐานะสูงกว่าคนธรรมดาทั่วไปก็เพราะพวกเขาคือผู้พิทักษ์ของเหล่าคนธรรมดาทั่วไป

นักรบที่คล้ายเป็นหัวหน้ากลุ่มนั้นยิ้มพูดว่า

"ตามพวกเรามาครับ อย่าหลุดกลุ่มเด็ดขาด! พวกเราจะพาพวกคุณไปยังที่หลบภัย!"

กลุ่มของผู้มีพลังพิเศษที่ถูกรายล้อมไปด้วยคนธรรมดาจำนวนมากค่อยๆเคลื่อนตัวไปทางที่หลบภัย

ในขั้นตอนนี้ ผู้คนส่วนใหญ่ล้วนเคยปฏิบัติมาแล้ว

ตอนนั้นเอง ประกายเย็นเยียบสายหนึ่งก็กระพริบวูบ

เดือยกระดูกอันแหลมคมเส้นหนึ่งพุ่งทะลุหน้าอกของชายวัยกลางคนจนโลหิตสาดกระเซ็นไปทั่ว

ความเจ็บปวดอย่างรุนแรงทำให้ชายคนนั้นกรีดร้องออกมาสุดเสียง

"อ๊ากกกก!"

เดือยกระดูกหดตัวกลับพลางฉุดลากร่างของชายวัยกลางคนไป

เมื่อเห็นฉากนี้ เหล่าผู้มีพลังพิเศษต่างก็เบิกตากว้าง ดวงตาพลันฉายแววเดือดดาล

"หมอบลง!"

นักรบสืบเท้าขึ้นหน้า ดาบเล่มเขื่องตวัดฟันไปยังเดือยกระดูกนั้น

เคร้ง!

บังเกิดเสียงของโลหะดังกระทบกัน

-12

จากนั้นตัวเลขค่าความเสียหายเพียงน้อยนิดก็ลอยขึ้นมา

"อะไรกัน?!"

ผู้มีพลังพิเศษต่างพากันตกตะลึง รูม่านตาของพวกเขาเกิดการหดตัวอย่างรุนแรง

เดือยกระดูกคล้ายไม่ได้รับผลกระทบใดๆ มนยังคงฉุดลากร่างของชายวัยกลางคนไปในมุมมืด

จากนั้นก็บังเกิดเสียงกรีดร้องโหยหวน ทิ้งไว้เพียงบรรยากาศอันน่าสยดสยอง

เมื่อพวกคนธรรมดาได้เห็นฉากสยองขวัญนี้ พวกเขาก็หน้าซีดเผือดและตัวสั่น

แม้แต่ดวงตาของเหล่าผู้มีพลังพิเศษก็ทอแวววิตกกังวล

นักรบที่เป็นผู้นำกลับมาได้สติ

"ร้องขอกองหนุน ด่วน!!"

เขาตะโกน จากนั้นจึงหันไปยังกลุ่มคนธรรมดาที่ด้านหลัง

"พวกคุณวิ่งไปก่อน!"

สีหน้าของคนเหล่านั้นเปลี่ยนเป็นว่างเปล่า

จากนั้นเมื่อมีคนวิ่งเป็นคนแรก

คนที่เหลือจึงเริ่มวิ่งตามไป

กลุ่มผู้มีพลังพิเศษเฝ้ามองกลุ่มคนธรรมดามุ่งหน้าไปยังทิศทางหนึ่ง

นักรบที่ถือโล่ระบายลมหายใจออกมา

"รอก่อน พวกเราจะดึงดูดความสนใจไปอีกทาง และถ่วงเวลาไว้จนกว่ากองหนุนจะมาถึง!"

นักธนูคนหนึ่งมองดูกลุ่มคนธรรมดาวิ่งจากไป ในแววตาปรากฏความไม่พอใจขึ้น

"ทำไมไปทางพวกเขา พวกเขาสามารถถ่วงเวลาให้พวกเรา"

ได้ยินเช่นนั้น หลายคนก็หน้าแปรเปลี่ยนและหัะนมาจ้องมองเขาทันที

แน่นอนว่ายังมีบางคนที่รู้สึกเห็นด้วยกับข้อเสนอของนักธนู

"นายได้สิทธิพิเศษน้อยกว่าคนทั่วไปรึไง?!"

นักรบหันมาจ้องมองนักธนู

"ศัตรูเหล่านี้มีเพียงผู้มีพลังพิเศษที่สามารถจัดการได้ เงินเดือนที่พวกเราได้รับก็มาจากภาษีของพวกเขา!"

"แล้วพวกเราจะนิ่งเฉยดูดายได้ยังไง?! คนทั่วไปไม่ใช่มนุษย์รึไง?!"

"เมื่อได้ผลประโยชน์จากพวกเขาแล้ว พวกเราก็เปิดตูดหนีกันรึไง?!"

ผู้มีพลังพิเศษต่างมีสีหน้ากลับกลาย ความไม่พอใจเริ่มสลายหายไป

นักธนูนั้นมุ่ยหน้า

"ก็แค่ลองเสนอดูเท่านั้น ถ้าไม่เอาก็ช่างเถอะ"

นักรบใช้โล่นั้นคล้ายอยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ตอนนั้นเองก็มีเสียงเคี้ยวที่เคยดังมาจากตรอกก็เงียบลงและมีเสียงคำรามต่ำดังขึ้นแทน

จากนั้นก็มีเสียงฝีเท้าหนักๆดังใกล้เข้ามา

เหล่าผู้มีพลังพิเศษต่างร่างเขม็งเกร็ง

"มันมาแล้ว! เตรียมตัว!"

นักรบถือโล่เดินออกมาอยู่ด้านหน้า

คนอื่นๆก็ติดตามอยู่ทางด้านหลังของนักรบ

ตอนนั้นเอง อสูยมโลกขนาดใหญ่ที่สูงกว่าสองเมตรก็เดินออกมาจากตรอกแห่งนั้น

มันเงยหน้าขึ้นจ้องมองนักรบที่อยู่ด้านหน้าสุดด้วยดวงตากระหายเลือด จากนั้นมันจึงเปิดปากที่เต็มไปด้วยฟันอันแหลมคมและคำรามออกมา

"โฮก!!!"

นักรบผู้ถือโล่พลันหน้าแปรเปลี่ยน

"คลาส 4! ถอยเร็ว!!"

คนอื่นๆเมื่อได้ยินดังนั้นก็รีบวิ่งไปทางอื่นทันที

นักรบใช้โล่เริ่มใช้สกิลยั่วยุใส่อสูรยมโลกตัวนั้น

อสูรยมโลกมีสติปัญญาไม่สูงนัก เมื่อถูกยั่วยุ มันก็พุ่งเข้าหานักรบอย่างบ้าคลั่ง

บนเล็บของมันสะท้อนแสงสีม่วงขึ้นวูบ กรงเล็บของมันฟาดเข้าใส่โล่ของนักรบอย่างรุนแรง

ตู้ม!!

นักรบหน้าถอดสีขณะที่ร่างกายของเขาลอยละลิ่วไปทางด้านหลัง

เขากระอักเลือดออกมาเป็นทางยาว....