"แก ไอ้เด็กต้องสาป!" ดันโซตะโกนออกมาด้วยใบหน้าที่ดุร้ายของเขา
ในฐานะระดับเบื้องบนของโคโนฮาและผู้นําหน่วยราก เขาไม่เคยโดนดูถูกขนาดนี้มาก่อน
นอกจากนี้ ความแข็งแกร่งของชินหยูก็อยู่เหนือการควบคุมของเขามาก ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังมีวิธีรับมืออยู่อีก
"ดันโซ หุบปากซะ!" โฮคาเงะรุ่นที่สามตะโกนอย่างเย็นชา "มิโตะ ให้ดันโซกลับไปได้แล้วและอย่าปล่อยให้เขาออกมาจากฐานของหน่วยรากถ้าหากฉันไม่ได้สั่ง!!"
"ซารุโทบิ นี่นาย!"
ดันโซตอนนี้โกรธมาก
แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็เลือกที่จะกลืนคําพูดที่กําลังจะออกมาจากปากของเขาทันที
จู่ๆ เขาก็สะบัดแขนเสื้อแล้วหันกลับไปพูดอย่างเย็นชา "เฮอะ ฉันจะกลับไปเอง แต่ฉันจะไม่ปล่อยให้เรื่องนี้จบง่ายๆแน่ แม้ว่าคุนายณจะมีคนคอยช่วยอยู่ก็ตาม!"
หลังจากที่พูดจบแล้วดันโซจึงจากไปทันที
เมื่อเห็นดันโซจากไป ท่าทีของฟุงาคุไม่เพียงแค่ไม่สงบลงเท่านั้น แต่กลับหนักขึ้นแทน
ความขุ่นเคืองที่มีในใจของเขาค่อยๆก่อตัวมากขึ้น
"อาจารย์?" จิไรยะอดไม่ได้ที่จะมองไปที่โฮคาเงะรุ่นที่สาม
โฮคาเงะรุ่นที่สามถอนหายใจออกมาอย่างหนักและพูดว่า "มินาโตะ นายพาชินหยูกลับไปก่อน ปล่อยให้ที่เหลือเป็นหน้าที่ของฉันเอง"
มินาโตะพยักหน้ารับคำขอทันที
ในตอนแรกเขาเองก็รู้สึกไม่ค่อยสบายใจมากเท่าไหร่นัก
แต่เขาก็ไม่คิดว่าสถานการณ์จะบานปลายไปจนเขาไม่สามารถควบคุมได้
ถ้าเขารู้ล่วงหน้า เขาคงจะไม่ให้ชินหยูไปที่หอคอยโฮคาเงะคนเดียวแน่ๆ
สิ่งเดียวที่เขาทําได้ตอนนี้คือแก้ไขความขัดแย้งระหว่างทั้งสองฝ่ายเท่านั้น
ทันใดนั้นมินาโตะก็มายืนอยู่ข้างๆชินหยูแล้ว
เห็นได้ชัดว่า ฟุงาคุเองก็ยังไม่ผ่อนคลายสักเท่าไหร่นักเช่นกัน
"ชินหยู ไปกันเถอะ" มินาโตะเป็นคนแรกที่พูดขึ้น
"อือ ขอโทษที่สร้างปัญหาแล้วกันนะ" ชินหยูฝืนยิ้ม
มินาโตะพูดตอบกลับอย่างขมขื่น "ก็ยังดีที่นายยังห้ามตัวเองได้และไม่ได้ฆ่าใครเพิ่ม ถ้าหากเป็นแบบนั้นฉันเองก็คงต้องสู้กับนายจริงๆ"
"คราวหน้าช่วยไว้หน้าฉันหน่อยนะ ถือว่าฉันขอล่ะ"
"ใช่ๆ แล้วก็อย่าลืมเอาอาหารอร่อยๆมาให้ข้าด้วย"
"และข้าจะยอมอยู่นิ่งๆไม่สร้างปัญหากับเจ้าเหมือนกัน" จู่ๆสามหางก็ออกมาจากกระเป๋าของชินหยูและพูดด้วยเช่นกัน
เมื่อมองไปที่ชินหยูที่ฟังอย่างหทวนลมกับสัตว์หางที่เอาแต่ห่วงเรื่องกิน ฟุงาคุก็เกือบจะทนไม่ไหว
ขณะที่ชินหยูและอีกสองคนจากไปนั้น มีเพียงจิไรยะและโฮคาเงะรุ่นที่สามเท่านั้นที่ยังคงยืนอยู่ต่อหน้าซากหอคอยโฮคาเงะ
เห็นได้ชัดว่าสมาชิกคนอื่นๆของหน่วยลับเองก็กําลังจะแยกย้ายไปเช่นกัน
"จิไรยะ ถ้านายทำแบบนั้น นายมั่นใจไหมว่านายจะเอาชนะชินหยูได้?" จู่ๆโฮคาเงะรุ่นที่สามก็ถามจิไรยะ
ในฐานะอาจารย์ เขารู้ถึงความสามารถของจิไรยะเป็นอย่างดี
นอกจากโอโรจิมารุที่เอาแต่ขลุกอยู่กับการพัฒนาคาถาต้องห้าม
ส่วนสึนาเดะที่มุ่งเน้นไปที่คาถาแพทย์นั้น
จิไรยะเป็นคนที่ต่อสู้ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด
อาจพูดได้ว่าจิไรยะนั้นแข็งแกร่งที่สุดในบรรดาสามนินจาในตำนานในด้านของความแข็งแกร่งในการต่อสู้
"ถ้าหากชินหยูไม่มีอะไรที่ยังปิดบังไว้ โอกาสชนะก็ 50 50" จิไรยะพูดด้วยสีหน้าจริงจัง
"แต่ถ้าเขายังมีอะไรซ่อนอยู่อีก ผมก็คงไม่มั่นใจมากนัก"
โฮคาเงะรุ่นที่สามถึงกับเงียบ หลังจากผ่านไปเจ็ดถึงแปดวินาที ในที่สุดเขาก็อ้าปากและพูดว่า "ในสายตาของนาย สิ่งที่น่ากลัวที่สุดเกี่ยวกับเขาอาจไม่ใช่เขาในตอนนี้"
"แต่เป็นพรสวรรค์ที่น่ากลัวของเขาด้านการเรียนรู้ใช่ไหม?"
"ใช่" จิไรยะพยักหน้าด้วยสีหน้าที่จริงจัง
"นั่นเป็นเหตุผลที่ผมสัญญากับท่านฟุคาซาคุไว้ว่าจะให้เขาฝึกโหมดเซียนเพื่อประเมินว่าเขานั้นอันตรายแค่ไหน"
หลังจากที่จิไรยะกลับมาจากการฝึกโหมดเซียนได้สำเร็จเขาก็เอามาอวดโฮคาเงะรุ่นที่สาม
ดังนั้นเขาจึงรู้ดีว่าการฝึกฝนโหมดเซียนนั้นยากเพียงใด
ในทุกยุคทุกสมัย มีเพียงหนึ่งในหลายร้อยหรือหลายพันคนเท่านั้นที่สามารถทําได้
หรือมากกว่านั้น อาจไม่มีเลยแม้แต่คนเดียวที่สามารถบรรลุโหมดเซียนได้
ยิ่งไปกว่านั้น หากไม่สามารถใช้จักระเซียนได้อย่างเชี่ยวชาญ คนๆนั้นจะกลายเป็นกบหรือกลายเป็นรูปปั้นกบหินทันที
อาจพูดได้ว่าการฝึกโหมดเซียนนั้นถือว่าเป็นดาบสองคม
หลังจากได้เห็นความน่าหวาดกลัวของชินหยูด้วยตาของเขาเอง ความคิดแปลกๆก็ปรากฎขึ้นในใจของโฮคาเงะรุ่นที่สาม
ถ้าหากชินหยูล้มเหลวในการฝึกโหมดเซียนมันก็คงจะเป็นเรื่องที่ดีงั้นสินะ?
แต่รุ่นที่สามก็รีบสลัดความคิดแปลกๆนี้ออกไปจากหัวทันที
"แล้วนายคิดที่จะส่งเขาไปที่นั่นเมื่อไหร่?" โฮคาเงะรุ่นที่สามถอนหายใจเบาๆและพูดต่อ "คราวนี้ ดันโซได้ละเมิดข้อตกลงเดิมและต่อสู้กับชินหยู ซึ่งทำให้ความเกลียดชังนี้ก่อตัวมากขึ้น"
แม้ว่าเขาจะไม่ได้ฆ่ามิซึคาเงะรุ่นที่สาม แต่ทั้งสองคนนั้นก็อาจจะไม่ชอบหน้ากันอยู่ดี ดังนั้น ฉันหวังว่านายจะสามารถจัดการกับเรื่องนี้ให้ได้โดยเร็วที่สุด"
จิไรยะพยักหน้าและพูดว่า "ไม่ต้องห่วง ผมจะจัดการให้เขาไปที่แคว้นน้ำในวันพรุ่งนี้ เขาจะใช้เวลาอย่างน้อยสองสามเดือนในการฝึกฝนโหมดเซียน ในช่วงเวลานี้ สงครามโลกนินจาครั้งที่สามก็น่าจะจบลงแล้ว"
ในขณะเดียว ชินหยูตอนนี้กำลังกลับไปที่พื้นที่ของตระกูลอุจิวะภายใต้การคุ้มกันของฟุงาคุและมินาโตะ
เนื่องจากการตายของพ่อแม่ชินหยูในร่างนี้ ทำให้บ้านของเขาย้ายมาอยู่ติดกับบ้านของฟุงาคุ
ส่วนชิซุยและอิทาจินั้นเดินตามหลังพวกเขาไปอย่างติดๆ
"ในที่สุดพวกเธอก็กลับมาแล้วสินะ" มิโคโตะที่ได้ยินเสียงฝีเท้าและเปิดประตูทันที เมื่อเธอเห็นชินหยู รอยยิ้มที่อ่อนโยนก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเธอ
"ชินหยู ยินดีต้อนรับกลับบ้านนะ"
"ยังเหมือนเดิมเลยนะฮะ จะว่าไปผมมีของฝากมาด้วยล่ะ" ชินหยูหยิบสามหางออกมาจากกระเป๋าทันที
สิง่ที่ชินหยูทํานั้น ทำให้ทุกคนตกตะลึงอย่างมาก แม้แต่มิโคโตะเองก็เช่นกัน
"นายท่าน ท่านเพิ่งรับข้าเข้ามาเป็นลูกน้องของท่านแท้ๆ แต่ตอนนี้ท่านกําลังให้ข้าไปอยู่กับคนอื่นงั้นหรือ?ท่านอย่ามาพูดบ้าๆแบบนี้นะ" สามหางเริ่มกังวลทันทีที่ได้ยินแบบนี้
"เอ่อ…" มิโคโตะอดไม่ได้ที่จะตกใจและพูดว่า "เจ้านั่น…มันคืออะไรน่ะชินหยู?"
"สามหางน่ะ แบบเดียวเก้าหาง เป็นอาวุธสัตว์หางที่หลายๆหมู่บ้านก็มีอยู่บ้าง" ฟุงาคุเป็นคนแรกที่พูดขึ้น
"ชินหยู อย่ามาล้อเล่นแบบนี้นะ"
"จะว่าไป เขาก็คิดที่จะจับสัตว์หางเพิ่มด้วยนะ"
Copyright © 2025 xxxxx.com, All Right Reserved