ตอนที่ 135

กิจวัตรประจำของเธอคือการค่อยๆเดินกลับที่พัก

นี่เป็นหนึ่งในกิจกรรมผ่อนคลายเพียงไม่กี่อย่างของเธอ

แต่วันนี้ เพียงก้าวออกไปไม่กี่ก้าว ร่างของเธอก็พลันหายไป

วินาทีถัดมา ร่างของเธอก็ปรากฏตัวขึ้นที่หน้าอาคารที่พัก

ในฐานะผู้บัญชาการของกองกำลังจอมเวท ที่พักของเธอจึงค่อนข้างหรูทีเดียว

ที่นี่มีพื้นที่กว้างขวางและมีสิ่งอำนวยความสะดวกอย่างครบครัน

แม้ไม่หรูหราโอ่อ่า แต่ดูเป็นระเบียบสบายตา

เธอกลับเข้าห้องก่อนจะทิ้งตัวลงนอนบนเตียง ผ่านไปครู่หนึ่ง เธอก็ล็อกอินเข้าสู่มิติสงครามโดยไม่ต้องใช้อุปกรณ์จำลอง

เมื่อเข้าสู่พื้นที่ส่วนตัว เล่ยอิ่งจีก็เปิดหน้าต่างตารางอันดับของคลาส 2 ขึ้นมาดู

หลังจากเลื่อนขึ้นไปดูที่ท็อปหนึ่งหมื่น ไม่ช้าเธอก็มองเห็นชื่อที่พวกทหารพูดถึง

อันดับที่ 7,993 ฉันขอโทษ ฉันผิดไปแล้ว ไม่นึกว่านายจะโหดขนาดนี้

ใช่จริงด้วย....

เล่ยอิ่งจีหรี่ตาลง

เธอพบว่าเธอไม่สามารถเพิ่มเพื่อนหลินอวี่ในมิติสงครามได้ และเธอยังไม่รู้ว่าหลินอวี่ใช้ชื่อว่าอะไร

แต่เรื่องนั้นไม่ใช่ปัญหา เธอเป็นเพื่อนกับตงกงเยว่

เล่ยอิ่งจีเลื่อนดูรายชื่อเพื่อนและพบว่าสถานะของเล่ยอิ่งจีนั้นขึ้นว่าอยู่ในพื้นที่ส่วนตัว

เล่ยอิ่งจีส่งข้อความไปหาตงกงเยว่

"เยว่เอ๋อร์ ว่างมั้ย?"

ในสนามต่อสู้ ตงกงเยว่กำลังต่อสู้อยู่กับหยานจี โดยมีจั่วมู่เกอชมดูอยู่ที่ข้างสนาม

ตอนนี้เอง ตงกงเยว่ก็ถอยกลับ

"สักครู่"

หยานจีที่กำลังจะรุกไล่ก็หยุดมือลง

เธอเอ่ยถามด้วยความประหลาดใจ

"มีอะไรงั้นเหรอ?"

"ข้อความเข้า"

ตงกงเยว่เปิดข้อความของเล่ยอิ่งจีขึ้นมาดู เธอกระพริบตาปริบๆ จากนั้นจึงเริ่มพิมพ์ข้อความตอบกลับไปโดยที่หน้าไม่เปลี่ยนสี

"พี่อิ่งจี~ ว่าไงคะ~ (อิโมจิหน้าแมวยิ้ม)"

เล่ยอิ่งจีเห็นชัดว่าคุ้นชินกับนิสัยของตงกงเยว่อยู่แล้ว ดังนั้นจึงไม่ได้ประหลาดใจอะไร

"เธอรู้รึเปล่าว่าหลินอวี่ใช้ชื่อในมิติสงครามว่าอะไร?"

"ชื่อในมิติสงครามของหลินอวี่? (อิโมจิยกมือ) เป็นชื่อที่แปลกมากเลยล่ะค่ะ~ (อิโมจิปาดเหงื่อ)"

ชื่อที่แปลกงั้นเหรอ?

เล่ยอิ่งจีมุมปากกระตุก ในใจเกิดลางสังหรณ์อันเลวร้ายขึ้น

"ชื่ออะไรงั้นเหรอ?"

"ฉันขอโทษ ฉันผิดไปแล้ว ไม่นึกว่านายจะโหดขนาดนี้ (อิโมจิกุมท้องหัวเราะ)"

"คิกๆ หลินอวี่นี่น่าสนใจจริงๆ ชื่อของเขาทำหนูหัวเราะท้องแข็งเลย~ (อิโมจิหัวเราะน้ำตาไหล อิโมจิยกนิ้วโป้ง)"

เล่ยอิ่งจีพลันหน้าตึง

ชัดเลย เป็นหมอนั่นจริงๆด้วย

แต่ทำไมถึงติดท็อปหนึ่งหมื่นได้เร็วขนาดกัน?!

เล่ยอิ่งจีประหลาดใจไม่น้อย

ยังเร็วกว่าที่เธอคิดไว้มาก

ดูท่าเธอคงจะยังประเมินความแข็งแกร่งของหลินอวี่ต่ำไปอยู่ดี

อ่านข้อความที่ตงกงเยว่ตอบกลัลมาแล้ว เธอก็อมยิ้ม

"เยว่เอ๋อร์ เจ้าเด็กนั่นได้รังแกเธอรึเปล่า?"

"ม่าย~~ (อิโมจิหน้าแดง) หลินอวี่เป็นคนดี~ เขายังจงใจจำกัดพลังเอาไว้เพื่อศึกษาเรียนรู้ซึ่งกันและกัน เป็นสุภาพบุรุษมากๆเลย~~ (อิโมจิกุมแก้ม)"

เล่ยอิ่งจีกัดฟันกรอด

พัฒนาการแบบนี้มันไม่ถูกแล้ว

"เย่วเอ๋อร์ เธอยังเด็ก อย่าถูกเจ้าเด็กนั่นหลอกเอานะ เขาจะต้องหวังร่างกายของเธออยู่แน่ๆ!"

"จริงเหรอคะ? (อิโมจิหวาดกลัว)"

สีหน้าของเล่ยอิ่งจีเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมขณะพิมพ์ตอบกลับไปว่า

"จริงของจริงที่สุด!"

"น่ากลัวจัง! (อิโมจิหวาดกลัว) หนูจะระวังตัวเป็นอย่างดี (อิโมจิกำหมัดด้วยสีหน้ามุ่งมั่น)"

เล่ยอิ่งจีระบายลมหายใจด้วยความโล่งอกก่อนจะพยักหน้า

"ตอนนี้เธออยู่กับเจ้าเด็กหลินอวี่รึเปล่า?"

"ม่ายอยู่~~ หนูอยู่กับจั่วมู่เกอและหยานจี~~ (อิโมจิสีหน้ามีความสุข) พวกเธอเป็นคนดีมากเลย~ คุยสนุกมาก (อิโมจิแมวหัวเราะ)"

เล่ยอิ่งจีผงะ

จั่วมู่เกอกับหยานจี? นั่นไม่ใช่แฟนสาวทั้งสองของเจ้าเด็กนั่นหรอกเหรอ?

เล่ยอิ่งจีตกใจ

เจ้าเด็กนั่น ถึงกับปล่อยให้แฟนสาวของตัวเองมาเจอกับเยว่เอ๋อร์เลยเหรอ?

ไม่ได้การแล้ว!!

หรือว่า....

เล่ยอิ่งจีใจสั่นสะท้าน

เป็นไปได้รึเปล่าว่าเจ้าเด็กนั่นจะยึดถือเยว่เอ๋อร์เป็นดั่งของในถุงย่ามไปแล้ว?!

จิตใจของเล่ยอิ่งจีพลันหนักอึ้ง

ปล่อยเอาไว้ไม่ได้เด็ดขาด!!!

อย่างไรก็ตาม เธอไม่ได้บอกเรื่องนี้ต่อตงกงเยว่

เธอยังเหลือความหวังอยู่ว่าหลินอวี่อาจจะไม่ได้คิดอะไรกับตงกงเยว่เลย

ยิ่งกว่านั้น ในชีวิตจริงตงกงเยว่ยังเป็นคนที่เข้าสังคมไม่เก่ง บวกกับความเป็นลูกหลานตระกูลใหญ่ ดังนั้นเธอจึงมีเพื่อนในวัยเดียวกันน้อยมากๆ

หากว่าตงกงเยว่ได้เพื่อนเพิ่มมาอีกสองคน เล่ยอิ่งจีก็มีความสุขไปกับน้องสาวคนนี้ด้วย

"ถ้างั้นก็อยู่กันดีๆนะ แล้วก็คอยระวังเจ้าเด็กหลินอวี่ด้วย! อย่าให้เขาฉวยโอกาสเอาได้!"

เธอย้ำเตือนอย่างหนักแน่น

"พี่อิ่งจีไม่ต้องห่วง! (อิโมจิกำหมัดแน่น) หนูจะระวังตัว~!!"

"งั้นพี่ไปก่อน เธอก็อย่าลืมพักผ่อนด้วยล่ะ"

"ค่า~ ฝันดีค่ะ พี่อิ่งจี~~ (อิโมจิอุ้งเท้าแมวโบกมือ)"

เล่ยอิ่งจีมองดูข้อความของตงกงเยว่ก่อนจะยิ้มออกมา

"ฝันดีจ๊ะ"

ในสนามต่อสู้

ตงกงเยว่เงยหน้าขึ้น

"เรียบร้อยแล้ว"

หยานจีที่กำลังรออยู่พยักหน้า

เพียงแต่ขณะที่พวกเธอกำลังจะสู้กันต่อ จั่วมู่เกอก็พูดขึ้นด้วยรอยยิ้มว่า

"รอเดี๋ยว ฉันมีข้อเสนอ!"

หยานจีและตงกงเยว่ต่างชะงักและหันไปมองจั่วมู่เกอ

หยานจีถามขึ้นด้วยความสงสัย

"มู่เกอ มีอะไรงั้นเหรอ?"

จั่วมู่เกออมยิ้ม

"เยว่เอ๋อร์ เธอต้องการจะตั้งทีมกับพวกเรารึเปล่า?"

ดวงตาสีเข้มของตงกงเยว่ยังคงเรียบเฉยไร้ระลอกขณะมองจั่วมู่เกอ

"ตั้งทีม?"

"ใช่ เสี่ยวจีจีและฉันมักจะเข้าไปเก็บเลเวลในมิติลับด้วยกันบ่อยๆ แต่บางครั้งมันก็ยากที่จะรับมือกับศัตรูที่แข็งแกร่งบางตัว เธอแข็งแกร่งมากๆ พวกเรามาตั้งทีมด้วยกันดีมั้ย?"

"นี่เรียกว่าผนึกกำลังกันไงล่ะ!"

จั่วมู่เกอพูดด้วยความภาคภูมิใจ

แม้ว่าอาชีพอัศวินมังกรไฟจะมีพลังโจมตีที่แข็งแกร่งกว่าอาชีพนักรบทั่วไป แต่ที่โดดเด่นกว่าก็คือความสามารถในด้านการป้องกัน

หากเป็นสถานการณ์ปกติก็ไม่มีปัญหาอะไร

อย่างไรก็ตาม ปัญหาก็คือ อาชีพอัศวินมังกรไฟไม่ใช่อาชีพที่โดดเด่นในด้านการโจมตี

หากเผชิญหน้ากับศัตรูที่มีพลังป้องกันสูง ข้อด้อยของอาชีพอัศวินมังกรไฟก็จะฉายชัดทันที

หยานจีขาดพลังโจมตีที่รุนแรง

แม้แต่อาชีพหายากก็ใช่ว่าจะสมบูรณ์แบบในทุกด้าน

ทุกอาชีพล้วนมีข้อดี-ข้อด้อยเป็นของตัวเอง

และเพื่อการนี้ ตงกงเยว่ที่มีอาชีพเป็นภูติแห่งความมืดจึงเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมที่จะเข้ามาเติมเต็มช่องว่างของทีม

ด้วยพลังโจมตีอันรุนแรงและต่อเนื่อง ตงกงเยว่ยังแข็งแกร่งกว่าหยานจีที่เป็นอัศวินมังกรไฟซะอีก....