"หลินอวี่ที่อยู่อันดับหนึ่งนั่นมันอะไรกันน่ะ?! เกือบ 180,000 คะแนนเนี่ยนะ?! ไม่เว่อร์ไปหน่อยเหรอ?"
"เอาจริงดิ? ใครล่ะนั่น?! มีใครรู้จักมั้ย?"
"ทั้งองค์หญิงหยานและองค์หญิงจั่วต่างเป็นอาชีพหายากทั้งคู่ไม่ใช่เหรอ?! พวกเธอยังได้คะแนนแค่ 50,000 กว่าเอง หลินอวี่นั่นทำได้ยังไงกันน่ะ?"
ผู้คนต่างพากันถกเถียงถึงผลคะแนน
นอกจากโรงเรียนมัธยมปลายหมายเลขหนึ่งแล้ว โรงเรียนแห่งอื่นๆต่างก็ไม่รู้จักหลินอวี่
ณ โรงเรียนมัธยมหมายเลขสอง ผู้อำนวยการชราจั่วหมิงกำลังจ้องมองจอแสงด้วยดวงตาที่ว่างเปล่า
เพราะจั่วมู่เกอย้ายไปเข้าโรงเรียนหมายเลขหนึ่ง เขาจึงเทศนาจั่วจิงเย่ไปยกใหญ่
โดยเฉพาะหลังจากจั่วมู่เกอผ่านภารกิจเลื่อนคลาสระดับวิญญาณศักดิ์สิทธิ์
ก่อนที่การสอบระดับทั่วไปจะเริ่มต้นขึ้น จั่วหมิงก็เตรียมใจไว้แล้วว่าจั่วมู่เกออาจจะคว้าอันดับหนึ่งมาได้
อย่างไรก็ตาม เรื่องที่ไม่คาดคิดกลับเกิดขึ้น
ไม่ใช่จั่วมู่เกอที่ทำให้เขาตกตะลึง แต่เป็นคนที่เขาไม่เคยแม้แต่จะได้ยินชื่อมาก่อน
หลินอวี่?
เด็กนี่เป็นใครกัน??
อีกทั้งยังเป็นนักเรียนของโรงเรียนหมายเลขหนึ่งด้วย??
ให้ตายสิน่า!
ที่อยู่ด้านข้างของเขาเป็นผู้คุมการสอบและสมาชิกจากกระทรวงศึกษา
ทั้งสองต่างก้มองดูผลด้วยความตกตะลึง
ผู้คุมการสอบเป็นผู้หญิงที่ผิวพรรณดี เธอหันไปมองผู้อำนวยการและสมาชิกจากกระทรวงศึกษาก่อนจะถามขึ้นว่า
"ผู้อาวุโสจั่ว หลินอวี่คนนี้.....คุณพอจะรู้จักเขาไหมคะ?"
"ผู้คุมลู่.....ผมเองก้ได้ยินชื่อนี้เป็นครั้งแรกเช่นกัน"
จั่วหมิงยิ้มฝืดเฝื่อน
สามชิกจากกระทรวงศึกษาเองก็ส่ายหน้าเช่นเดียวกัน
ลู่เหยาขบริมฝีปากอย่างไม่เต็มใจ
คิดไม่ถึงเลยว่าฉันจะโชคร้ายขนาดนี้!
ทำไมฉันถึงไม่ได้ถูกจัดให้ไปดูแลโรงเรียนหมายเลขหนึ่งกันนะ!
ผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดของโรงเรียนหมายเลขได้เพียงแค่อันดับสี่!
เธอหันไปหาชายหนุ่มหล่อเหลาที่อยู่ห่างออกไปไม่ไกล
ปู้เจิ่งซิ่น
ตอนนี้เขาเองก็กำลังมองดูจอแสงด้วยสีหน้าเหม่อลอย สีหน้าที่เดิมทีเต็มไปด้วยความมั่นใจในตอนนี้กลับเปลี่ยนเป็นความสับสน
เขากำลังสงสัยเกี่ยวกับชีวิตของตนเอง
เฮ้อ......
ลู่เหยาถอนหายใจ
เจ้าเถียนหยวนหลงหน้าตายนั่นดันได้หน้าไปเต็มๆ
"ประกาศต่อเถอะ......"
..........................
ณ โรงเรียนมัธยมหมายเลขหนึ่ง
เถียนหยวนหลงพูดขึ้นว่า
"การสอบระดับทั่วไปสิ้นสุดลงแล้ว! ฉันหวังว่าพวกเธอทุกคนจะจดจำอันดับและคะแนนเอาไว้ให้ดี เพราะนี่เป็นข้อมูลสำคัญที่จะใช้สำหรับการสอบเข้าระดับมหาวิทยาลัย นอกจากนั้น ทุกคนคงทราบกันแล้วสินะว่าหลังจากการสอบระดับทั่วไปก็จะเป็นการสอบระดับหัวกะทิ"
"ปีนี้เมืองประกายแสงของเรามีโควต้าหนึ่งร้อยที่ ผู้ที่อยู่ในหนึ่งร้อยอันดับแรกจะต้องเดินทางไปที่เมืองสวรรค์เจิดจรัสเพื่อเข้ารับการประเมิน โดยผู้ที่อยู่ในร้อยอันดับแรกจะต้องออกเดินทางในสามวัน"
หลังจากเถียนหยวนหลงพูดจบ ผู้อำนวยการชราก็ก้าวออกมากล่าวให้กำลังนักเรียน
ในเวลาเดียวกันเขาก้พูดปลอบนักเรียนที่ไม่มีสิทธิ์เข้าร่วมการสอบระดับหัวกะทิ
ถึงอย่างไร สำหรับผู้มีพลังพิเศษ มหาวิทยาลัยก้กล่าวได้ว่าเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด กระนั้นการไม่ได้ติดอยู่ในร้อยอันดับแรกก็ไม่ได้หมายความว่านั่นคือทั้งหมด
หลังจากที่หลุดโผออกมาแล้ว นักเรียนเหล่านั้นก็ยังสามารถเข้าร่วมกับกลุ่มนักผจญภัยขนาดใหญ่ หรืออาจจะยื่นเข้าร่วมกองทัพโดยตรงเลยก็ได้ ไม่อย่างนั้นก็กลายเป็นนักผจญภัยอิสระและคอยรับภารกิจจากกิลด์นักผจญภัย
แม้ว่ากระบวนการเหล่านี้อาจจะคดเคี้ยวและอันตรายมากก็ตาม แต่โดยทั่วไปแล้วก็ไม่ได้เลวร้ายอะไรนัก
ยิ่งกว่านั้นการเข้าร่วมมหาวิทยาลัยชั้นนำยังหมายถึงการต้องเข้าสู่สนามรบเพื่อสอบประเมิน
บางครั้งยังมีอันตรายสูงยิ่งกว่า
ต่างคนต่างคิดต่างจิตต่างใจ
หลังจากผู้อำนวยการชราพูดจบ เขาก็ปล่อยให้เหล่านักเรียนเดินทางกลับบ้านเพื่อพักผ่อน
"อาหวี่ ฉันกัลบบ้านก่อนนะ"
จั่วมู่เกอยิ้มพลางโบกมือให้หลินอวี่
หยานจีพยักหน้า จากนั้นเธอก็พูดว่า
"นายคงจะไม่ได้คิดจะไปสาวๆก่อนหน้านี้หรอกใช่มั้ย?"
หลินอวี่ "......."
หลินอวี่ยกมือขึ้นลูบหัวหยานจี
"คิดอะไรกันน่ะ? ทำไมเธอไม่มาบ้านฉันแล้วเฝ้าจับตาดู 24 ชั่วโมงซะเลยล่ะ?"
หยานจีที่หน้าแดงรีบหนีไปพร้อมกับความพ่ายแพ้
..........................
เมื่อกลับมาถึงบ้าน หลินอวี่ก็นำรางวัลจากการสอบออกมา
เขาตรวจสอบหนังสือสกิลก่อน
-----------------------------------------------
แปลงร่างเป็นอีกา ( E )
หลังจากใช้มานาแล้ว คุณจะสามารถแปลงร่างเป็นอีกาธรรมดา
ในระหว่างการแปลงร่างจะใช้พลังมานาอย่างต่อเนื่องเพื่อคงสภาพ
ระยะเวลาคูลดาวน์: 24 ชั่วโมง
เงื่อนขในการเรียนรู้: นักเวทคลาสหนึ่ง , ค่าสติปัญญา.....
-----------------------------------------------
หลินอวี่ ".............."
นี่มันสกิลบ้าบอคอแตกอะไรกัน?
ถ้าเปลี่ยนร่างกลายเป็นอีกาธรรมดา นั่นไม่หมายความว่าจะไม่เหลือความสามารถในการต่อสู้เลยหรอกเหรอ?
ยิ่งกว่านั้นขณะที่เป็นสกิลระดับ E เงื่อนไขไม่สูงไปหน่อยเหรอ?
ต้องทราบว่าสกิลระดับ E+ ที่เขาเคยได้มาอย่าง อัญเชิญนักรบโครงกระดูก ยังมีเงื่อนไขในการเรียนเพียงแค่เป็นนักเวทและค่าสติปัญญาอีก 150
แต่ว่า......
หลินอวี่หรี่ตาลงอย่างใช้ความคิด
เวทมนตร์บทนี้อาจจะมีผลลัพธ์ที่คาดไม่ถึงอยู่
หลังจากหลินอวี่เรียนรู้สกิลนี้แล้ว เขาก็ทำการขยายพลัง
สกิลเกิดการเปลี่ยนแปลงและกลายเป็นสกิลใหม่
-----------------------------------------------
แปลงร่าง ( B- )
ใช้พลังมานา 2,000 หน่วย เพื่อแปลงร่างเป็นสัตว์ชนิดใดก็ได้
ใช้พลังมานา 100 หน่วยต่อวินาทีเพื่อคงสภาพ
ระยะเวลาคูลดาวน์: ไม่มี
-----------------------------------------------
หลินอวี่จ้องมองคำอธิบายด้วยดวงตาที่เป็นประกาย
สกิลนี้ดีใช่ย่อย
ในหัวเกิดไอเดียในการใช้ขึ้นมากมาย
เขาเดินไปที่กระจกเงา จากนั้นจึงทดลองใช้สกิล มองดูรูปร่างหน้าตาที่ค่อยเปลี่ยนแปลงไป กลายเป็นชายหน้าตาธรรมดาที่มีดวงตาอันน่าลุ่มหลง
มุมปากของเขายกยิ้มกว้าง ชายในกระจกก็ยกยิ้มตาม
สกิลนี้น่าสนใจจริงๆ
เมื่อมีสกิลนี้อยู่ เขาก็สามารถวางแผนได้กว้างมากขึ้น......
Copyright © 2025 xxxxx.com, All Right Reserved