ตอนที่ 65

สามวันต่อมา ยามเช้า

ที่ประตูเมืองของเมืองประกายแสง

หลินอวี่ หยานจี และจั่วมู่เกอเดินทางมาด้วยกัน

ที่บริเวณประตูเมืองมีกลุ่มเด็กหนุ่มเด็กสาวหลายคนรอคอยอยู่ก่อนแล้ว

บนใบหน้าที่เยาว์วัยเหล่านั้นล้วนฉายแววตื่นเต้นออกมา

ในฐานะผู้มีคุณสมบัติเข้าร่วมการสอบระดับหัวกะทิ พวกเขาก็ถือได้ว่าเป็นอัจฉริยะ

การสอบเข้ามหาวิทยาลัยชั้นนำเป็นสิ่งที่พวกเขาเฝ้าฝัน

ที่เบื้องหน้ากลุ่มของเด็กหนุ่มเด็กสาว เถียนหยวนหลงและผู้คุมคนอื่นๆต่างก็มารวมตัวกัน

หลังจากพวกหลินอวี่สามคนมาถึง ทั้งผู้คุมและนักเรียนคนอื่นๆก็หันมามอง

เหล่านักเรียนนั้นมีทั้งอยากรู้อยากเห็น ชื่นชม ไม่พอใจ อิจฉาริษยาและอื่นๆ พวกเขาล้วนมีอารมณ์แตกต่างกันออกไป

หนุ่มสาวจากโรงเรียนมัธยมหมายเลขหนึ่งต่างพากันเดินเข้ามา

ชายหนุ่มหล่อเหลาที่มีดวงตาเฉียบคมและผมหยักศกสีน้ำตาลยิ้มให้พลางพูดว่า

"พี่ใหญ่หลิน ในที่สุดพี่ก็มาแล้ว! พวกเราทุกคนกำลังรอพี่กันอยู่เลย"

"พี่ใหญ่?"

หลินอวี่ผงะ

จั่วมู่เกอและหยานจีต่างเหลือบมองมาทางเขา

"นายคือ......สวีเผิงเทียน? จากตระกูลสวี?"

จั่วมู่เกอเลิกคิ้วขึ้นอย่างใช้ความคิด

"องค์หญิงจั่วช่างมีความจำเป็นเลิศ! ผมคือสวีเผิงเทียน!"

เมื่อได้เห็นจั่วมู่เกอจำตัวเองได้ สวีเผิงเทียนก็ตัวสั่น เขารีบพยักหน้าด้วยรอยยิ้มแข็งๆ

หลินอวี่มองสวีเผิงเทียน

"มู่เกอ เธอรู้จักเหรอ?"

เท่าที่จำได้ เหมือนว่าคนที่ชื่อสวีเผิงเทียนนี้จะได้อันดับที่เจ็ดในการสอบสินะ?

แต่ว่า....

ทำไมเขารู้สึกว่าสวีเผิงเทียนดูเหมือนจะกลัวจั่วมู่เกอเลยล่ะ?

รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของจั่วมู่เกอ เมื่อถูกจั่วมู่เกอจ้องมอง รอยยิ้มแข็งทื่อของสวีเผิงเทียนก็ค่อยๆเปลี่ยนเป็นรอยยิ้มขมขื่น

"อืม เขาเป็นคนตระกูลสวี ฉันเคยพบเขาครั้งนึง แต่ไม่ค่อยประทับใจพี่ชายของเขาน่ะ"

ตระกูลสวี......

หลินอวี่ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก็จำได้ว่าตระกูลสวีเองก็นับเป็นหนึ่งในตระกูลใหญ่ของเมืองประกายแสง เพียงแต่ยังด้อยกว่าตระกูลหยานและตระกูลจั่ว และพวกเขายังมีคนในตระกูลที่มีตำแหน่งอยู่ในกองทัพ

"มีเรื่องอะไรกับพี่ชายของเขาเหรอ?"

เมื่อหลินอวี่เห็นรอยยิ้มที่ดูชั่วร้ายของจั่วมู่เกอ เขาก็รู้สึกว่าพี่ชายของสวีเผิงเทียนนับว่าเดินชนตอเข้าแล้ว

หยานจีที่อยู่ด้านข้างหัวเราะเบาๆ

"สวีเฉิงเหอเคยตามจีบมู่เกอ แต่ว่าตอนนี้ยังถูกขังในเรือนจำของกองทัพอยู่เลย"

หลินอวี่ ".........."

ว่าแล้วเชียว

สวีเผิงเทียนชำเลืองมองจั่วมู่เกอที่กำลังแสยะยิ้มให้ เขาสะดุ้งแล้วรีบถอนสายตาทันที

เขาไม่อยากลงเอยเหมือนกับพี่ชาย

เขาไม่กล้ามองจั่วมู่เกออีก

จากนั้นสวีเผิงเทียนจึงกล่าวทักทายหยานจี "สวัสดีครับองค์หญิงหยาน"

ขณะเดียวกันเขาก็อดนับถือหลินอวี่ที่ทำให้สองสาวมาคอยเดินตามไม่ได้

จั่วมู่เกอและหยานจีเป็นใครกัน?

โดยเฉพาะจั่วมู่เกอ เขาทราบดีว่าจั่วมู่เกอจับพี่ชายเขาโยนเข้าคุกได้ยังไง

ผู้หญิงคนนี้เป็นธิดาซาตานชัดๆ!

นึกไม่ถึงเลยว่าพอมาอยู่ข้างหลินอวี่แล้วจะทำตัวดีผิดหูผิดตาขนาดนี้! น่าเหลือเชื่อเกินไปแล้ว!

สมกับเป็นผู้ที่ทำลายทุกสถิติของการสอบ!

ดังนั้นเขาจะต้องเกาะขาหลินอวี่เอาไว้ให้แน่น!

...................

ห่างออกไป เถียนหยวนหลงและผู้คุมคนอื่นๆต่างก็มองประเมินพวกหลินอวี่ทั้งสามคน

ในดวงตาของเหล่าผู้คุมต่างฉายแววสนอกสนใจ

"เด็กหนุ่มคนนั้นก็คือหลินอวี่?"

ลู่เหยากวาดมองทั้งสาม จากนั้นจึงหยุดสายตาอยู่ที่หลินอวี่

เถียนหยวนหลงพยักหน้า "ใช่"

"เขาแข็งแกร่งจริงๆ?"

ชายร่างสูงเอ่ยถาม

สองสามวันมานี้พวกผู้คุมต่างก็ถามถึงเรื่องนี้

แน่นอนว่าเถียนหยวนหลงเองก็อยากจะรู้เรื่องราวเกี่ยวกับหลินอวี่ให้มากขึ้นเช่นเดียวกัน

พอเริ่มการสอบได้ไม่นานก็สามารถสังหารบอสคลาสสองลงได้ นี่ออกจะน่าเหลือเชื่อเกินไป

"แข็งแกร่งมาก"

เถียนหยวนหลงพยักหน้าเบาๆ

ชายวัยกลางคนที่มีสีหน้าสุขุมกวาดมองพวกหลินอวี่ จากนั้นจึงหันไปมองดูนักเรียนคนอื่นๆแล้วก็ขมวดคิ้ว

"ครั้งนี้เมืองประกายแสงมีอัจฉริยะเยอะมาก เส้นทางข้างหน้าอาจไม่ปลอดภัย พวกเราต้องเพิ่มความระวัง"

เมื่อเหล่าผู้คุมได้ยินดังนั้น หวกเขาก็มีสีหน้าเคร่งเครียดขณะพยักหน้ารับ

"ฮึ่ม ไอ้พวกนอกรีตและคนทรยศเหล่านั้น! น่าหงุดหงิดจริงๆ!"

ประกายความรังเกียจฉายผ่านแววตาของลู่เหยา

ทุกครั้งที่มีการสอบระดับหัวกะทิ พวกคนทรยศและพวกนอกรีตก็มักจะปรากฏตัวขึ้นเสมอ บางครั้งยังมีกระทั่งยอดฝีมือของเผ่าพันธุ์อื่นเสี่ยงมาลอบสังหารอัจฉริยะของมนุษยชาติ

ถึงอย่างไรเวลานี้ทุกฝ่ายต่างก็อยู่ในสภาวะสงคราม

ขณะที่คนรุ่นต่อไปก็คืออนาคตของเผ่าพันธุ์

หากว่าอัจฉิรยะของมนุษยชาติตกตายไปมากมาย นั่นก็จะส่งผลกระทบต่อทั้งเผ่าพันธุ์มนุษย์อย่างร้ายแรง

นอกจากเป็นผู้ควบคุมการสอบแล้ว พวกเขายังทำหน้าที่เป็นผู้คุ้มกันให้กับเหล่านักเรียน

ชายวัยกลางคน จางหงไช่ เป็นหัวหน้าผู้คุมในครั้งนี้

"ว่าแต่ครั้งนี้ดูเอิกเกริกมากเลยนะครับ?"

ชายหนุ่มหันไปมองจางหงไช่

"จำนวนนักเรียนที่มีคุณสมบัติในครั้งก่อนๆยังน้อยกว่านี้ถึงครึ่งหนึ่ง และแม้แต่คุณ หัวหน้าจาง ยอดฝีมือคลาสห้าก็ยังถูกส่งมาที่นี่"

ผู้คุมคนอื่นๆพยักหน้าอย่างเห็นด้วย

จางหงไช่หันไปมองผู้คุมคนอื่นๆ

"สถานการณ์ในครั้งนี้แตกต่างออกไป มีความซับซ้อนกว่าครั้งที่ผ่านๆมา ไม่นานมานี้เพิ่งปรากฏแสงแห่งอีเทอร์นอลส์ขึ้น ทำให้ทั่วทั้งจักรวาลเกิดคลื่นใต้น้ำขึ้น พวกยอดฝีมือที่ซ่อนตัวมานานก็เริ่มมีความเคลื่นอไหวบ่อยครั้งขึ้น"

"มีความเป็นไปได้ที่เผ่าพันธุ์ต่างๆจะเพิ่งเล็งโจมตีเหล่ารุ่นเยาว์ ดังนั้นพวกเราจึงต้องระวังไว้ให้ดี"

ดังนั้นยินเช่นนี้ สีหน้าของผู้คุมทุกคนก็เปลี่ยนเป็นเคร่งขรึม พวกเขาพยักหน้าอย่างหนักแน่น

จางหงไช่มองดูเวลา จากนั้นจึงค่อยๆพูดขึ้นว่า

"ใกล้ได้เวลาแล้ว เตรียมตัวออกเดินทาง"

"เตรียมตัวออกเดินทาง เอาล่ะนักเรียนทุกคน ขึ้นรถ!"

เหล่าผู้คุมตะโกนบอกนักเรียน

หลินอวี่และคนอื่นๆที่กำลังพูดคุยกันอยู่ย่อมได้ยิน

สวีเผิงเทียนก้าวเดินออกไปเป็นคนแรก จากนัน้จึงเบี่ยงตัวหลบพลางผายมือ

"พี่ใหญ่หลิน เชิญก่อนครับ"

หลินอวี่หน้าเครียด ".........."

เจ้าหมอนี่มาจากตระกูลใหญ่จริงๆ?

ให้ตายเถอะ มันทำให้เขานึกถึงข้ารับใช้ที่เกือบจะลืมเลือนไปแล้วอย่างคอลลินขึ้นมาเลย......