ดาวเคราะห์สีน้ำเงิน ณ เกาะร้างแห่งหนึ่ง
ภายในส่วนที่ลึกที่สุดของภูเขากลางเกาะแห่งนี้ ที่นั่นมีโพรงขนาดใหญ่อยู่
ตามกำแพงและพื้นโพรงเต็มไปด้วยเลือดเนื้อ ทำให้บรรยากาศดูน่าสยดสยองเป็นอย่างยิ่ง
บนกำแพงเลือดเนื้อนั้นมีสิ่งที่คล้ายกับเส้นเลือดกำลังขยุกขยิกไปมา ตามพื้นเองก็มีการยุบพองอยู่ตลอด
คล้ายกับทั้งโพรงแห่งนี้มีชีวิต
หากว่าคนธรรมดาผ่านมาเห็นฉากนี้เข้า เกรงว่าคงรีบเผ่นหนีไปโดยเร็ว
ที่จุดศูนย์กลางของโพรงแห่งนี้มีแท่นบูชาที่ถูกสร้างจากเลือดเนื้ออยู่
ทางด้านหลังแท่นมีรูปปั้นของสตรีที่ไม่อาจมองเห็นใบหน้าได้ชัดเจน ทั้งรูปปั้นนี้ถูกสลักขึ้นจากคริสตัลสีเลือด
ที่หน้ารูปปั้นนั้นมีชายในชุดคลุมสีแดงกำลังสวดภาวนาด้วยความศรัทธา
ตอนนี้เอง ร่างกายของเขาก็สั่นสะท้านขึ้นคราหนึ่ง จากนั้นเขาจึงเริ่มไออย่างรุนแรง สุดท้ายจึงฟุบคว่ำไปกับพื้น
วินาทีถัดมา เลือดเนื้อภายในร่างของเขาก็คล้ายมีจิตสำนึกเป็นของตัวเอง พวกมันผุดยุบขึ้นตามร่างคล้ายกับกำลังเต้นรำ
ชุดคลุมสีแดงของเขาเองก็ยุบพองด้วยเช่นกัน
อาจเป็นเพราะความเจ็บปวดอย่างมหาศาล ร่างกายของเขาจึงสั่นเทา แม้นั้นเขาก็ยังลุกขึ้นมานั่งคุกเข่าภาวนาด้วยความศรัทธาต่อไป
"พระแม่โลหิตผู้ยิ่งใหญ่ ขอพระองค์ทรงอภัยต่อบาปของลูก ลูกขอสรรเสริญ......พระองค์ผู้เป็นนายเหนือแห่งเลือดเนื้อ....."
หลังจากนั้นพักหนึ่ง เลือดเนื้อภายในร่างของเขาก็สงบลง
สาวกชายยังคงนั่งคุกเข่าอยู่บนพื้น เหงื่อเย็นที่ผุดออกมาตามร่างได้หยดลงไปบนพื้นที่เป็นเลือดเนื้อของโพรงถ้ำ
หลังจากนั้นสักพัก เขาก็ลุกขึ้นยืนด้วยร่างกายที่สั่นเทา เขาเงยหน้าขึ้น เผยให้เห็นใบหน้าที่ยังหนุ่มและหล่อเหลา สิ่งที่ดูขัดตาเพียงอย่างเดียวก็คือใบหน้าของเขาเห็นเส้นเลือดได้อย่างชัดเจน
เขาก็คือผู้นำสูงสุดของนิกายดอกไม้โลหิต
ทันใดนั้นร่างหนึ่งก็ปรากฏขึ้นที่ด้านหลังของเขา
"ท่านผู้นำ นิกายสาขาย่อยในทะเลทรายร้อนระอุถูกทำลายไปแล้วครับ"
ซือเจ้อเซิงหันกลับไป ดวงตาของเขาดูว่างเปล่าจนคล้ายกับไม่ใช่ดวงตาของสิ่งมีชีวิต
"ฝีมือของพวกมือปราบ?"
"ยังไม่แน่ใจครับ แต่....เพื่อที่จะทำให้พระองค์พึงพอใจ สาขาย่อยจึงได้ดูดซับเลือดเนื้อของคนทั้งตระกูลหนึ่งในเมืองชิงซง พวกเขาวางแผนจะประกอบพิธีกรรม ซึ่งนั่นคงจะไปดึงดูดความสนใจจากพวกมือปราบเข้า"
"พวกนั้นกระหายเลือดจนกลายเป็นไร้สมองไปแล้ว?!"
ซือเจ้อเซิงกล่าว
ร่างในชุดคลุมนั้นนิ่งเงียบไป
ภายในโพรงถ้ำเกิดความเงียบงันอยู่พักใหญ่ จากนั้นซือเจ้อเซิงจึงค่อยๆพูดขึ้นว่า
"ให้สาขาอื่นๆเก็บตัวก่อน ส่วนเรื่องทะเลทรายร้อนระอุ....ตอนนี้ก็ยังไม่ต้องไปสนใจทางด้านนั้น"
"ครับ! นอกจากนั้น การเจรจาร่วมมือกับพวกปีศาจก็พร้อมแล้วเรียบร้อยครับ"
ซือเจ้อเซิงพยักหน้า
"งั้นก็เตรียมตัวเดินทาง"
เขาหันกลับไปมองดูรูปปั้นทางด้านหลัง ดวงตาฉายแววศรัทธาอยู่เต็มเปี่ยม
"นี่เป็นก้าวแรกในการต้อนรับพระองค์ พวกเราจะเข้าสู่อาณาจักรศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์และมีชีวิตนิรันดร์!"
"สรรเสริญพระแม่โลหิต นายเหนือแห่งเลือดเนื้อทั้งปวง!"
...........................
เช้าวันต่อมา หลินอวี่มีคาบเรียน
หลินอวี่เดินทางไปยังห้องเรียน แต่แทนที่จะไปนั่งเก้าี้เรียน เขากลับเดินไปยืนอยู่ข้างโพเดี่ยม
กลุ่มผู้หญิงที่เปรียบได้กับฝูงหมาป่านั้นน่ากลัวไปแล้ว
หากว่าเขาไปนั่งตรงนั้น พวกผู้หยิงคงเข้ามารุมจนอึดอัดแน่
เป็นคนหน้าตาดีนี่ช่างลำบากจริงๆ
หลินอวี่ได้แต่ปลอบใจตัวเองเช่นนี้
เขาย่อมไม่ไปนั่งเก้าอี้เรียนอีกแล้ว
หลังจากนั้นไม่นาน เล่ยอิ่งจีก็เดินเข้ามาในห้อง
เมื่อเห็นหลินอวี่กำลังอยู่อยู่ข้างโพเดี่ยมด้วยสีหน้าเรียบเฉย มุมปากของเธอก็ยกขึ้นเบาๆ เธอปรายตามองพวกนักศึกษาหญิงที่เอาแต่จ้องมองหลินอวี่
เธอเข้าใจเรื่องราวแล้ว
ในบรรดานักศึกษาภายในคลาส หลินอวี่มีความโดดเด่นเกินไป
เขาทั้งแข็งแกร่ง หล่อเหลา และเป็นสุภาพบุรุษ
ดังนั้นจะดึงดูดความสนใจจากสาวๆก็ไม่ใช่เรื่องแปลก
เธอเดินไปที่โพเดี่ยม หลังจากกวาดตามองนักศึกษาภายในห้องแล้ว เธอจึงค่อยพูดขึ้นว่า
"วันนี้คลาสเราจะไม่ได้เรียนอยู่ในภายห้อง"
ได้ยินแบบนี้ พวกนักศึกษาก็พากันประหลาดใจ
ฮือฮา
หลายคนเผยสีหน้าที่ดูคาดหวังออกมา
มีเพียงการต่อสู้จริงเท่านั้นจึงจะสามารถประเมินได้ว่าตนเองอยู่ในระดับไหนแล้ว
ถึงอย่างไรเสีย การเป็นผู้มีพลังพิเศษก็ย่อมไม่อาจหลีกเลี่ยงจากการต่อสู้ไปได้ชั่วชีวิต บ้างก็เพื่อความก้าวหน้า บ้างก็เพื่อปกป้อง
ไม่ว่าจะชอบหรือไม่ แต่ก็ไม่มีทางหลีกเลี่ยงการต่อสู้ไปได้
"ศัตรูตามธรรมชาติของนักเวทก็คือนักฆ่า วันนี้อาจารย์ได้ติดต่ออาจารย์จากคลาสเรียนนักฆ่ามา พวกเราจะสู้กับนักฆ่า"
สีหน้าของเล่ยอิ่งจีเผยความเข้มงวดออกมา
"ศักยภาพที่แสดงออกมาในวันนี้จะส่งผลถึงเกรดเทอมนี้ ดังนั้นจงตั้งใจ"
"อะไรนะ?!"
ได้ยินเช่นนี้ นักศึกษาหลายคนก็มีสีหน้าไม่สู้ดี
ล้อกันเล่นรึเปล่า?
มีนักเวทคลาส 1 คลาส 2 จำนวนไม่มากที่มีสกิล 3 ถึง 5 สกิล และส่วนใหญ่ก็มักจะไม่ได้เรียนรู้สกิลเอาตัวรอดมา
หลายคนเพิ่มมุ่งเน้นไปที่สกิลสร้างค่าความเสียหายเป็นหลัก
ที่สำคัญก็คือ เกรดนั้นส่งผลถึงค่าเครดิตที่จะได้รับ
หากว่าเกรดแย่ ถ้างั้นก็ต้องขอโทษด้วย บางทีตอนจบเทอมอาจจะได้รับเครดิตราว 1-200 เครดิต
ซึ่งเครดิตเพียงเท่านั้น บางทียังซื้อไม่ได้แม้แต่อุปกรณ์ระดับ E ด้วยซ้ำ
แล้วพวกเขาที่ไม่ได้เตรียมตัวมาก่อนจะแสดงผลงานดีๆออกมาได้งั้นเหรอ?
แน่นอนว่าหลินอวี่ไม่ได้สนใจอะไร
ด้วยพลังของเขาในตอนนี้ หากว่าเป็นนักฆ่าคลาส 5 ที่แข็งแกร่งหน่อย บางทีก็อาจจะพอคุกคามเขาได้บ้าง
แต่ก็เพียงแค่คุกคามเท่านั้น หากไม่ใช่คลาส 6 อีกฝ่ายก็แทบจะทำอะไรเขาไม่ได้
เล่ยอิ่งจียังคงเข้มงวดเช่นเคย เธอไม่ได้สนใจเสียงโอดครวญของพวกนักศึกษาและพาพวกเขาไปยังสนามประลอง
...........................
ภายในสนามประลอง มีคนกลุ่มหนึ่งมารออยู่ก่อนแล้ว
เป็นพวกนักศึกษาจากคลาสนักฆ่า
ที่ด้านหน้าของกลุ่มเป็นชายวัยกลางคนในชุดเกราะหนัง
เมื่อเห็นเล่ยอิ่งจีนำพวกนักศึกษาเดินเข้ามา เขาก็รีบเข้าไปวันทยาหัตถ์ด้วยความเคารพ
"ผู้กองเล่ย!"
เล่ยอิ่งจีโบกมือ
"ที่นี่ไม่ใช่ค่ายทหาร"
นักฆ่าวัยกลางค่อยผ่อนคลายลง
อันที่จริงแล้ว คนเกือบทั้งหมดภายในมหาวิทยาลัยขงหมิงเป็นทหาร
อาจารย์ทุกคนภายในมหาวิทยาลัยล้วนเป็นนายทหาร
ซึ่งชายวัยกลางคนผู้นี้เห็นได้ชัดว่ามีตำแหน่งไม่สูงเท่าเล่ยอิ่งจี
เมื่อพวกนักศึกษาคลาสนักฆ่าได้เห็นฉากนี้ พวกเขาก็มองดูด้วยความอิจฉา
พวกเขาเองก็ต้องการให้ระดับท็อปของอาชีพนักฆ่ามาสอนให้เหมือนกัน
น่าเสียดายที่ปกติแล้ว ตัวตนระดับสูงอย่างเล่ยอิ่งจีมักไม่ได้มาสอนพวกนักศึกษา
ต่อให้มาก็คงจะมาเป็นวิทยากรพิเศษ บรรยายให้พวกนักศึกษาฟังสักคาบสองคาบต่อเทอม
สาเหตุที่เล่ยอิ่งจีถูกส่งมาสอนก็เพราะหลินอวี่
Copyright © 2025 xxxxx.com, All Right Reserved