ตอนที่ 61

"หลินอวี่ที่อยู่อันดับหนึ่งนั่นมันอะไรกันน่ะ?! เกือบ 180,000 คะแนนเนี่ยนะ?! ไม่เว่อร์ไปหน่อยเหรอ?"

"เอาจริงดิ? ใครล่ะนั่น?! มีใครรู้จักมั้ย?"

"ทั้งองค์หญิงหยานและองค์หญิงจั่วต่างเป็นอาชีพหายากทั้งคู่ไม่ใช่เหรอ?! พวกเธอยังได้คะแนนแค่ 50,000 กว่าเอง หลินอวี่นั่นทำได้ยังไงกันน่ะ?"

ผู้คนต่างพากันถกเถียงถึงผลคะแนน

นอกจากโรงเรียนมัธยมปลายหมายเลขหนึ่งแล้ว โรงเรียนแห่งอื่นๆต่างก็ไม่รู้จักหลินอวี่

ณ โรงเรียนมัธยมหมายเลขสอง ผู้อำนวยการชราจั่วหมิงกำลังจ้องมองจอแสงด้วยดวงตาที่ว่างเปล่า

เพราะจั่วมู่เกอย้ายไปเข้าโรงเรียนหมายเลขหนึ่ง เขาจึงเทศนาจั่วจิงเย่ไปยกใหญ่

โดยเฉพาะหลังจากจั่วมู่เกอผ่านภารกิจเลื่อนคลาสระดับวิญญาณศักดิ์สิทธิ์

ก่อนที่การสอบระดับทั่วไปจะเริ่มต้นขึ้น จั่วหมิงก็เตรียมใจไว้แล้วว่าจั่วมู่เกออาจจะคว้าอันดับหนึ่งมาได้

อย่างไรก็ตาม เรื่องที่ไม่คาดคิดกลับเกิดขึ้น

ไม่ใช่จั่วมู่เกอที่ทำให้เขาตกตะลึง แต่เป็นคนที่เขาไม่เคยแม้แต่จะได้ยินชื่อมาก่อน

หลินอวี่?

เด็กนี่เป็นใครกัน??

อีกทั้งยังเป็นนักเรียนของโรงเรียนหมายเลขหนึ่งด้วย??

ให้ตายสิน่า!

ที่อยู่ด้านข้างของเขาเป็นผู้คุมการสอบและสมาชิกจากกระทรวงศึกษา

ทั้งสองต่างก้มองดูผลด้วยความตกตะลึง

ผู้คุมการสอบเป็นผู้หญิงที่ผิวพรรณดี เธอหันไปมองผู้อำนวยการและสมาชิกจากกระทรวงศึกษาก่อนจะถามขึ้นว่า

"ผู้อาวุโสจั่ว หลินอวี่คนนี้.....คุณพอจะรู้จักเขาไหมคะ?"

"ผู้คุมลู่.....ผมเองก้ได้ยินชื่อนี้เป็นครั้งแรกเช่นกัน"

จั่วหมิงยิ้มฝืดเฝื่อน

สามชิกจากกระทรวงศึกษาเองก็ส่ายหน้าเช่นเดียวกัน

ลู่เหยาขบริมฝีปากอย่างไม่เต็มใจ

คิดไม่ถึงเลยว่าฉันจะโชคร้ายขนาดนี้!

ทำไมฉันถึงไม่ได้ถูกจัดให้ไปดูแลโรงเรียนหมายเลขหนึ่งกันนะ!

ผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดของโรงเรียนหมายเลขได้เพียงแค่อันดับสี่!

เธอหันไปหาชายหนุ่มหล่อเหลาที่อยู่ห่างออกไปไม่ไกล

ปู้เจิ่งซิ่น

ตอนนี้เขาเองก็กำลังมองดูจอแสงด้วยสีหน้าเหม่อลอย สีหน้าที่เดิมทีเต็มไปด้วยความมั่นใจในตอนนี้กลับเปลี่ยนเป็นความสับสน

เขากำลังสงสัยเกี่ยวกับชีวิตของตนเอง

เฮ้อ......

ลู่เหยาถอนหายใจ

เจ้าเถียนหยวนหลงหน้าตายนั่นดันได้หน้าไปเต็มๆ

"ประกาศต่อเถอะ......"

..........................

ณ โรงเรียนมัธยมหมายเลขหนึ่ง

เถียนหยวนหลงพูดขึ้นว่า

"การสอบระดับทั่วไปสิ้นสุดลงแล้ว! ฉันหวังว่าพวกเธอทุกคนจะจดจำอันดับและคะแนนเอาไว้ให้ดี เพราะนี่เป็นข้อมูลสำคัญที่จะใช้สำหรับการสอบเข้าระดับมหาวิทยาลัย นอกจากนั้น ทุกคนคงทราบกันแล้วสินะว่าหลังจากการสอบระดับทั่วไปก็จะเป็นการสอบระดับหัวกะทิ"

"ปีนี้เมืองประกายแสงของเรามีโควต้าหนึ่งร้อยที่ ผู้ที่อยู่ในหนึ่งร้อยอันดับแรกจะต้องเดินทางไปที่เมืองสวรรค์เจิดจรัสเพื่อเข้ารับการประเมิน โดยผู้ที่อยู่ในร้อยอันดับแรกจะต้องออกเดินทางในสามวัน"

หลังจากเถียนหยวนหลงพูดจบ ผู้อำนวยการชราก็ก้าวออกมากล่าวให้กำลังนักเรียน

ในเวลาเดียวกันเขาก้พูดปลอบนักเรียนที่ไม่มีสิทธิ์เข้าร่วมการสอบระดับหัวกะทิ

ถึงอย่างไร สำหรับผู้มีพลังพิเศษ มหาวิทยาลัยก้กล่าวได้ว่าเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด กระนั้นการไม่ได้ติดอยู่ในร้อยอันดับแรกก็ไม่ได้หมายความว่านั่นคือทั้งหมด

หลังจากที่หลุดโผออกมาแล้ว นักเรียนเหล่านั้นก็ยังสามารถเข้าร่วมกับกลุ่มนักผจญภัยขนาดใหญ่ หรืออาจจะยื่นเข้าร่วมกองทัพโดยตรงเลยก็ได้ ไม่อย่างนั้นก็กลายเป็นนักผจญภัยอิสระและคอยรับภารกิจจากกิลด์นักผจญภัย

แม้ว่ากระบวนการเหล่านี้อาจจะคดเคี้ยวและอันตรายมากก็ตาม แต่โดยทั่วไปแล้วก็ไม่ได้เลวร้ายอะไรนัก

ยิ่งกว่านั้นการเข้าร่วมมหาวิทยาลัยชั้นนำยังหมายถึงการต้องเข้าสู่สนามรบเพื่อสอบประเมิน

บางครั้งยังมีอันตรายสูงยิ่งกว่า

ต่างคนต่างคิดต่างจิตต่างใจ

หลังจากผู้อำนวยการชราพูดจบ เขาก็ปล่อยให้เหล่านักเรียนเดินทางกลับบ้านเพื่อพักผ่อน

"อาหวี่ ฉันกัลบบ้านก่อนนะ"

จั่วมู่เกอยิ้มพลางโบกมือให้หลินอวี่

หยานจีพยักหน้า จากนั้นเธอก็พูดว่า

"นายคงจะไม่ได้คิดจะไปสาวๆก่อนหน้านี้หรอกใช่มั้ย?"

หลินอวี่ "......."

หลินอวี่ยกมือขึ้นลูบหัวหยานจี

"คิดอะไรกันน่ะ? ทำไมเธอไม่มาบ้านฉันแล้วเฝ้าจับตาดู 24 ชั่วโมงซะเลยล่ะ?"

หยานจีที่หน้าแดงรีบหนีไปพร้อมกับความพ่ายแพ้

..........................

เมื่อกลับมาถึงบ้าน หลินอวี่ก็นำรางวัลจากการสอบออกมา

เขาตรวจสอบหนังสือสกิลก่อน

-----------------------------------------------

แปลงร่างเป็นอีกา ( E )

หลังจากใช้มานาแล้ว คุณจะสามารถแปลงร่างเป็นอีกาธรรมดา

ในระหว่างการแปลงร่างจะใช้พลังมานาอย่างต่อเนื่องเพื่อคงสภาพ

ระยะเวลาคูลดาวน์: 24 ชั่วโมง

เงื่อนขในการเรียนรู้: นักเวทคลาสหนึ่ง , ค่าสติปัญญา.....

-----------------------------------------------

หลินอวี่ ".............."

นี่มันสกิลบ้าบอคอแตกอะไรกัน?

ถ้าเปลี่ยนร่างกลายเป็นอีกาธรรมดา นั่นไม่หมายความว่าจะไม่เหลือความสามารถในการต่อสู้เลยหรอกเหรอ?

ยิ่งกว่านั้นขณะที่เป็นสกิลระดับ E เงื่อนไขไม่สูงไปหน่อยเหรอ?

ต้องทราบว่าสกิลระดับ E+ ที่เขาเคยได้มาอย่าง อัญเชิญนักรบโครงกระดูก ยังมีเงื่อนไขในการเรียนเพียงแค่เป็นนักเวทและค่าสติปัญญาอีก 150

แต่ว่า......

หลินอวี่หรี่ตาลงอย่างใช้ความคิด

เวทมนตร์บทนี้อาจจะมีผลลัพธ์ที่คาดไม่ถึงอยู่

หลังจากหลินอวี่เรียนรู้สกิลนี้แล้ว เขาก็ทำการขยายพลัง

สกิลเกิดการเปลี่ยนแปลงและกลายเป็นสกิลใหม่

-----------------------------------------------

แปลงร่าง ( B- )

ใช้พลังมานา 2,000 หน่วย เพื่อแปลงร่างเป็นสัตว์ชนิดใดก็ได้

ใช้พลังมานา 100 หน่วยต่อวินาทีเพื่อคงสภาพ

ระยะเวลาคูลดาวน์: ไม่มี

-----------------------------------------------

หลินอวี่จ้องมองคำอธิบายด้วยดวงตาที่เป็นประกาย

สกิลนี้ดีใช่ย่อย

ในหัวเกิดไอเดียในการใช้ขึ้นมากมาย

เขาเดินไปที่กระจกเงา จากนั้นจึงทดลองใช้สกิล มองดูรูปร่างหน้าตาที่ค่อยเปลี่ยนแปลงไป กลายเป็นชายหน้าตาธรรมดาที่มีดวงตาอันน่าลุ่มหลง

มุมปากของเขายกยิ้มกว้าง ชายในกระจกก็ยกยิ้มตาม

สกิลนี้น่าสนใจจริงๆ

เมื่อมีสกิลนี้อยู่ เขาก็สามารถวางแผนได้กว้างมากขึ้น......