ตอนที่ 109

เล่ยอิ่งจีหันมาหาหลินอวี่

"เข้าใจรึยัง?"

หลินอวี่พยักหน้า

"ครับ"

"ดี"

เล่ยอิ่งจีหันไปมองเหล่านักศึกษาที่ยังตกตะลึงกันอยู่ก่อนจะพูดขึ้นว่า

"เมื่อปลุกพลังและกลายเป็นนักเวท ไม่ว่าจะพลังมานาหรือว่าสกิล นี่เป็นพลังที่ได้มาตามเจตจำนงของสวรรค์"

"ทว่าจะใช้พลังอย่างไรก็ขึ้นอยู่กับตัวพวกเธอเอง"

"ถ้าปฏิบัติต่อพลังเสมือนเครื่องมือที่แข็งทื่อ พวกเธอก็จะไม่อาจแสดงพลังที่แท้จริงได้"

"และ.....หากว่าควบคุมพลังมานาและสกิลได้ เมื่อนั้นพลังก็จะกลายเป็นพลังของพวกเธออย่างแท้จริง"

"เมื่อครู่ฉันใช้สกิลและพลังระดับเดียวกับหลินอวี่ แต่ฉันทำการควบแน่นระเบิดไฟก่อน ดังนั้นระเบิดไฟของฉันจึงรุนแรงกว่าของหลินอวี่"

"นี่ก็คือวิธีการใช้สกิลประเภทโจมตี เทคนิคการควบแน่น"

เธอกวาดสายตามองนักศึกษาก่อนจะค่อยๆพูดขึ้นว่า

"ต่อไปทุกคนจะต้องฝึกฝนด้วยตัวเอง"

"อย่าปฏิบัติต่อสกิลของพวกเธอเหมือนเป็นเครื่องมืออันแข็งทื่อ เรียนรู้มันอย่างถ่องแท้ ทำให้มันกลายเป็นพลังของพวกเธออย่างแท้จริง"

"เอาล่ะ เริ่มได้"

เล่ยอิ่งจียืนกอดอกพิงกำแพง

เมื่อเห็นว่าทุกคนเริ่มฝึกฝนด้วยตนเองอย่างกระตือรือร้น เธอก็หันมาหาหลินอวี่

"เธอสามารถใช้ระเบิดไฟได้ทันที แสดงให้เห็นว่าความสามารถในการการควบคุมของเธอไม่เลวเลย อีกไม่กี่วันเธอก็คงจะชำนาญเทคนิคควบแน่นได้"

"เริ่มเถอะ ฉันจะคอยดูให้"

หลินอวี่ยิ้มพยักหน้า

ในใจเกิดความคาดหวังขึ้นมา

เขานึกไม่ถึงเลยว่าเพียงเข้าเรียนคาบแรกก็ได้เรียนรู้เทคนิคดีๆเช่นนี้แล้ว

เขาทำตามคำพูดของเล่ยอิ่งจี เขาหลับตาลง สัมผัสถึงการไหลเวียนของพลังมานาขณะร่ายสกิล

จากนั้นเขาก็ค่อยๆสร้างเปลวเพลิงขึ้นมา รู้สึกถึงการไหลเวียนของพลังเวท เปลวไฟลุกขึ้นและเริ่มบีบอัดพลังเวท

เขารู้สึกแปลกใจเล็กน้อยเมื่อพบว่าความสามารถในการควบคุมพลังเวทของเขาจะยอดเยี่ยมกว่าที่คาด

หลังจากนั้นเขาก็คล้ายนึกอะไรได้ ในหัวคิดถึงสกิลหนึ่งขึ้นมา

-----------------------------------------------

ชำนาญการร่าย ( B- ):

พาสซีพสกิล

เมื่อคุณชำนาญในการร่ายเวท คุณจะสามารถลดระยะเวลาในการร่ายและปริมาณพลังมานาที่ใช้ลง 50%

-----------------------------------------------

นึกไม่ถึงเลยว่าพาสซีพสกิลนี้จะมีเอฟเฟคที่ซ่อนอยู่ด้วย?

เขาพยายามบีบอัดให้ระเบิดไฟกลายเป็นก้อนกลม

ในมือของเขาปรากฏบอลไฟที่มีขนาดเท่าอ่างล้างหน้าขึ้นมา จากนั้นมันก็ค่อยๆหดตัวลง

เมื่อเห็นฉากนี้ เล่ยอิ่งจีที่กอดอกยืนพิงกำแพงอยู่ก็ตกตะลึง เธอกลับมายืนตรงและคลายมือจากหน้าอก สายตาจับจ้องมองบอลไฟในมือของหลินอวี่ด้วยความอัศจรรย์ใจ

ในดวงตาปรากฏความตกตะลึงอย่างเด่นชัด

ทำสำเร็จแล้วงั้นเหรอ?!

เพียงแค่ลองครั้งแรกก็ทำได้แล้ว??

นับเป็นครั้งแรกที่เล่ยอิ่งจีต้องมองประเมินหลินอวี่ใหม่

แม้แต่ตัวเธอ ตอนที่ทางตระกูลสอนเทคนิคนี้ให้เป็นครั้งแรก เธอก็ยังต้องฝึกฝนอยู่ถึงสามวัน!

นี่น่าประหลาดใจเกินไปแล้ว

ตระกูลของเธอบอกต่อเธอว่าในอนาคตเธอจะต้องกลายเป็นตัวตนระดับเทพได้แน่

เธอเติบโตมาภายใต้ความคาดหวังและกลายเป็นรุ่นเยาว์ที่แข็งแกร่งที่สุดของตระกูล

เป็นจอมเวทอายุน้อยที่แข็งแกร่งที่สุดของเผ่าพันธุ์มนุษย์

ตอนนี้เธอกำลังมองหลินอวี่ด้วยความสับสน

หากใช้เวลาสามวันเรียนรู้ได้จะกลายเป็นเทพเจ้า แล้วถ้าทำสำเร็จในการลองเพียงครั้งเดียวล่ะ?

จู่ๆเธอก็รู้สึกพูดไม่ออก

ก่อนหน้านี้ อธิบดีบอกไว้ว่าหลินอวี่เป็นอัจฉริยะ แต่เธอไม่ได้ใส่ใจสักเท่าไร

ผู้ที่เข้ามหาวิทยาลัยขงหมิงได้ มีเหรอจะไม่ใช่อัจฉริยะ?

เธอยังคิดอยู่เลย ว่าหากหลินอวี่มีความสามารถไม่ได้สูง เขาจะสับสนรึเปล่า?

แต่ตอนนี้ เธอแทบจะอดใจไม่ให้ไปต่อยอธิบดีไม่ได้

แบบนี้เรียกอัจฉริยะงั้นเหรอ?

นี่มันสัตว์ประหลาดชัดๆ!

ไม่นาน ระเบิดไฟก็ควบแน่นจนมีขนาดเท่าลูกบาส

อย่างไรก็ตาม หลินอวี่รู้สึกว่าเขาไม่อาจควบแน่นได้อีก

ถึงขีดจำกัดแล้ว

ต่อให้ควบแน่นต่อไป แต่ด้วยค่าสติปัญญาของเขาแล้ว เขาก็จะไม่อาจคงสภาพมันไว้ได้

และมันจะระเบิด

เขาลืมตาขึ้น มองดูบอลไฟขนาดเท่าลูกบาสในมือแล้ว เขาก็ยิ้มบาง

"อาจารย์ ผมทำได้แล้ว"

เขาหันไปหาเล่ยอิ่งจี

อย่างไรก็ตาม เขาพบว่าเล่ยอิ่งจีกำลังมองเขาด้วยสีหน้าเหม่อลอย

เล่ยอิ่งจีได้สติกลับมา เธอพยักหน้า

"ลองยิงดู"

หลินอวี่พยักหน้าและยิงระเบิดไฟที่ควบแน่นออกไป

ฟุ่บ!

ระเบิดไฟพุ่งออกไปรวดเร็วกว่าเดิมมาก

ระเบิดไฟพุ่งหายเข้าไปในเนื้อโลหะ จากนั้นก็เกิดการระเบิด

แม้ว่าอานุภาพจะไม่รุนแรงเท่าของเล่ยอิ่งจีก็ตาม

แต่ก็รุนแรงกว่าก่อนหน้านี้มาก

อานุภาพของมันใกล้เคียงกับพายุกระสุนเวท

หลินอวี่ประหลาดใจเล็กน้อย

อานุภาพเพิ่มขึ้นเกือบเท่าตัว!

"ติ๊ง! ขอแสดงความยินดีต่อผู้เล่น หลินอวี่ ในการบรรลุเทคนิคการควบแน่น ปัจจุบัน ค่าความเสียหายเพิ่มขึ้น 30%"

หลินอวี่แทบจะลืมหายใจ

เพิ่มอานุภาพของสกิลขึ้น 30%!

หากไม่ใช่เพราะเขามีค่าสติปัญญาไม่เพียงพอ มิเช่นนั้น หากว่าควบแน่นได้มากกว่านี้ อานุภาพก็จะเพิ่มขึ้นอีกอย่างแน่นอน

เสียงระเบิดของระเบิดไฟได้ดึงดูดความสนใจของนักศึกษาที่กำลังฝึกฝนกันอยู่

ทุกคนหันมามองระเบิดด้วยความตกใจ จากนั้นจึงมองดูหลินอวี่ด้วยสายตาไม่อาจทำใจเชื่อ

"นี่....เพื่อนร่วมชั้นหลินอวี่ทำได้แล้ว??"

"เทียบกับเพื่อนร่วมชั้นหลินอวี่ไม่ติดเลยจริงๆ"

"ฉันยังไม่รู้เรื่องอะไรเลย แต่เขากลับทำได้แล้ว"

".........."

นักศึกษาคนอื่นๆต่างเกิดคำถามต่อชีวิตขึ้นมา

ใครบอกว่าพวกเขาเป็นอัจฉริยะกัน?

เทียบกันแล้ว พวกเขาก็ไม่ต่างอะไรจากคนธรรมดาที่ไม่อาจธรรมดากว่านี้แล้ว!

เล่ยอิ่งจีมองดูการระเบิดของระเบิดไฟด้วยสายตาซับซ้อน

เธอหันมามองหลินอวี่ จากนั้นจึงพูดว่า

"เยี่ยมมาก"

หลินอวี่ยิ้มตอบ

"อาจารย์สอนดีน่ะครับ"

"ไม่ต้องพูดเอาใจฉันเลย"

เล่ยอิ่งจีมองหลินอวี่ก่อนจะพลันพูดว่า

"ฉันล่ะชอบนายจริงๆ"

"ห้ะ?"

หลินอวี่กลายเป็นโง่งม

นี่...เธอตกหลุมรักตั้งแต่แรกพบเลยเหรอ?

เสน่ห์ของเรานี่มันเหลือร้ายจริงๆ!

หลินอวี่ลอบคิดในใจ

ตอนนี้เอง เล่ยอิ่งจีก็พูดต่อ

"เมื่อเธอเรียนจบแล้ว มาอยู่ที่กองกำลังจอมเวทที่หนึ่งสิ ฉันจะมอบตำแหน่งรองผู้บัญชาการให้เธอ"

หลินอวี่ "???"

เขาตกตะลึง ในใจเกิดความรู้สึกอันซับซ้อน

"อาจารย์หมายถึงว่าต้องการจะให้ผมไปเป็นผู้ใต้บังคับบัญชางั้นเหรอครับ?"

เล่ยอิ่งจีชะงักไปครู่หนึ่ง "แล้วยังหมายถึงอะไรได้อีก?"

จากนั้นเธอก็นึกอะไรได้ ดังนั้นเธอจึงจ้องหน้าหลินอวี่

"ได้ยินจากอธิการบดีว่าเธอมีแฟนสาวอยู่สองคน ตอนนี้ฉันเข้าใจแล้ว"

หลินอวี่หน้าเครียด "เพราะคำพูดของอาจารย์ทำให้คนเข้าใจผิดได้ง่ายๆต่างหากครับ"

เลิ่ยอิ่งจีแย้มยิ้ม เป็นรอยยิ้มแรกนับตั้งแต่เดินเข้ามาในชั้นเรียน

"เด็กน้อย เธอต้องการจะจีบชั้นด้วยรึไง?"

หลินอวี่ยิ้ม

"คำพูดของอาจารย์เรื่องตำแหน่งรองผู้บัญชาการ เอาไว้กลับไปแล้วผมจะคิดดูอีกที"