ตอนที่ 31

ภายในภูเขาสูงตระหง่านที่เรียงรายสุดลูกหูลูกตา เงาร่างที่โงนเงนร่างหนึ่งพลันปรากฏตัวขึ้น

บนร่างของเขามีบาดแผลหลายแห่ง สีหน้าของเขาเต็มไปด้วยความอ่อนล้า

มองดูป้อมปราการอันใหญ่โตบนเนินเขาแล้ว เขาก็ถอนหายใจ มีรอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้าอันน่าเกลียดนั้น

"ในที่สุดก็มาถึงจนได้!"

เขารีบเร่งฝีเท้ามุ่งหน้าตรงไปยังป้อมปราการ

ไม่นาน เขาก็มาถึงหน้าประตูป้อม

"หยุด! แสดงตัวมา!"

ทหารมนุษย์หนูที่สวมใส่ชุดเกราะสีแดงสดสองตัวกำลังจ้องมองมาอย่างเย็นชา

"ครับๆ"

มนุษย์หนูนักฆ่าคอลลินรีบค้อมตัว บนใบหน้าอันน่าเกลียดของเขาปรากฏรอยยิ้มประจบประแจง มือของเขายื่นตราสัญลักษณ์หนึ่งออกไป

หลังจากตรวจสอบดูแล้ว ทหารมนุษย์หนูก็พยักหน้าแล้วจึงปล่อยให้เขาผ่านเข้าไป

คอลลินเดินเข้าไปในประตูป้อมได้สองก้าว จากนั้นจึงหันกลับมาชำเลืองมองดูทหารชุดเกราะสีแดงสดด้วยความอิจฉา

ทหารแห่งทัพจอมเชือด.....ช่างน่าอิจฉานัก

'ครั้งนี้ข้าจะรายงานเรื่องเจ้านักเวทฝึกหัดนั่น ไม่รู้ว่าท่านผู้นำจะให้ข้าเข้าร่วมทัพจอมเชือดไหมนะ?'

ในดวงตาของคอลลินฉายแวววาดหวัง ฝีเท้าของเขาร่งเร็วขึ้นขณะที่มุ่งหน้าไปยังศูนย์กลางของป้อมปราการ.....

.........................

ณ ห้องโถงของป้อมปราการจอมเชือด บนที่นั่งหลัก

มนุษย์หนูร่างสูงใหญ่ที่สวมเกราะสีแดงเข้มและเต็มไปด้วยมัดกล้ามกำลังจ้องมองคอลลินที่กำลังคุกเข่าที่เบื้องหน้าด้วยสายตาเย็นชา

เชผิยกับสายตาที่จ้องมา คอลลินก็ตัวสั่นเทาไม่หยุด

หลังจากนิ่งเงียบอยู่ครู่หนึ่ง เสียงที่เย็นยะเยือกของจอมเชือดแม็กซ์เวลล์ก็ดังขึ้น

"ได้ยินว่าเจ้าต้องการพบข้าและมีเรื่องสำคัญจะบอกข้า?"

"ครับ! ใช่ครับ! ท่านผู้นำป้อมปราการ!"

คอลลินพูดเสียงสั่น

สีหน้าของแม็กซ์เวลล์ไม่ยินดียินร้าย เขากล่าวขึ้นเบาๆ

"ว่ามา หากเจ้าทำให้ข้ารู้สึกพึงพอใจไม่ได้ คงรู้ผลลัพธ์สินะ"

คอลลินกลืนน้ำลาย

"เรื่องเป็นแบบนี้ครับ ทีมสำรวจของพวกเราได้เดินทางไปที่หุบเขาอันเงียบสงบทางตะวันตกของป้อมปราการหน้าด่าน แต่พวกเราได้พบกับประตูมิติขนาดเล็กที่กำลังเปิดอยู่ ดังนั้นพวกเราจึงลองเข้าไป...."

"อืม?"

ร่างกายที่เดิมทีเอนพิงพนักบัลลังก์ได้เหยียดตั้งตรงขึ้นด้วยท่าทางที่เต็มไปด้วยพลังสภาวะ

"ประตูมิติขนาดเล็ก?"

"ครับ...ใช่ครับ! ท่านผู้นำ"

เมื่อเห็นว่าแม็กซ์เวลล์เริ่มสนใจ คอลลินก็พยักหน้าหงึกๆด้วยความตื่นเต้น

"ใช่แล้วครับ เป็นประตูมิติขนาดเล็ก!"

แม็กซ์เวลล์หรี่ตาลง

"จุดหมายของมันคือที่ใด?"

"เป็นดาวเคราะห์สีน้ำเงินครับ! เป็นโลกของพวกมนุษย์!"

ดวงตาสีแดงเข้มของแม็กซ์เวลล์พลันไหววูบ

สีหน้าของเขายังเรียบเฉย ทั่วร่างแผ่ซ่านกลิ่นอายนองเลืือดออกมาอย่างเข้มข้น เจตนาฆ่าฟันเริ่มปกคลุมอากาศโดยรอบ

จิตสังหารที่จู่ๆก็ปรากฏขึ้นทำให้คอลลิน นักฆ่าที่มีประสบการณ์ในการลอบสังหารมาอย่างโชกโชนต้องรู้สึกหนาวเหน็บไปถึงขั้วหัวใจ

เขาเกือบจะฉี่ราดกางเกง!

เขาพยายามควบคุมกล้ามเนื้อทุกส่วนเอาไว้อย่างสุดกำลัง!

จิตสังหารและกลิ่นเลือดปรากฏขึ้นเพียงชั่วครู่

วินาทีต่อมาก็สลายหายไปราวกับไม่เคยปรากฏขึ้นมาก่อน

แม็กซ์เวลล์มองมนุษย์หนูนักฆ่าที่กำลังเหม่อลอยเล็กน้อย

"พูดต่อ"

คอลลินได้สติกลับมา สีหน้าของเขาขาวซีด เขาไม่กล้าแม้แต่ยกมือปาดเหงื่อเย็นที่ผุดขึ้นเต็มหน้า

"ข้า....ทีมของพวกเราปรากฏตัวขึ้นที่ทุ่งหญ้าของพวกหนูดีบุก....."

เขาตัวสั่นขณะที่บอกเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นบนดาวเคราะห์สีน้ำเงิน

ยิ่งได้ฟัง แม็กซ์เวลล์ก็ยิ่งขมวดคิ้ว

หลังจากคอลลินเล่าจนจบ แม็กซ์เวลล์จึงค่อยๆพูดขึ้นว่า

"เจ้าหมายความว่า เจ้านักเวทฝึกหัดมีพลังป้องกันและพลังโจมตีเข้าขั้นน่าสะพรึง อีกทั้งยังสามารถสังหารพวกเจ้าที่เป็นคลาสหนึ่งระดับสูงจำนวนสามตัวได้โดยง่าย? แถมอีกฝ่ายยังเป็นผู้มีพลังพิเศษที่ยังไม่เลื่อนคลาสด้วยซ้ำ?"

"ครับ....ใช่ครับ!"

เมื่อหวนนึกถึงฉากนั้น ดวงตาของคอลลินก็ทอแววหวาดกลัว

"พวกเราทั้งสี่! การโจมตีของพวกเราไม่อาจทะลวงผ่านพลังป้องกันของมันได้เลย ข้าไม่เคยเห็นนักเวทฝึกหัดที่มีพลังป้องกันแข็งแกร่งถึงขั้นนี้มาก่อน!"

แม็กซ์เวลล์จ้องหน้าคอลลินอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นจึงค่อยๆเอนพิงบัลลังก์

ดวงตาของเขาจมอยู่ในความคิด

เงาของเกราะที่ทำจากกระดูก.....

นั่นเป็นสกิลที่พวกเนโครแมนเซอร์ชอบใช้ ไม่รู้ว่ามันสามารถดูดวับพลังป้องกันหรือว่าเพิ่มพลังป้องกันให้ผู้ใช้กันแน่....

เกราะกระดูกแห่งความตาย? หรือจะเป็นโครงกระดูกพิทักษ์?

ไม่สิ....การโจมตีของพวกเขาเคยสร้างความเสียหายให้กับมุนษย์นั่นได้

หลังจากนั้น เป็นไปได้ว่าเจ้านั่นจะเพิ่มเลเวลและเปลี่ยนอุปกรณ์ จนทำให้พวกเขาสร้างความเสียหายไม่ได้อีก

ก็พอเข้าใจได้ ถึงอย่างไร หลังจากฆ่าหนูดีบุกไปมากมายปานนั้น เกรงว่าคงได้ค่าประสบการณ์มหาศาล

ด้วยวิธีนี้ หลังจากเปลี่ยนอุปกรณ์แล้ว พลังโจมตีเวทมนตร์ของมันก็จะเพิ่มขึ้นอย่างมาก และบางทีมันอาจจะเรียนรู้สกิลสายป้องกันเพิ่มเติม ทำให้มีพลังป้องกันเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล

เป็นไปได้มากว่าจะเป็นเกราะกระดูกแห่งความตาย.....

เกราะกระดูกแห่งความตาย....นั่นเป็นสกิลระดับ D+

เงื่อนไขในการเรียนรู้คือต้องมีค่าสติปัญญาอย่างน้อย 300 หรืออาจจะมากกว่านั้น

ถึงอย่างไรแม็กแวลล์ก็ไม่ใช่นักเวท ดังนั้นจึงไม่ทราบเงื่อนไขที่แม่นยำ กระนั้นก็ยังพอจะคาดเดาได้บ้าง

ก่อนที่จะถึงเลเวล 10 นักเวทฝึกหัดนั่นก็เรียนรู้สกิลนี้ได้แล้ว

เป็นไปได้อย่างไรที่นักเวทฝึกหัดซึ่งมีเลเวลไม่ถึง 10 จะมีค่าสติปัญญาสูงถึงขั้นนั้น?

แล้วเขาไปหาอุปกรณ์ระดับสูงเหล่านั้นมาจากไหน?

มีอุปกรณ์ระดับ C ทั้งตัวตั้งแต่เลเวลยังไม่ถึง 10?!

นั่นมันเรื่องบ้าอะไรกัน?!

ไม่.....ไม่น่าจะเป็นไปได้

ต้องลองเปลี่ยนมุมมอง....

เจ้านั่นอาจจะเรียนรู้ผ่านวิธีอื่น

ประกอบกับอุปกรณ์ที่สวมใส่ ซึ่งควรจะเป็นระดับ C ไม่ว่าจะดีจะร้ายอย่างไร ก็สมควรไม่ต่ำกว่าระดับ E+ แน่นอน

อุปกรณ์ระดับ C ก่อนที่จะเลเวล 10.....เดี๋ยวนี้อุปกรณ์มันดรอปง่ายขนาดนี้เชียว?

แม็กซ์เวลล์ขมวดคิ้ว

เจ้านักเวทฝึกหัดนั่นไม่ธรรมดาเลย บางทีเขาอาจจะเป็นทายาทอัจฉริยะของตัวตนระดับผู้นำของเผ่าพันธุ์มนุษย์!

วินาทีถัดมา จิตสังหารอันเข้มข้นก็ปรากฏขึ้นอีกครั้ง

ดวงตาของเขาทอแววยิ้มเยาะ

ไม่รู้ว่าการสังหารเจ้านี่จะทำให้ตัวตนระดับสูงของพวกมนุษย์บ้าคลั่งขึ้นมาหรือไม่?