ตอนที่ 79

จนกระทั่งยามค่ำ รถหุ้มเกราะก็มาถึงเมืองสวรรค์เจิดจรัส

ในฐานะเมืองที่เป็นศูนย์กลางของดาวเคราะห์สีน้ำเงิน เมืองสวรรค์เจิดจรัสจึงเจริญรุ่งเรืองและยิ่งใหญกว่าเมืองประกายแสงหลายเท่า

ตึกสูงระฟ้า แสงสีในยามค่ำคืน เป็นสถานที่ซึ่งยากที่เมืองใดจะเทียบได้

หลังจากรถหุ้มเกราะวิ่งเข้าไปในเมืองก็ได้รับการต้อนรับจากเจ้าหน้าที่ประจำเมืองสวรรค์เจิดจรัส

กองทัพให้ความสำคัญอย่างมากกับเหล่านักเรียนที่เดินทางมาเข้าร่วมการสอบระดับหัวกะทิ

"นักเรียนทั้งหลาย ตามเจ้าหน้าที่จากทางกองทัพไป พวกเขาจะนำพวกเธอไปยังที่พัก"

จางหงไช่กล่าวกับเหล่านักเรียนด้วยรอยยิ้ม

"พวกเราต้องไปแล้ว ขอให้พวกเธอโชคดีในการสอบ"

เถียนหยวนหลงและผู้คุมคนอื่นๆเอ่ยอำลาพวกหลินอวี่

เถียนหยวนหลงและลู่เหยาต่างก็แอดเพื่อนกับหลินอวี่เอาไว้หลังจากได้ผ่านการต่อสู้ร่วมกัน

ทั้งสองหวังว่าจะมีโอกาสได้ซื้อไอเท็มพิเศษจากหลินอวี่ในอนาคต

ไอเท็มพิเศษที่หลินอวี่ใช้ออกมาทำให้พวกเขาอิจฉาตาร้อน

หากใช้อย่างเหมาะสม ไอเท็มก็จะมีส่วนในการพลิกกระแสของการต่อสู้ได้เลย!

หลินอวี่ย่อมไม่คิดอะไร

"ถ้างั้นอาเองก็ต้องไปแล้วเหมือนกัน"

จั่วเล่อเฉิงบอกลาจั่วมู่เกอ

เขายังมีงานที่รอให้กลับไปทำที่เมืองประกายแสง

หากไม่ใช่เพราะกังวลความปลอดภัยของจั่วมู่เกอ เขาก็คงไม่ได้ร่วมทางมาด้วยเช่นนี้

หลินอวี่และคนอื่นๆติดตามเจ้าหน้าที่ทหารไปขึ้นรถ

ไม่นานพวกเขาก็มาถึงโรงแรมที่พัก

"นอกจากพวกเธอแล้ว นักเรียนจากเมืองอื่นๆก็มาถึงแล้วเช่นกัน การสอบระดับหัวกะทิจะจัดขึ้นในวันมะรืน หลังจากลงทะเบียนแล้วก็สามารถย้ายเข้าพักได้ในทันที ส่วนวันพรุ่งนี้พวกเธอสามารถพักผ่อนได้อย่างอิสระ"

ทหารที่นำทางอธิบายให้ฟังด้วยรอยยิ้ม

นักเรียนหลายคนพลันตาเป็นประกาย สีหน้าฉายแววตื่นเ้ตนและคาดหวัง

ด้านนอกเมืองนั้นอันตรายมาก ดังนั้นจึงมีหลายคนที่ตั้งแต่เด็กจนโตไม่เคยไปต่างเมืองเลย

ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเรื่องการมายังเมืองศูนย์กลางแบบนี้!

นักเรียนส่วนใหญ่อยากจะออกเดินช้อปปิ้ง

แน่นอนว่าก็มีนักเรียนบางคนที่มาจากตระกูลใหญ่อย่างเช่น หยานจี จั่วมู่เกอ สวีเผิงเทียนซึ่งมักจะได้ไปที่ต่างเมืองบ่อยๆ ดังนั้นจึงไม่ได้ตื่นเต้นแต่อย่างใด

จั่วมู่เกอกุมมือหลินอวี่เอาไว้พลางพูดด้วยรอยยิ้มว่า

"อาหวี่ ฉันรู้จักร้านอาารที่อร่อยๆด้วยล่ะ! พรุ่งนี้พวกเราไปกินที่นั่นกันเถอะ~"

หยานจีหันมาหาจั่วมู่เกอ

"ใช่ร้านที่มีเชฟชื่อดังรึเปล่า?"

"ใช่ เมื่อมาถึงสวรรค์เจิดจรัสทั้งที พวกเราก็ต้องไปร้านนั้นนั่นแหละ!"

จั่วมู่เกอพูดด้วยรอยยิ้มสดใส

หยานจีพยักหน้า "ดีเลย"

หลินอวี่พยักหน้าเมื่อเห็นว่าสองสาวบอกว่าอาหารที่นั่นอร่อย

"งั้นก็ไปด้วยกัน"

"พี่ใหญ่ ลูกพี่ พาผมไปด้วยนะ? ผมเลี้ยงเอง!"

สวีเผิงเทียนรีบเสนอตัว

หลังจากหลินอวี่พาเถียนหยวนหลงและลู่เหยาไปกำจัดพวกเมอร์ล็อคทั้งหมด เขาก็ยิ่งมีท่าทางประจบแจงมากขึ้น นับวันก็ยิ่งดูคล้ายคอลลินเข้าไปทุกที

ก่อนที่หลินอวี่จะทันได้พูดอะไร จั่วมู่เกอและหยานจีต่างก็มองสวีเผิงเทียนด้วยสายตาเย็นชา

เจ้าหมอนี่ไม่มีตาเลยรึไง?

ไม่เห็นรึไงว่าพกวเรากำลังจะไปเดทกันน่ะ?

เมื่อถูกสองสาวจ้องมองอย่างเย็นชา สวีเผิงเทียนก็เหงื่อแตกพลั่ก

เขายิ้มเจื่อนๆ

"ล้อเล่นครับ ล้อเล่น"

ทุกคนค่อยๆลงจากรถบัสทีละคน จากนั้นจึงเช็คอินเข้าพัก จากนั้นจึงเป็นการจัดสรรห้อง

ทุกคนต่างมีห้องพักส่วนตัว

ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา โรงแรมทั่วเมืองก็ได้เตรียมรองรับนักเรียนที่จะมาเข้าร่วมการสอบระดับหัวกะทิ

แม้ว่าโรงแรมที่พวกเขาเข้าพักจะดูเรียบง่าย แต่ก็สะอาดอย่างมาก

หลังจากมาถึงห้องพัก หลินอวี่ก็อาบน้ำก่อนจะออกมาตรวจสอบการเก็บเกี่ยวที่ผ่านมา

ของส่วนใหญ่จะถูกขายเป็นเงิน ดังเช่นไอเท็มคลาส 3 คลาส3 ที่เขายังใช้ไม่ได้

อย่างไรก็ตาม มีหนังสือสกิลของนักเวท 2 เล่มและไอเท็มคลาสหนึ่ง 2 ชิ้น

-----------------------------------------------

ท่องสายลม ( E+ )

ใช้พลังมานาอย่างต่อเนื่องเพื่อเพิ่มความเร็วในการเคลื่อนที่ 20%

-----------------------------------------------

-----------------------------------------------

สายฟ้าฟาด ( D )

ปลดปล่อยสายฟ้าโจมตีใส่เป้าหมาย สร้างค่าความเสียหายจำนวนมาก

-----------------------------------------------

ในการสังหารพวกเมอร์ล็อคก่อนหน้านี้ เขามีบทบาทสำคัญมาก ดังนั้นจึงได้รับค่าประสบการณ์กว่า 6 ล้านหน่วย

ทำให้เลเวลของเขาเพิ่มขึ้นจาก 1 กลายเป็น 4 และพลังโจมตีของเขาก็พุ่งขึ้นไปจนถึงระดับที่น่าพรั่นพรึงถึง 8,078 หน่วย

แม้แต่พลังโจมตีทางกายภาพก็สูงกว่า 1,000 แล้ว

หรือก็คือ เทียบได้กับอาชีพนักรบที่ผ่านภารกิจเลื่อนคลาสระดับจักรพรรดิ ต่อให้เขาใช้ไม้เท้าเคาะใส่หัวศัตรู พลังโจมตีของเขาก็สามารถฆ่าศัตรูได้ไม่ยาก

เว้นแต่อีกฝ่ายจะสวมใส่อุปกรณ์ระดับ C ทั้งตัว

และมีค่าพลังชีวิตมากกว่า 11,000

ไม่อย่างนั้นก็จะถูกหลินอวี่สังหารได้อย่างง่ายดาย

สีหน้าของหลิอนวี่ฉายแววแปลกใจ

เขากำลังสงสัยว่า หากเขาใช้ไม้เท้าเคาะใส่หัวคู่ต่อสู้ นั่นจะดูโหดไปรึเปล่า?

สงสัยต้องหาโอกาสหาดาบเวทหรืออะไรทำนองนั้นมาใช้บ้างแล้ว

หลินอวี่ส่ายหน้าสลัดความคิดฟุ้งซ่าน

เขายังเหลือค่าประสบการณ์อีกกว่าหนึ่งล้านหน่วย

จากเลเวล 1 ไปเลเวล 5 ต้องใช้ค่าประสบการณ์เกือบ 10 ล้านหน่วย ซึ่งแน่นอนว่าไม่พอ

อย่างไรก็ตาม ค่าประสบการณ์เพียงเท่านี้ก้เพียงพอจะใช้ขยายผลแล้ว

หลินอวี่ใส่สกิลทั้งสองเข้าไปในช่องขยายพลัง

ขยายพลัง

หลังจากเกิดแสงสว่างขึ้น สกิลทั้งสองก็เกิดการเปลี่ยนแปลง

"ติ๊ง! ขอแสดงความยินดีกับผู้เล่น หลินอวี่ สกิล ท่องวายุ ระดับ E+ ได้รับการขยายพลังขึ้นร้อยเท่า กลายเป็นสกิล ระบำสายลม ระดับ C+"

"ติ๊ง! ขอแสดงความยินดีกับผู้เล่น หลินอวี่ สกิล สายฟ้าฟาด ระดับ D ได้รับการขยายพลังขึ้นร้อยเท่า กลายเป็นสกิล สายฟ้าทมิฬ ระดับ B+"

-----------------------------------------------

ระบำสายลม ( C+ )

ใช้พลังมานาอย่างต่อเนื่องเพื่อเพิ่มความเร็วในการเคลื่อนที่ 300%

หากเป็นการเคลื่อนไหวกลางอากาศ จะใช้พลังมานามากกว่าปกติ 3 เท่า

ระยะเวลาคูลดาวน์: ไม่มี

-----------------------------------------------

หลินอวี่ตกตะลึงไปครู่หนึ่ง นี่เป็นเรื่องที่อยู่เหนือความคาดหมายของเขา

ดูจากผิวเผินแล้ว นี่เป็นแค่สกิลที่เพิ่มความเร็วขึ้นสามเท่า

แต่เนื่องเพราะเขาผ่านภารกิจระดับอีเทอร์นอลส์ ซึ่งแต่ละเลเวลที่เพิ่มขึ้นจะเพิ่มค่าความคล่องตัวให้กับเขาจำนวน 50 แต้ม

ดังนั้นความเร็วของเขาในตอนนี้จึงสูงมากแล้ว

หากว่าเพิ่มขึ้นอีกสามเท่า แม้แต่นักฆ่าหรือนักธนูลาส 4 และคลาส 5 ก็อาจจะไล่ตามเขาไม่ทันด้วยซ้ำ?

และ บรรทัดล่างนั่น หมายความว่าเขาสามารถบินได้?!

เขาทดลองใช้ระบำสายลมกับตัวเอง ลมกลุ่มหนึ่งก็หอบให้ตัวเขาลอยขึ้น

ร่างของหลินอวี่ลอยขึ้นไปอยู่กลางอากาศ

นี่เป็นการบินในอากาศครั้งแรกของเขา ดังนั้นจึงยากที่จะทรงตัว หลังจากส่ายไปส่ายมาอยู่สักพัก ในที่สุดเขาก็สามารถควบคุมการทรงตัวได้

หลังจากปลดสกิลและกลับมายืนบนพื้นห้องแล้ว หลินอวี่ก็ยิ้มออกมา

นี่เป็นสกิลที่จะทำให้เขารวดเร็วขึ้นอีกมาก

เยี่ยมเลยแฮะ

จากนั้นหลินอวี่จึงตรวจดูอีกสกิล

-----------------------------------------------

สายฟ้าทมิฬ ( B+ )

ใช้พลังมานาเพื่อเรียกสายฟ้าอันเกรี้ยวกราดให้จู่โจมใส่เป้าหมาย สร้างค่าความเสียหายจำนวนมากและทำให้ศัตรูติดสถานะอัมพาต

ใช้พลังมานา 3,000 หน่วย สร้างค่าความเสียหาย (5,000 + 5 x พลังโจมตีเวทมนตร์) และทำให้เป้าหมายติดสถานะอัมพาตเป็นเวลาสามวินาที

ระยะเวลาร่าย: ไม่มี

ระยะเวลาคูลดาวน์: 10 วินาที

-----------------------------------------------

สายฟ้าทมิฬ นี่ก็เป็นอีกสกิลที่ทรงพลังอย่างมาก

ด้วยค่าพลังโจมตีเวทมนตร์ของเขาในปัจจุบันแล้ว เขาก็สามารถสร้างค่าความเสียหายได้เกิน 40,000 หน่วย

แน่นอน เมื่อหักลบกับค่าพลังป้องกันของเป้าหมายแล้ว ค่าความเสียหายก็อาจจะลดลงไปบ้าง

อย่างไรก็ตาม สกิลนี้ก็ยังสามารถคุกคามศัตรูระดับสูงได้

อย่างน้อยก็จะไม่มีสถานการณ์ที่เขาโจมตีอีกฝ่ายไม่เข้าอีกแล้วใช่รึเปล่า?

เมื่อใช้ร่วมกับสกิลศรน้ำแข็งแห่งความมืดที่สามารถลดค่าพลังป้องกันของเขาเป้าหมายลงได้แล้ว สกิลโจมตีนี้ก็จะยิ่งมีอานุภาพน่ากลัวมากขึ้น

อย่างไรก็ตาม สกิลนี้ใช้พลังมานาค่อนข้างสูง เป็นปริมาณเกือบหนึ่งในสิบของพลังมานาที่เขามีอยู่

หลินอวี่หันไปตรวจสอบ ไอเท็มอีกสองชิ้นที่ได้มา

-----------------------------------------------

สร้อยคอฟื้นฟู ( D+ )

สร้อยคอ

+300 ค่าสติปัญญา

ฟื้นฟูพลังมานา 8% ของค่าพลังมานาต่อวินาที

เงื่อนไขในการใช้: คลาส 1

-----------------------------------------------

-----------------------------------------------

สร้อยคอแห่งความมุ่งมั่น ( D- )

สร้อยคอ

เมื่อถูกคลาส 3 หรือต่ำกว่าใช้สกิลควบคุม ผู้ใช้จะสามารถสลายผลของสกิลควบคุมนั้น

ระยะเวลาคูลดาวน์: 5 นาที

เงื่อนไขในการใช้: คลาส 1

-----------------------------------------------