ตอนที่ 80

คุณสมบัติของสร้อยคอทั้งสองนับว่าเป็นประโยชน์กับหลินอวี่ไม่น้อย

หลินอวี่ใส่สร้อยคอทั้งสองลงไปในช่องขยายพลัง ค่าประสบการณ์ถูกดูดออกไป จากนั้นไอเท็มทั้งสองก็เกิดการเปลี่ยนแปลง

หลังจากแสงสว่างจางหายไป รูปลักษณ์ก็เกิดการเปลี่ยนแปลง

-----------------------------------------------

สร้อยคอน้ำพุแห่งมานา ( A- )

สร้อยคอ

+2,000 ค่าสติปัญญา

ฟื้นฟูพลังมานา 30% ของค่าพลังมานาต่อวินาที

เงื่อนไขในการใช้งาน: คลาส 1

-----------------------------------------------

-----------------------------------------------

สร้อยคอแห่งจิตวิญญาณที่ไม่ยอมจำนน ( B+ )

สร้อยคอ

เมื่อถูกคลาส 4 หรือต่ำกว่าใช้สกิลควบคุม ผู้ใช้จะสามารถสลายผลของสกิลควบคุมนั้น

หลังจากที่ไอเท็มลบล้างการควบคุมแล้ว ผู้ใช้จะไม่ได้รับผลจากสกิลควบคุมใดๆเป็นระยะเวลา 10 วินาที

ระยะเวลาคูลดาวน์: 1 นาที

เงื่อนไขในการใช้: คลาส 1

-----------------------------------------------

คุณสมบัติของสร้อยคอทั้งสองพุ่งขึ้นสูงเสียดฟ้าในพริบตา!

ตอนนี้ สร้อยคอน้ำพุแห่งมานาเป็นไอเท็มระดับ A เพียงชิ้นเดียวที่อยู่ในการครอบครองของเขา

แม้ว่าจะมีระดับเพียง A- แต่คุณสมบัติของมันก็ทรงพลังอย่างเหลือเชื่อ

ด้วยการเพิ่มค่าสติปัญญาให้กับอีก 2,000 แต้ม ค่าสติปัญญาของเขาก็จะเพิ่มขึ้นไปเป็น 5,929 เกือบจะทะลุ 6,000 แล้ว

และนั่นทำให้พลังโจมตีเวทมนตร์ของเขาทะลุไป 12,000 กว่า

ไม่เพียงเท่านั้น คุณสมบัติในการฟื้นฟูมานาของมันยังน่ากลัวอย่างมาก

ขณะที่สวมใส่สร้อยคอน้ำพุแห่งมานา เขาก็จะสามารถฟื้นฟูพลังมานาได้มากกว่า 1,800 หน่วยในหนึ่งวินาที

ทำให้เขาแทบจะมีพลังมานาให้ใช้ได้ไม่จำกัด

หลังจากเรียนรู้สกิลสายฟ้าทมิฬ หลินอวี่ยังกังวลอยู่เลยว่าพลังมานาจะไม่เพียงพอ

ทว่าตอนนี้เขาไม่จำเป็นต้องกังวลอีกต่อไปแล้ว

เพราะพลังมานาของเขาแทบจะถูกฟื้นฟูจนเต็มตลอดเวลา

สร้อยคอแห่งจิตวิญญาณที่ไม่ยอมจำนนเองก็ทรงพลังอย่างมาก

ยังไม่ต้องพูดถึงว่าสามารถล้างผลของสกิลควบคุมจากคลาส 4 ลงมาได้ มันยังทำให้เขาไม่รับผลสกิลควบคุมใดๆอีก 10 วินาที

และมันยังมีเวลาคูลดาวน์เพียง 1 นาทีเท่านั้น

หลินอวี่ไม่จำเป็นว่าจะถูกศัตรูควบคุมจนไม่อาจตอบโต้อีก

เมื่อมีระบำสายลมและเทเลพอร์ตอยู่ เขาก็สามารถเคลื่อนไหวได้อย่างคล่องตัว!

เขาเก็บไอเท็มทั้งสองเข้าไปในช่องเก็บของ เวลานี้พลังต่อสู้ของเขาได้ถูกยกระดับขึ้นอีกครั้ง

น่าเสียดายที่หลินอวี่ยังหาอุปกรณ์สวมใส่ที่จะมาทดแทนของเดิมไม่ได้

ตอนนี้เขายังสวมใส่อุปกรณ์เลเวล 10 ระดับ B อยู่เลย ซึ่งนี่ค่อนข้างต่ำไปสำหรับเขา

อย่างไรก็ตาม ว่ากันว่าของรางวัลของผู้ชนะเลิศในการสอบระดับหัวกะทินั้นก็คือ อุปกรณ์สวมใส่ของคลาส 1 ซึ่งเป็นระดับ C ยกเซ็ท

ฟังดูไม่เลวแฮะ

หลินอวี่เริ่มเกิดความคาดหวังขึ้นมา

หลังจากจัดการเรื่องเหล่านี้เสร็จแล้ว หลินอวี่ก็เข้านอน

วันรุ่งขึ้น หลินอวี่ จั่วมู่เกอ และหยานจีก็พากันออกไปเดินเที่ยวและกินอาหารอร่อยๆภายในเมือง

นับเป็นวันพักผ่อนสบายๆวันหนึ่ง

สิ่งที่สมควรเตรียมการก็ได้เตรียมการเอาไว้แล้ว ดังนั้นพวกเขาจึงเดินเที่ยวได้อย่างสบายใจ

.......................

วันของการสอบระดับหัวกะทิ

เมืองสวรรค์เจิดจรัส ณ ลานกว้างหลักของเมือง

วันนี้ ลานกว้างของเมืองถูกกันเป็นที่โล่ง ประชาชนไม่ได้รับอนุญาตให้ผ่านเข้าไป

มีเพียงเหล่าผู้ที่เกี่ยวข้องกับการสอบระดับหัวกะทิเเท่านั้นที่สามารถเข้าไปได้

หลินอวี่ หยานจี จั่วมู่เกอ และคนอื่นๆต่างมารวมกันที่นี่ภายใต้การนำทางของเจ้าหน้าที่ทหาร

นอกจากเหล่านักเรียนจากเมืองประกายแสงแล้วก็ยังมีนักเรียนจากเมืองแห่งอื่นๆ

ทำให้ภายในล้านกว้างนี้มีคนอยู่นับหมื่น

ในดาวเคราะห์สีน้ำเงินมีมนุษย์อยู่หลายพันล้านคน

และนักเรียนระดับมัธยมเองก็มีจำนวนค่อนข้างมาก

ผู้ที่สามารถมายืนอยู่ที่นี่ได้ถือว่าเป็นผู้ที่มีความโดดเด่นหนึ่งในล้าน

นักเรียนหลายคนมีท่าทางเย่อหยิ่งและดูมั่นใจในตัวเอง

บนเวทีภายในลานกว้าง ชายที่มีท่าทางสง่างามผู้หนึ่งเดินออกมา

"สวัสดีทุกคน ฉันชื่อ หวังหมิง เป็นหัวหน้าสำนักการศึกษาของเมืองสวรรค์เจิดจรัส ขอกล่าวต้อนรับนักเรียนทุกคน......."

คปราศัยของหวังหมิงมีเนื้อความเป็นการยกย่องเหล่านักเรียนที่มีพรสวรรค์ และบอกว่าพวกเขาจะต้องมีอนาคตอันสดใส โดยหวังว่าจะให้นักเรียนทั้งหมดพยายามทำผลลงานได้ดีในการสอบและกลายเป็นผู้มีพลังพิเศษที่แข็งแกร่งในอนาคต

คำพูดอันยืดยาวทำให้หลายๆคนรู้สึกง่วงนอน

อย่างน้อยที่สุด จั่วมู่เกอก็เอนตัวพิงเขาและหลับไปแล้ว

หยานจีที่อยู่ข้างๆเองก็เริ่มเหม่อไปแล้ว

ตอนนี้เอง หลินอวี่ก็รู้สึกว่ามีสายตากำลังจ้องมองมาที่เขา

เขาเงยหน้าขึ้นและหันไปตามทิศทางที่รู้สึกได้ถึงการจ้องมอง

เป็นตำแหน่งที่มุมหนึ่งของเวที

ผู้หญิงคนหนึ่งซึ่งสวมใส่ชุดเดรสยาวสีดำ รอบตัวถูกปกคลุมไปด้วยดวงดาว ให้ความรู้สึกที่ดูลึกลับแก่ผู้คน

สิ่งที่ทำให้หลินอวี่งุนงงก็คือ เขามองไม่เห็นรูปร่างหน้าตาของผู้หญิงคนนั้น เพียงมองเห็นดวงตาที่ดูลึกล้ำของเธอ

ผู้หญิงคนนี้.....

หลินอวี่กระพริบตา และก็พบว่าผู้หญิงคนนั้นหายตัวไปแล้ว

เขากวาดตามองรอบๆ ดวงตาค่อยๆหรี่ลง จากนั้นจึงเงยหน้าขึ้นมองบนฟ้า

................................

ในอวกาศนอกดาวเคราะห์สีน้ำเงิน

ชายที่ดูทรงอำนาจกำลังก้มลงมองดูดาวเคราะห์สีน้ำเงินที่อยู่ด้านล่าง

ชายที่ดูทรงอำนาจอีกคนซึ่งสวมใส่ชุดเกราะสีแดงเข้มซึ่งเต็มไปด้วยลวดลายของมังกรซึ่งอยู่ด้านข้างชายคนแรกเผยรอยยิ้มก่อนจะพูดว่า

"หืม เด็กนั่นรู้สึกถึงตัวตนของซิงเฉินได้ด้วย"

"น่าสนใจ สงสัยต้องเพิ่มารจับตาดูเด็กคนนี้สักหน่อย"

"......."

ตอนนี้เอง ห้วงอวกาศก็เกิดการบิดผัน จากนั้นผู้หญิงในชุดเดรสยาวสีดำก็ปรากฏตัวขึ้น

เธอมองพวกเขา

"ว่างขนาดนั้นเลย?"

"ฮ่าๆ เธอเองก็ต้องการจะดูว่าเด็กที่สามารถผ่านภารกิจเลื่อนคลาสระดับอีเทอร์นอลส์เป็นคนแบบไหนไม่ใช่เหรอ?"

"มารวมกันตรงนี้ ระวังเทพมารพวกนั้นเห็น"

เมื่อได้ยินเสียง ทั้งสามก็เงยหน้าขึ้นมองด้านบน

จากนั้นพวกเขาก็พยักหน้า

"เอาเถอะ ไปทำหน้าที่ของตัวเองได้แล้ว ฉันจะต้องไปยังพฤกษาแห่งโลกเพื่อเฝ้าจับตาดู"

"ฉันเองก็จะกลับไปยังนรกเหมือนกัน วันนี้ฉันอารมณ์ดี คงต้องฆ่าพวกปีศาจสักฝูงเพื่อเซ่นสรวงฟ้า"

"ระวังอย่าให้ถูกเซ่นสรวงซะเองล่ะ"

"......."

เหล่าเทพทยอยหายตัวไปทีละคน เหลือเพียงผู้ทรงอำนาจไม่กี่คน รวมถึงซิงเฉิน

"ซิงเฉิน ในระหว่างนี้ช่วยเพิ่มความระวังขึ้นเป็นพิเศษด้วย"

เสียงอันอ่อนโยนดังออกมาจากเงาร่างที่มีแสงศักดิ์สิทธิ์ปกคลุม

"วจนะศักดิ์สิทธิ์ เด็กนั่นอาจจะได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของตระกูลนาย จิ๊ๆ...."

ชายที่ถูกปกคลุมไปด้วยเงาดาบยกมือถูคาง

ชายที่ถูกปกคลุมด้วยแสงศักดิ์สิทธิ์เพียงยิ้มบาง จากนั้นก็หายตัวไป

ชายที่ปกคลุมด้วยเงาดาบก้มลงมองไปยังดาวเคราะห์เบื้องล่าง จากนั้นจึงหันไปพยักหน้าให้ซิงเฉิน จากนั้นเงาดาบก็พุ่งขึ้นสูงก่อนจะแหวกฝ่ามิติและหายไป

คนที่เหลือเองก็แยกย้ายจากไป ไม่นานก็เหลือเพียงซิงเฉิน

เธอนั่งลงในความว่างเปล่า ทันใดนั้นก็มีเก้าอี้ที่มีพนักพิงสีดำที่มีลวดลายของดวงดาวปรากฏขึ้นรองรับ

เธอนั่งลงบนเก้าอี้ตัวนั้นอย่างพอดิบพอดี

มือข้างหนึ่งยกขึ้นเท้าคาง สายตามองไปยังดาวเคราะห์เบื้องล่าง ในดวงตาอันลึกล้ำของเธอปรากฏประกายแสงขึ้นวูบ

"หวังว่าจะเติบโตขึ้นไวๆ......"