เมื่อเห็นหิมะโปรยปรายลงมาและความเร็วของเขาค่อยๆลดลง หูจื่อจ้งก็หน้าแปรเปลี่ยน
ในดวงตาฉายแววหวาดกลัวอย่างลึกล้ำ
จากนั้นสีหน้าของเขาก็เปลี่ยนเป็นดุร้ายอีกครั้ง
"บัดซบ!"
"แกบังคับฉันเองนะ! ถ้างั้นก็ลงนรกไปพร้อมกันเถอะ!"
ดวงตาของเขาเปล่งแสงสีแดง หูจื่อจ้งคุกเข่าลงพื้นหิมะพลางแหงนหน้ามองดวงจันทร์สีเลือดที่ลอยอยู่กลางฟ้า
จากนั้นเขาก็หยิบรูปปั้นที่ทำจากคริสตัลสีเลือดออกมา
รูปปั้นนี้เป็นรูปปั้นของหญิงสาวที่ไม่อาจมองเห็นใบหน้าได้อย่างชัดเจน
ทว่าเพียงแค่มองเห็นรูปปั้นนี้ หลินอวี่ก็เกิดลางสังหรณ์อันเลวร้ายขึ้นในใจ
รูม่านตาของเขาหดวูบด้วยความตื่นตัว
นั่นมันอะไรน่ะ?!
หลินอวี่หน้าแปรเปลี่ยน เขารีบโจมตีใส่หูจื่อจ้ง
ศรน้ำแข็งแห่งความมืดและสายฟ้าทมิฬถูกใช้ออกไป
ตู้ม!!
เกิดค่าความเสียหายจำนวนมากลอยขึ้นมาสองครั้ง หูจื่อจ้งที่กำลังคุกเข่าอยู่บนพื้นก็กรีดร้องโหยหวน
กระนั้นเขาก็ยกมือชูรูปปั้นหญิงสาวขึ้นเหนือหัวด้วยความตื่นเต้น
"พระองค์ผู้เป็นนายเหนือแห่งเลือดเนื้อผู้ยิ่งใหญ่ พระมารดาแห่งโลหิต ข้าขอถวายร่างกายนี้แด่ท่าน ขอท่านประทานพลังและลงโทษผู้ชั่วช้าที่บังอาจดูหมิ่นท่านด้วย!"
วิ๊ง!
เกิดแสงสีแดงเลือดเปล่งออกมาจากรูปปั้นสีเลือดนั้น
วินาทีถัดมา รอบร่างของหูจื่อจ้งก็ปรากฏหมอกเลือดเข้าปกคลุม
หลินอวี่ขมวดคิ้ว เขารีบใช้พายะกระสุนเวทโจมตีเพื่อขัดขวางหมอกเลือดที่กำลังไหลมารวมกัน
ไม่ได้ผล
การโจมตีของเขาทำอะไรหมอกพวกนั้นไม่ได้เลย
หลินอวี่หัวใจเย็นเฉียบ
มารดามันเถอะ ต่อให้นี่เป็นภารกิจเลื่อนคลาสระดับอีเทอร์นอลส์ ต่อก็ไม่จำเป็นให้เขาต้องสู้กับเทพเจ้าโดยตรงก็ได้มั้ง?
ทำแบบนี้เท่ากับสั่งตายกันชัดๆ!
นี่ป็นสถานการณ์ที่เหนือความคาดหมายของหลินอวี่!
หากว่าเขาต้องสู้กับตัวตนระดับเทพจริงๆ ไม่ว่าเขาเตรียมพร้อมมาแค่ไหน มันก็เปล่าประโยชน์
ดวงตาของหลินอวี่ฉายแววลังเล
หรือว่าจะหนี?
หากว่ามีเทพจุติลงมาจริงๆ หากเขาไม่รีบหนี เช่นนั้นก็ได้แต่รอความตายแล้ว
แต่ว่า......
มารตนนี้คงจุติลงมาไม่ได้หรอกมั้ง?
เพราะถึงยังไง พวกเทพเจ้าของเผ่าพันธุ์มนุษย์ก็ไม่ใช่แค่ไม้ประดับ
แล้วมารจะจุติลงมาได้ยังไง?
หากว่าพระแม่โลหิตกล้าจุติลงมา เธอก็คงจะถูกเหล่าเทพเจ้าของมนุษย์กลุ้มรุมโจมตีในทันที
ต่อให้ไม่ตายก็ต้องเจ็บตัวกันบ้าง
แต่นั่นก็จะเป็นการจุดชนวนสงครามระหว่างเหล่าเทพมารและเทพของมนุษย์ ซึ่งอาศัยสาวกเพียงคนเดียวไม่ไม่อาจทำให้อีกฝ่ายต้องสุ่มเสี่ยงถึงเพียงนั้น
หลินอวี่สูดหายใจเข้าลึกก่อนจะเปิดหน้าต่างภารกิจขึ้นมา
หน้าต่างภารกิจยังคงไม่มีความผิดปกติแต่อย่างใด
หลินอวี่ใบหน้ากระตุก
ให้ตายสิ....
ไม่ต้องลังเลอีกแล้ว
ในเมื่อภารกิจยังคงเดิมๆไม่เปลี่ยนแปลง เจขาก็ตัดสินใจจะรอดูสถานการณ์ก่อน
ขณะที่หลินอวี่กำลังใช้ความคิด หมอกเลือดที่อยู่โดยรอบก็หลั่งไหลเข้าสู่ร่างกายของหูจื่อจ้ง
และที่เหนือดวงจันทร์ขึ้นไปก็ปรากฏแสงสีเลือดสาดส่องลงมาภายในหมอกเลือด
ลำแสงสีแดงสายนี้เจาะทะลวงท้องฟ้าลงมาผู้คนทั้งหมดที่อยู่ภายในทะเลทรายผืนนี้ล้วนสามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน
........................
เมืองเฟิงซา
ขณะที่เหล่าเจ้าหน้าที่มือปราบกำลังสืบสวนข้อมูลเกี่ยวกับจอมเวทที่ชื่อว่าจางชิกันอยู่นั้น เหล่าผู้มีพลังพิเศษทุกคนภายในเมืองก็พลันเบิกตากว้างมองดูลำแสงสีเลือดที่เจาะทวงลงมาจากท้องฟ้า
"นะ...นั่นมันอะไรกัน?!"
บางคนก็โพล่งออกมาด้วยความตกใจ
"จากดวงจันทร์งั้นเหรอ?! พระแม่โลหิต?!"
เจาหน้าที่มือปราบหลายคนเบิกตาโพรงด้วยความหวาดกลัว
พวกเขาหันไปมองหน้ากันและเห็นว่าสีหน้าของคนอื่นๆก็เป็นดุจเดียวกับตน
เกิดเรื่องใหญ่แล้ว!
ขณะที่ทุกคนกำลังหวาดกลัวอยู่นั้น....ดวงจันทร์ก็เลือนหายไป....
ตำแหน่งที่เคยเป็นดวงจันทร์พลันถูกแทนที่ด้วยดวงดาว
ปรากฏม่านสีดำที่เต็มไปด้วยดวงดาวเข้าแทนที่
เมื่อดวงจันทร์สีเลือดเลือนหายไป ลำแสงสีเลือดเองก็หายไปด้วย
ได้เห็นฉากนี้ ทุกคนภายในเมืองเฟิงซาก็ส่งเสียงเฮด้วยความยินดี
"ท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาว! เทพีแห่งดวงดาว!"
ทุกคนพากันคุกเข่าลงกับพื้นก่อนจะสวดภวานาด้วยสีหน้าสำนึกขอบคุณ
"สรรเสริญเทพี!"
พวกเจ้าหน้าที่มือปราบหันไปมองหน้ากัน จากนั้นจึงหันไปมองทิศทางที่เคยเกิดแสงสีเลือด
หัวหน้าหน่วยที่เป็นนักฆ่ากัดฟันกรอด สีหน้าของเขาเปลี่ยนเป็นเย็นชา
"นั่นเป็นพลังของพระแม่โลหิต จะต้องเป็นฝีมือของนิกายดอกไม้โลหิตไม่ผิดแน่! พวกเรารีบไปดู!"
สมาชิกหน่วยคนอื่นๆเองก็เผยสีหน้าเย็นชาขณะพยักหน้ารับ
พวกลัทธินอกรีตอาศัยช่วงที่พวกเขากำลังวุ่นวายประกอบพิธีกรรมบูชาเทพมารขึ้น
นั่นไม่เท่ากับเป็นการตบหน้าพวกเขาหรอกเหรอ?!
........................
ไม่เพียงแต่เหล่าผู้มีพลังพิเศษที่อยู่ภายในเมืองเฟิงซาเท่านั้น แม้แต่ที่เมืองชิงซงซึ่งอยู่ที่อีกด้านของทะเลทราย และเมืองขงหมิงที่อยู่ห่างออกไปต่างก็รับรู้ถึงเหตุการณ์นี้ด้วย
ทุกคนเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าที่บัดนี้กำลังมีกลุ่มดาวปรากฏขึ้นบดบังดวงจันทร์เอาไว้
ณ มหาวิทยาลัยของหมิง พื้นที่วิลล่า
หยานจีและจั่วมู่เกอเบิกตามองดูแสงของดวงดาวที่ปรากฏขึ้นบนท้องฟ้า
จั่วมู่เกอถามขึ้นก่อน
".....นี่คงจะไม่ใช่ฝีมือของอาหวี่หรอกใช่มั้ย?"
หยานจีเองก็ดูใจลอยเล็กน้อย
"....คงไม่หรอกมั้ง?"
สองสาวหันไปมองหน้ากันด้วยสีหน้าที่ดูกังวล
........................
เหนือท้องฟ้าขึ้นไป
เทพีแห่งดวงดาวกำลังลอยตัวอยู่ในห้วงอวกาศ ใบหน้าที่งามสง่าและงดงามไร้ที่ติของเธอฉายแววเรียบเฉย
สายตาของเธอกำลังจ้องมองไปยังดวงจันทร์
ภายในดวงจันทร์ มีแสงสีเลือดไหลมารวมกันจนเกิดเป็นดวงตาสีแดงเข้มขึ้น
ดวงตานั้นหันมาจ้องมองเทพีแห่งดวงดาว
สองฝ่ายต่างจ้องมองกัน เกิดความผันผวนขึ้นในอากาศระหว่างทั้งสอง
หลังจากนั้นไม่นาน สีเลือดบนดวงจันทร์ก็ค่อยๆหดตัวลง ดวงตาสีแดงเข้มขนาดใหญ่ก็คล้ายกับไม่มีท่าทีจะปรากฏขึ้นอีก
ดวงจันทร์เริ่มกลับมาทอแสงสีนวลดังเดิม
เห็นดังนั้น เทพีแห่งดวงดาวก็ถอนสายตากลับมา
ท้องฟ้าสีดำที่เต็มไปด้วยหมู่ดาวเองก็หายไปพร้อมกัน
เธอกลับไปยังพระราชวังนอกโลก จากนั้นเธอจึงก้มหน้าลงมองไปยังตำแหน่งที่เป็นทะเลทรายร้อนระอุ
ดวงตาสีดำของเธอดูลึกล้ำดุจดังดวงดาว
"นี่ก็คือภารกิจระดับอีเทอร์นอลส์? ช่างแตกต่างจากระดับศักดิ์สิทธิ์จริงๆ"
........................
ณ ทะเลทรายร้อนระอุ
ลำแสงสีแดงเลือดถูกหมู่ดาวบดบังเอาไว้ ดังนั้นลำแสงสีแดงเลือดจึงค่อยๆหายไป
หมอกเลือดเกิดการผันผวนขึ้นมา
หลินอวี่ตกตะลึง เขาเงยหน้าขึ้นมองดูท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาว
นี่มัน.....
เทพของมนุษย์เคลื่อนไหวลงมือแล้ว?
อึก
หลินอวี่พลันหน้าเครียด เขารีบเปิดหน้าต่างภารกิจขึ้นมาดู
เมื่อเห็นว่าภารกิจยังไม่ล้มเหลว เขาก็รู้สึกโล่งใจ
เขาคิดว่าหากมีเทพเข้ามาเกี่ยวข้อง ภารกิจของเขาก็จะล้มเหลว
ดูเหมือนว่าการต่อยตีของเทพด้านบนจะไม่เกี่ยวข้องกับเขาโดยตรง
เขาคงจะคิดมากเกินไป
ภารกิจเลื่อนคลาสของคลาสหนึ่งคงไม่ให้เขาไปต่อยตีกับเทพมารหรอกมั้ง?
ถ้าเป็นอย่างนั้นเกรง เกรงว่าคงจะไม่ใช่ภารกิจระดับอีเทอร์นอลส์แล้ว แต่เป็นภารกิจระดับฆ่าตัวตายซะมากกว่า
วินาทีต่อมา ดวงดาวบนท้องฟ้าก็หายไป และดวงจันทร์ก็ปรากฏขึ้นอีกครั้ง
ดวงจันทร์กลับมาทอแสงสีขาวนวล ไร้ซึ่งร่องรอยของแสงสีเลือดอีก
ชัดเจนว่าพลังของพระแม่โลหิตคงถูกปัดเป่าไปแล้ว
หลินอวี่ถอนหายใจด้วยความโล่งอก จากนั้นจึงหันกลับมามองหมอกเลือดที่กำลังเกิดความผันผวน
ดวงตาของเขากลับมามุ่งมั่น
ถ้างั้นก็ยังมีโอกาส
ตู้ม!
โล่บาเรียที่อยู่รอบหมอกสีเลือดพลันแตกกระจาย เกิดเป็นคลื่นลมซาดซัดออกโดยรอบ
ชุดคลุมของหลินอวี่โบกสะบัดตามแรงลม
หมอกเลือดที่กำลังเกิดการผันผวนถูกดูดเข้าสู่จุดศูนย์กลาง เผยให้เห็นสิ่งที่อยู่ภายใน
ร่างเลือดเนื้อขนาดใหญ่ถูกลดขนาดลงจากเดิมมาก
พื้นผิวภายนอกถูกปกคลุมด้วยเลือดเป็นชั้นๆราวกับกระดองที่ดูแข็งแกร่ง
และผู้ที่อยู่ตรงกลางหมอกเลือดก็เปลี่ยนเป็นดูอ้อนแอ้นของสตรีเพศ....
Copyright © 2025 xxxxx.com, All Right Reserved