ตอนที่ 117

เมื่อเห็นหิมะโปรยปรายลงมาและความเร็วของเขาค่อยๆลดลง หูจื่อจ้งก็หน้าแปรเปลี่ยน

ในดวงตาฉายแววหวาดกลัวอย่างลึกล้ำ

จากนั้นสีหน้าของเขาก็เปลี่ยนเป็นดุร้ายอีกครั้ง

"บัดซบ!"

"แกบังคับฉันเองนะ! ถ้างั้นก็ลงนรกไปพร้อมกันเถอะ!"

ดวงตาของเขาเปล่งแสงสีแดง หูจื่อจ้งคุกเข่าลงพื้นหิมะพลางแหงนหน้ามองดวงจันทร์สีเลือดที่ลอยอยู่กลางฟ้า

จากนั้นเขาก็หยิบรูปปั้นที่ทำจากคริสตัลสีเลือดออกมา

รูปปั้นนี้เป็นรูปปั้นของหญิงสาวที่ไม่อาจมองเห็นใบหน้าได้อย่างชัดเจน

ทว่าเพียงแค่มองเห็นรูปปั้นนี้ หลินอวี่ก็เกิดลางสังหรณ์อันเลวร้ายขึ้นในใจ

รูม่านตาของเขาหดวูบด้วยความตื่นตัว

นั่นมันอะไรน่ะ?!

หลินอวี่หน้าแปรเปลี่ยน เขารีบโจมตีใส่หูจื่อจ้ง

ศรน้ำแข็งแห่งความมืดและสายฟ้าทมิฬถูกใช้ออกไป

ตู้ม!!

เกิดค่าความเสียหายจำนวนมากลอยขึ้นมาสองครั้ง หูจื่อจ้งที่กำลังคุกเข่าอยู่บนพื้นก็กรีดร้องโหยหวน

กระนั้นเขาก็ยกมือชูรูปปั้นหญิงสาวขึ้นเหนือหัวด้วยความตื่นเต้น

"พระองค์ผู้เป็นนายเหนือแห่งเลือดเนื้อผู้ยิ่งใหญ่ พระมารดาแห่งโลหิต ข้าขอถวายร่างกายนี้แด่ท่าน ขอท่านประทานพลังและลงโทษผู้ชั่วช้าที่บังอาจดูหมิ่นท่านด้วย!"

วิ๊ง!

เกิดแสงสีแดงเลือดเปล่งออกมาจากรูปปั้นสีเลือดนั้น

วินาทีถัดมา รอบร่างของหูจื่อจ้งก็ปรากฏหมอกเลือดเข้าปกคลุม

หลินอวี่ขมวดคิ้ว เขารีบใช้พายะกระสุนเวทโจมตีเพื่อขัดขวางหมอกเลือดที่กำลังไหลมารวมกัน

ไม่ได้ผล

การโจมตีของเขาทำอะไรหมอกพวกนั้นไม่ได้เลย

หลินอวี่หัวใจเย็นเฉียบ

มารดามันเถอะ ต่อให้นี่เป็นภารกิจเลื่อนคลาสระดับอีเทอร์นอลส์ ต่อก็ไม่จำเป็นให้เขาต้องสู้กับเทพเจ้าโดยตรงก็ได้มั้ง?

ทำแบบนี้เท่ากับสั่งตายกันชัดๆ!

นี่ป็นสถานการณ์ที่เหนือความคาดหมายของหลินอวี่!

หากว่าเขาต้องสู้กับตัวตนระดับเทพจริงๆ ไม่ว่าเขาเตรียมพร้อมมาแค่ไหน มันก็เปล่าประโยชน์

ดวงตาของหลินอวี่ฉายแววลังเล

หรือว่าจะหนี?

หากว่ามีเทพจุติลงมาจริงๆ หากเขาไม่รีบหนี เช่นนั้นก็ได้แต่รอความตายแล้ว

แต่ว่า......

มารตนนี้คงจุติลงมาไม่ได้หรอกมั้ง?

เพราะถึงยังไง พวกเทพเจ้าของเผ่าพันธุ์มนุษย์ก็ไม่ใช่แค่ไม้ประดับ

แล้วมารจะจุติลงมาได้ยังไง?

หากว่าพระแม่โลหิตกล้าจุติลงมา เธอก็คงจะถูกเหล่าเทพเจ้าของมนุษย์กลุ้มรุมโจมตีในทันที

ต่อให้ไม่ตายก็ต้องเจ็บตัวกันบ้าง

แต่นั่นก็จะเป็นการจุดชนวนสงครามระหว่างเหล่าเทพมารและเทพของมนุษย์ ซึ่งอาศัยสาวกเพียงคนเดียวไม่ไม่อาจทำให้อีกฝ่ายต้องสุ่มเสี่ยงถึงเพียงนั้น

หลินอวี่สูดหายใจเข้าลึกก่อนจะเปิดหน้าต่างภารกิจขึ้นมา

หน้าต่างภารกิจยังคงไม่มีความผิดปกติแต่อย่างใด

หลินอวี่ใบหน้ากระตุก

ให้ตายสิ....

ไม่ต้องลังเลอีกแล้ว

ในเมื่อภารกิจยังคงเดิมๆไม่เปลี่ยนแปลง เจขาก็ตัดสินใจจะรอดูสถานการณ์ก่อน

ขณะที่หลินอวี่กำลังใช้ความคิด หมอกเลือดที่อยู่โดยรอบก็หลั่งไหลเข้าสู่ร่างกายของหูจื่อจ้ง

และที่เหนือดวงจันทร์ขึ้นไปก็ปรากฏแสงสีเลือดสาดส่องลงมาภายในหมอกเลือด

ลำแสงสีแดงสายนี้เจาะทะลวงท้องฟ้าลงมาผู้คนทั้งหมดที่อยู่ภายในทะเลทรายผืนนี้ล้วนสามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน

........................

เมืองเฟิงซา

ขณะที่เหล่าเจ้าหน้าที่มือปราบกำลังสืบสวนข้อมูลเกี่ยวกับจอมเวทที่ชื่อว่าจางชิกันอยู่นั้น เหล่าผู้มีพลังพิเศษทุกคนภายในเมืองก็พลันเบิกตากว้างมองดูลำแสงสีเลือดที่เจาะทวงลงมาจากท้องฟ้า

"นะ...นั่นมันอะไรกัน?!"

บางคนก็โพล่งออกมาด้วยความตกใจ

"จากดวงจันทร์งั้นเหรอ?! พระแม่โลหิต?!"

เจาหน้าที่มือปราบหลายคนเบิกตาโพรงด้วยความหวาดกลัว

พวกเขาหันไปมองหน้ากันและเห็นว่าสีหน้าของคนอื่นๆก็เป็นดุจเดียวกับตน

เกิดเรื่องใหญ่แล้ว!

ขณะที่ทุกคนกำลังหวาดกลัวอยู่นั้น....ดวงจันทร์ก็เลือนหายไป....

ตำแหน่งที่เคยเป็นดวงจันทร์พลันถูกแทนที่ด้วยดวงดาว

ปรากฏม่านสีดำที่เต็มไปด้วยดวงดาวเข้าแทนที่

เมื่อดวงจันทร์สีเลือดเลือนหายไป ลำแสงสีเลือดเองก็หายไปด้วย

ได้เห็นฉากนี้ ทุกคนภายในเมืองเฟิงซาก็ส่งเสียงเฮด้วยความยินดี

"ท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาว! เทพีแห่งดวงดาว!"

ทุกคนพากันคุกเข่าลงกับพื้นก่อนจะสวดภวานาด้วยสีหน้าสำนึกขอบคุณ

"สรรเสริญเทพี!"

พวกเจ้าหน้าที่มือปราบหันไปมองหน้ากัน จากนั้นจึงหันไปมองทิศทางที่เคยเกิดแสงสีเลือด

หัวหน้าหน่วยที่เป็นนักฆ่ากัดฟันกรอด สีหน้าของเขาเปลี่ยนเป็นเย็นชา

"นั่นเป็นพลังของพระแม่โลหิต จะต้องเป็นฝีมือของนิกายดอกไม้โลหิตไม่ผิดแน่! พวกเรารีบไปดู!"

สมาชิกหน่วยคนอื่นๆเองก็เผยสีหน้าเย็นชาขณะพยักหน้ารับ

พวกลัทธินอกรีตอาศัยช่วงที่พวกเขากำลังวุ่นวายประกอบพิธีกรรมบูชาเทพมารขึ้น

นั่นไม่เท่ากับเป็นการตบหน้าพวกเขาหรอกเหรอ?!

........................

ไม่เพียงแต่เหล่าผู้มีพลังพิเศษที่อยู่ภายในเมืองเฟิงซาเท่านั้น แม้แต่ที่เมืองชิงซงซึ่งอยู่ที่อีกด้านของทะเลทราย และเมืองขงหมิงที่อยู่ห่างออกไปต่างก็รับรู้ถึงเหตุการณ์นี้ด้วย

ทุกคนเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าที่บัดนี้กำลังมีกลุ่มดาวปรากฏขึ้นบดบังดวงจันทร์เอาไว้

ณ มหาวิทยาลัยของหมิง พื้นที่วิลล่า

หยานจีและจั่วมู่เกอเบิกตามองดูแสงของดวงดาวที่ปรากฏขึ้นบนท้องฟ้า

จั่วมู่เกอถามขึ้นก่อน

".....นี่คงจะไม่ใช่ฝีมือของอาหวี่หรอกใช่มั้ย?"

หยานจีเองก็ดูใจลอยเล็กน้อย

"....คงไม่หรอกมั้ง?"

สองสาวหันไปมองหน้ากันด้วยสีหน้าที่ดูกังวล

........................

เหนือท้องฟ้าขึ้นไป

เทพีแห่งดวงดาวกำลังลอยตัวอยู่ในห้วงอวกาศ ใบหน้าที่งามสง่าและงดงามไร้ที่ติของเธอฉายแววเรียบเฉย

สายตาของเธอกำลังจ้องมองไปยังดวงจันทร์

ภายในดวงจันทร์ มีแสงสีเลือดไหลมารวมกันจนเกิดเป็นดวงตาสีแดงเข้มขึ้น

ดวงตานั้นหันมาจ้องมองเทพีแห่งดวงดาว

สองฝ่ายต่างจ้องมองกัน เกิดความผันผวนขึ้นในอากาศระหว่างทั้งสอง

หลังจากนั้นไม่นาน สีเลือดบนดวงจันทร์ก็ค่อยๆหดตัวลง ดวงตาสีแดงเข้มขนาดใหญ่ก็คล้ายกับไม่มีท่าทีจะปรากฏขึ้นอีก

ดวงจันทร์เริ่มกลับมาทอแสงสีนวลดังเดิม

เห็นดังนั้น เทพีแห่งดวงดาวก็ถอนสายตากลับมา

ท้องฟ้าสีดำที่เต็มไปด้วยหมู่ดาวเองก็หายไปพร้อมกัน

เธอกลับไปยังพระราชวังนอกโลก จากนั้นเธอจึงก้มหน้าลงมองไปยังตำแหน่งที่เป็นทะเลทรายร้อนระอุ

ดวงตาสีดำของเธอดูลึกล้ำดุจดังดวงดาว

"นี่ก็คือภารกิจระดับอีเทอร์นอลส์? ช่างแตกต่างจากระดับศักดิ์สิทธิ์จริงๆ"

........................

ณ ทะเลทรายร้อนระอุ

ลำแสงสีแดงเลือดถูกหมู่ดาวบดบังเอาไว้ ดังนั้นลำแสงสีแดงเลือดจึงค่อยๆหายไป

หมอกเลือดเกิดการผันผวนขึ้นมา

หลินอวี่ตกตะลึง เขาเงยหน้าขึ้นมองดูท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาว

นี่มัน.....

เทพของมนุษย์เคลื่อนไหวลงมือแล้ว?

อึก

หลินอวี่พลันหน้าเครียด เขารีบเปิดหน้าต่างภารกิจขึ้นมาดู

เมื่อเห็นว่าภารกิจยังไม่ล้มเหลว เขาก็รู้สึกโล่งใจ

เขาคิดว่าหากมีเทพเข้ามาเกี่ยวข้อง ภารกิจของเขาก็จะล้มเหลว

ดูเหมือนว่าการต่อยตีของเทพด้านบนจะไม่เกี่ยวข้องกับเขาโดยตรง

เขาคงจะคิดมากเกินไป

ภารกิจเลื่อนคลาสของคลาสหนึ่งคงไม่ให้เขาไปต่อยตีกับเทพมารหรอกมั้ง?

ถ้าเป็นอย่างนั้นเกรง เกรงว่าคงจะไม่ใช่ภารกิจระดับอีเทอร์นอลส์แล้ว แต่เป็นภารกิจระดับฆ่าตัวตายซะมากกว่า

วินาทีต่อมา ดวงดาวบนท้องฟ้าก็หายไป และดวงจันทร์ก็ปรากฏขึ้นอีกครั้ง

ดวงจันทร์กลับมาทอแสงสีขาวนวล ไร้ซึ่งร่องรอยของแสงสีเลือดอีก

ชัดเจนว่าพลังของพระแม่โลหิตคงถูกปัดเป่าไปแล้ว

หลินอวี่ถอนหายใจด้วยความโล่งอก จากนั้นจึงหันกลับมามองหมอกเลือดที่กำลังเกิดความผันผวน

ดวงตาของเขากลับมามุ่งมั่น

ถ้างั้นก็ยังมีโอกาส

ตู้ม!

โล่บาเรียที่อยู่รอบหมอกสีเลือดพลันแตกกระจาย เกิดเป็นคลื่นลมซาดซัดออกโดยรอบ

ชุดคลุมของหลินอวี่โบกสะบัดตามแรงลม

หมอกเลือดที่กำลังเกิดการผันผวนถูกดูดเข้าสู่จุดศูนย์กลาง เผยให้เห็นสิ่งที่อยู่ภายใน

ร่างเลือดเนื้อขนาดใหญ่ถูกลดขนาดลงจากเดิมมาก

พื้นผิวภายนอกถูกปกคลุมด้วยเลือดเป็นชั้นๆราวกับกระดองที่ดูแข็งแกร่ง

และผู้ที่อยู่ตรงกลางหมอกเลือดก็เปลี่ยนเป็นดูอ้อนแอ้นของสตรีเพศ....