ตอนที่ 138

-3812

"บ้าจริง!"

ทุกคนตกใจ

"นั่นอาชีพนักรบเลยนะ!"

ทั้งกลุ่มเปลี่ยนเป็นโง่งม ทำไมพวกเขาถึงได้โชคร้ายกันขนาดนี้?!

นักบวชของกลุ่มที่เป็นหญิงสาวสาวตาดีเริ่มใช้สกิลฮีลให้นักรบ

ขณะเดียวกัน เธอก็หันไปร้องบอกนักธนู

"เติ้งควน คุ้มกันที!"

เผชิญหน้ากับศัตรูที่ทรงพลัง นักธนูที่รวดเร็วและคล่องตัวก็สามารถช่วยคลายแรงกดดันให้กับนักรบที่แนวหน้า ทำให้ทั้งกลุ่มมีความปลอดภัยมากขึ้น

เติ้งควนหน้าเปลี่ยนสี เขาหันไปจ้องมองอสูรยมโลก

"เธอบ้ารึเปล่า? ไอ้ปีศาจตัวนี้มันต้องคลาสสี่แน่ๆ! ฉันจะไปคุ้มกันให้ได้ยังไง?! อันตรายเกินไป!"

"โฮก!"

หลังจากตบนักรบลอยกระเด็นไปกรงเล็บเดียว มันก็เงยหน้าขึ้นคำรามก่อนจะพุ่งเข้าหานักบวชที่ดูอ่อนแอที่สุด

ด้วยสติปัญญาที่มีอยู่อย่างจำกัด มันจึงเลือกศัตรูที่ดูอ่อนแอก่อน

อสูรยมโลกรวดเร็วยิ่ง อึดใจเดียวก็บรรลุถึงเบื้องหน้าของนักบวชหญิง

นักรบที่เพิ่งได้รับการการรักษาพลันคำรามเสียงต่ำและพุ่งไปขวางอยู่ที่เบื้องหน้าของนักบวช

ขณะเดียวกันเขาก็รีบเรียกใช้สกิล กำแพงโล่ โล่โปร่งแสงหลายใบก็ปรากฏขึ้นที่เบื้องหน้าของเขา

เสริมแกร่ง ป้องกัน!

เปรี้ยง!!

-832

กรงเล็บฟาดฟันเข้าใส่โล่ นักรบเซถอยหลังสองสามก้าวก่อนจะยืนหยัดอย่างมั่นคง

เขารีบยกดาบที่อยู่ในมืออีกข้างฟันสวนกลับไป

เกิดรอยฟันตื้นๆขึ้นบนผิวหนังของอสูรยมโลก

ไม่อาจสร้างภัยคุกคามใดๆ

อย่างไรก็ตาม ความเจ็บปวดอย่างมหาศาลกลับชำแรกเข้าสู่ร่างของอสูรยมโลก

ความเจ็บปวดจากภายในร่างทำให้มันมองหันไปจับจ้องนักรบอีกครั้ง

นี่คือสกิลของนักรบโล่ คมดาบแห่งความเจ็บปวด

แม้ว่าดาเมจจะไม่สูง ทว่ามันสามารถสร้างความเจ็บปวดแก่ผู้ถูกฟันได้

และสำหรับพวกที่มีสติปัญญาต่ำ การใช้สกิลยั่วยุนับว่าได้ผลอย่างชะงัก

เจ้าทำข้าเจ็บ ข้าจะฆ่าเจ้า!

พวกมอนสเตอร์ที่มีสติปัญญาต่ำแทบทั้งหมดมักจะมีตรรกะความคิดเช่นนี้

คนอื่นๆตอบสนองอย่างรวดเร็ว

นักเวทยิงศรน้ำแข็งเพื่อสโลว์ จากนั้นเขาจึงปรากฏตัวขึ้นที่ด้านหลังของอสูรยมโลกเพื่อหวังจะใช้สกิลสตั้น

อย่างไรก็ตาม อสูรยมโลกคลาส 4 ตัวนี้คล่องแคล่วมาก

ก่อนที่ศรน้ำแข็งจะกระทบถูก มันก็ชิงหลบไปก่อนแล้ว

นักฆ่าปรากฏตัวขึ้นใกล้ๆ

หมัดเงาพลันชกเข้าใส่อสูรยมโลก

อย่างไรก็ตาม เหนือศีรษะของอสูรยมโลกกลับปรากฏคำว่า "พลาด" ออกมา

"อั่ก!"

นักฆ่ากระอักเลือด

ระดับของทั้งสองฝ่ายแตกต่างกันเกินไป อีกทั้งอสูรยมโลกตัวนี้ยังดูเหมือนจะเป็นสายอาชีพนักรบ ดังนั้นจึงยิ่งผลักให้ค่าความสามารถของทั้งสองทิ้งห่างกันมากขึ้น

หมัดเงาล้มเหลว

เห็นฉากนี้ คนอื่นๆต่างก็รู้สึกหัวใจหนักอึ้ง

ตอนนี้เอง เติ้งควนก็เก็บอาวุธและก้าวถอยหลัง

จากนั้นจึงหมุนตัววิ่งหนี

เมื่อคนอื่นๆสังเกตเห็นฉากนี้ พวกเขาต่างก็ตกตะลึง

"เวรเอ๊ย เจ้านั่น!"

"ไอ้สารเลวเอ๊ย!"

"......"

ทั้งกลุ่มพลันเดือดดาล

หากว่าเติ้งควนช่วยแบ่งเบาแรงกดดันให้กับนักรบโล่ พวกเขาก็คงไม่ต้องรับมือด้วยความกินแรงเช่นนี้

แต่สุดท้ายเขากลับวิ่งหนีเอาตัวรอด?!

ล้อกันเล่นรึเปล่า??

บางคนเกิดความสิ้นหวังขึ้นในใจ

"อีกนานมั้ยกว่ากองหนุนจะมาถึง?!"

นักเวทถามเสียงเครียด

"กองกำลังที่อยู่ใกล้ที่สุดอยู่ห่างออกไปนาทีกว่า!"

"เวรเอ๊ย!"

หัวใจของคนทั้งหมดพลันเย็นเยียบ

"โฮก!"

อสูรยมโลกคำรามอีกครั้ง จากนั้นหางเดือยกระดูกของมันก็พุ่งเข้าหาศีรษะของนักรบโล่

นักรบโล่ผงะ เขารีบโยกตัวหลบไปด้านข้าง

อย่างไรก็ตาม หางเดือยกระดูกนั้นกลับเปลี่ยนเป็นกวาดฟาดใส่เขาแทน

นักรบเซถอยหลัง ก่อนที่เขาจะทรงกายมั่น อสูรยมโลกก็ตามมาประชิดตัวเขาแล้ว

มันยกกรงเล็บที่เปล่งแสงสีดำอมม่วงขึ้น

จบสิ้นแล้ว!

ทุกคนต่างหัวใจเย็นเฉียบ

อย่างไรก็ตาม กรงเล็บนั้นกลับไม่ได้ตวัดลงมา

ทันใดนั้น ทุกคนก็สังเกตเห็นว่าอสุรยมโลกคล้ายถูกแช่แข็ง ไม่สามารถขยับเคลื่อนไหวได้โดยสิ้นเชิง

"นี่......"

ทั้งกลุ่มเบิกตาค้างด้วยความตะลึง

ตอนนี้เองก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้น

"ดูเหมือนจะมาทันเวลาสินะ"

ทั้งกลุ่มหันมองไปตามเสียง

พวกเขามองเห็นหลินอวี่ ผู้สวมใส่เสือคลุมจอมเวทสีน้ำที่หรูหรา กำลังยืนถือไม้เท้าห่างออกไปไม่ไกล

หลินอวี่โบกมือขวาคราหนึ่ง อสูรยมโลกที่ยังแข็งคล้ายนั้นก็คล้ายถูกมือที่มองไม่เห็นโยนขึ้นไปบนฟ้า

จากนั้นหลินอวี่ก็ชี้ไม้เท้าออกไปพลางใช้พายุกระสุนเวท

ตู้ม!!!

ร่างของอสูรยมโกลระเบิดเป็นจุลอยู่กลาง โลหิตและชิ้นเนื้อพร่างพรมลงมาประดุจเม็ดฝน

-313,893

ตัวเลขค่าความเสียหายอันมหาศาลลอยเด่นหรา

เมื่อนักรบโล่มองเห็นค่าความเสียหายที่เกิน 300,000 เขาก็อ้าปากค้าง

จากนั้นจึงเบนสายตามามองดูหลินอวี่ที่ยังดูหนุ่ม เขาอดกลืนน้ำลายขณะที่ขนลุกซู่ทั่วร่างไม่ได้

คนผู้นี้.....

หลินอวี่รู้สึกประหลาดใจกับค่าความเสียหาย

เขาแค่โจมตีออกไปเพียงครั้งเดียว

อย่างไรก็ตาม เมื่อนึกถึงเซ็ตไอเท็มอันล้ำค่าของเขาที่เพิ่มโอกาสโจมตีคริติคอลขึ้น 40% แล้ว

มันก็ดูสมเหตุสมผล

นั่นแทบจะเป็นโอกาสครึ่งต่อครึ่ง

เขาเบนสายตากลับลงมามองกลุ่มของผู้มีพลังพิเศษที่กำลังจ้องมาทางเขาด้วยสีหน้าโง่งม จากนั้นจึงยิ้มพูดว่า

"ผมเป็นนักศึกษาจากมหาวิทยาลัยขงหมิง ได้ยินว่ามีคนกำลังขอความช่วยเหลือ ผมเลยมาที่นี่"

ในระหว่างช่วงสงครามจะมีการติดต่อสื่อสารและแจ้งจุดขอความช่วยเหลือในพื้นที่ใกล้เคียง

ทันทีที่หลินอวี่ออกจากมหาวิทยาลัย เขาก็พลันได้รับข้อความขอความช่วยเหลือของคนเหล่านี้

ดังนั้นเขาจึงมุ่งหน้ามาที่นี่

แล้วก็มาทันเวลาพอดี

"ดูเหมือนจะมาทันสินะครับ ทุกคนยังอยู่กันครบ"

ได้ยินเช่นนั้น พวกผู้มีพลังพิเศษก็ได้สิตกลับมา สีหน้าของพวกเขาเปลี่ยนเป็นโกรธแค้น

พวกเขายังไม่บืมว่าเติ้งควนหนีเอาตอนรอดไปคนเดียว!

พวกเขาโกรธคนที่ทิ้งพวกพ้องเช่นนี้

หลินอี่วสังเกตเห็นว่าทั้งกลุ่มมีสีหน้าไม่ค่อยสู้ดีสักเท่าไร ดังนั้นจึงนึกว่ามีสมาชิกในกลุ่มของพวกเขาเสียชีวิต

งั้นหลีกเลี่ยงไม่พูดถึงเรื่องนี้ดีกว่า

เขายิ้ม

"ในเมื่อพวกคุณปลอดภัยกันแล้ว ถ้างั้นผมคงต้องขอตัวก่อน"

ทั้งกลุ่มรู้สึกตัวและรีบเอ่ยปากขอบคุณ

"ขอบคุณท่านจอมเวทที่ช่วยครับ!"

"ขอบคุณค่ะ!"

"......."

หลินอวี่หันหลังและโบกมือ

"ผมไปก่อน"

หลินอวี่ยกไม้เท้า เมื่อก้าวเท้าออกร่างของเขาก็พลันหายไปในอากาศ

ทั้งกลุ่มมองดูทิศทางที่หลินอวี่หายตัวไปก่อนจะจมสู่ความเงียบ

ผ่านไปครู่หนึ่งก็มีคนพูดขึ้นว่า

"ท่านผู้นี้ ต่อให้อยู่ในมหาวิทยาลัยขงหมิงก็คงจะเป็นอัจฉริยะที่แข็งแกร่งมากๆสินะ?"

"อืม!"

"เอาเถอะ ว่าแต่จะเอายังไงกับเติ้งควน?"

ทั้งกลุ่มพลันเงียบ

นักรบโล่ขมวดคิ้ว หลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง เขาก็ค่อยๆพูดขึ้นว่า

"ช่วยประชาชนก่อน ไว้เมื่อเรื่องนี้จบแล้วค่อยไปคิดบัญชีกับเขา!"

ถูกเพื่อนร่วมทีมทรยศหักหลังจนเกือบจะเอาชีวิตไม่รอดแบบนี้ พวกเขาทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นไม่ลง

ในใจของพวกเขาสุมไว้ด้วยไฟแค้น.....