ตอนที่ 88 มรดกของมาดาระ

ฟุงาคุหยุดครู่หนึ่งและพูดว่า "ฉันคิดว่าตระกูลอุจิวะคงจะสูญสลายไปตามกาลเวลา แต่ฉันก็ไม่เคยคิดว่าอัจฉริยะอย่างนายและชิซุยจะปรากฎตัวขึ้นในตระกูล"

"ถึงอย่างนั้น ฉันไม่ต้องการให้นายแบบที่มาดาระนั้นทำ เพราะแม้แต่เขาเองก็ยังไม่สามารถหนีความตายไปได้ และฉันก็ไม่ต้องการให้ตระกูลของฉันถูกทําลายอีก"

ชินหยูไม่ได้ตอบโต้อะไรฟุงาคุ

ถ้ามาดาระไม่ปิดบังความแข็งแกร่งของเขาเมื่อตอนที่เขาออกจากหมู่บ้านไปวันนั้น เขาคงจะทิ้งวิธีการใช้งาน เนตรวงแหวนกระจกเงาหมื่นบุปผา , คาถานินจา , คาถาต้องห้าม และอื่นๆไว้ให้กับตระกูลแล้ว

ทั้งหมดนั้นเพราะเขากลัวว่าตระกูลอุจิวะจะไม่คิดว่าจะมีนินจาระดับเขาปรากฎตัวขึ้นอีกแล้ว

เพราะถ้าหากนินจาที่เนตรวงแหวนกระจกเงาหมื่นบุปผาเจ็ดถึงแปดคนปรากฏตัวขึ้นพร้อมกัน

นินจาคนไหนจะสามารถหยุดพวกเขาได้?

"ชินหยู ฉันหวังว่านายจะสามารถให้คําตอบกับฉันได้นะ" ฟุงาคุย้ำ

"ไม่ต้องห่วงหรอก ความฝันของผมคือการอยู่เฉยๆอย่างสงบ ตราบใดที่พวกเขาไม่ล้ำเส้มผมมากเกินไป ผมก็จะอยู่เฉยๆ" ชินหยู พูดด้วยรอยยิ้มจางๆ

ฟุงาคุกระพริบตาเล็กน้อย ในที่สุดเขาก็ถอนหายใจและพูดว่า "ในเมื่อนายพูดแบบนั้น ฉันก็จะไม่ถามอะไรนายอีก"

"ในเมื่อนายเบิกเนตรวงแหวนกระจกเงาหมื่นบุปผาขึ้นมาได้ นายก็ดูเอาแล้วกันว่ามีอะไรบ้างที่เหมาะกับนาย"

"ส่วนฉันจะกลับไปก่อน ฉันยังต้องดูแลครอบครัวของฉันอีก และฉันเองก็แก่มากแล้ว ฉันคิดว่าฉันจะต้องให้ตําแหน่งผู้นำตระกูลให้กับนายในอนาคต"

หลังจากที่พูดจบ ฟุงาคุก็หันหลังกลับและจากไป

ชินหยูชำเลืองมองตามไปและรู้สึกหมดหนทางทันที

แต่ถึงอย่างนั้น สิ่งที่เขาสนใจมากที่สุดในตอนนี้คือมรดกของตระกูลอุจิวะ

หลังจากที่พลิกดูม้วนคัมภีร์รอบๆ ในที่สุดชินหยูก็เข้าใจแล้วว่าทําไมฟุงาคุถึงได้เกลียดมาดาระมาก

นอกเหนือจากบันทึกบางส่วนว่ามาดาระนั้นเคยรุ่งโรจน์เพียงใดในช่วงก่อตั้งหมู่บ้านและวิธีที่เขาเพิ่มความแข็งแกร่งของเขาแล้ว ยังมีบันทึกบางอย่างอยู่ด้วย

ซึ่งทุกอย่างมีส่วนเกี่ยวข้องกับคาถานินจาเพียงสามคาถาเท่านั้น

คาถาไฟ – เปลวเพลิงร่ายรำ

คาถาไฟ - เปลวไฟมังกรเพลิง

คาถาไฟ - คลื่นไฟทําลายล้าง!

นอกเหนือจากการคาถาคลื่นไฟทําลายล้างแล้ว คาถาอื่นๆนั้นเป็นคาถาทั่วไปเท่านั้น

ในตอนนี้ ในที่สุดชินหยูก็เข้าใจว่าความเห็นแก่ตัวของเทพเจ้าผู้ยิ่งใหญ่อย่างมาดาระนั้นเป็นอย่างไร

แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่สามรถโทษมาดาระทั้งหมดได้

ในฐานะที่เป็นตำนานของตระกูลและถูกยกย่องนั้น คงไม่ใช่เรื่องที่ดีถ้าในอนาคตจะมีคนที่แข็งแกร่งกว่าเขาและทำให้ชื่อเสียงของเขาถูกทำให้ลบเลือนไป

แต่สําหรับชินหยู เขาไม่จำเป็นต้องฝึกฝนอะไรมากนัก เพราะเขามีความสามารถของระบบ!!!

"ติ๊ง ตรวจพบคาถาเปลวเพลิงร่ายรำสามารถทำให้อยู่ในระดับสูงสุดได้!"

"ติ๊ง ตรวจพบคาถาเปลวไฟมังกรเพลิงสามารถทำให้อยู่ในระดับสูงสุดได้!"

"ติ๊ง ตรวจพบคาถาคลื่นไฟทําลายล้างสามารถทำให้อยู่ในระดับสูงสุดได้!"

เมื่อได้ยินการแจ้งเตือนของระบบทั้งสาม ชินหยูจึงมองไปไกลๆแล้วเห็นแผ่นศิลาปรากฎอยู่

เมื่อเขาหันหน้าไปทางแผ่นศิลา เนตรวงแหวนกระจกเงาหมื่นบุปผาของเขาจึงถูกกระตุ้นขึ้นทันที

ในช่วงเวลาต่อมา เนตรวงแหวนของเขาเริ่มหมุนอย่างรวดเร็ว!

วิ้งงง!

จิตใจของชินหยูกําลังเข้าไปในพื้นที่ภาพลวงตาของแผ่นศิลาอย่างรวดเร็ว

เนตรวงแหวนสีแดงขนาดมหึมาปรากฏขึ้นท่ามกลางสภาพแวดล้อมสีดําสนิท

"ผู้สืบทอดของข้า นี่เป็นส่วนหนึ่งของความทรงจําของจากเนตรวงแหวนกระจกเงาหมื่นบุปผาที่ข้าทิ้งไว้บนแผ่นศิลา หากเจ้าสามารถรับมันได้ บางทีเจ้าอาจใช้คาถาแบบนี้ได้!"

ทันใดนั้นเสียงของมาดาระก็ดังขึ้น

เมื่อคําพูดของมาดาระเงียบลงเนตรวงแหวนเก้าลูกน้ำของชินหยูจึงหยุดหมุนทันที

หลังจากที่ออกจากพื้นที่แห่งภาพลวงตาแล้ว ชินหยูก็ได้ยินคาถาที่เขาไม่เคยได้ยินมาก่อนในใจของเขา

"ดิ๊ง ตรวจพบว่าโฮสต์ได้เชี่ยวชาญ เนตรวงแหวนกระจกเงาหมื่นบุปผา – เนตรขยายขอบเขต โฮสต์ต้องการเพิ่มเป็นระดับสูงสุดเลยหรือไม่?"

จู่ๆเสียงของระบบก็ดังขึ้น

ชินหยูเลิกคิ้วด้วยความประหลาดใจ

เขากำลังคิดว่าคาถาที่เขาได้ยินนั้นคือคาถาอะไร?

ในผลงานต้นฉบับ ความสามารถของเนตรวงแหวนกระจกเงาหมื่นบุปผาของมาดาระที่เขาใช้ตอนที่ถูกวิชาสัมพเวสีคืนชีพนั้น ยังมีความสามารถที่ยังซ่อนอยู่อีก

แต่ชินหยูก็พึ่งรู้ว่าความสามารถที่แฝงอยู่ของมาดาระนั้นคือการขยายขอบเขต

มันสามารถขยายพลังของคาถา ภาพลวงตาและคาถาเสริมที่ทรงพลังอื่นๆ

ตัวอย่างเช่นคาถาบอลเพลิงยักษ์ , ดาราสวรรค์ระเบิกพิภพและซูซาโนะโอ

ซึ่งทั้งหมดนี้อาจจะถูกเพิ่มพลังโดยเนตรขยายขอบเขตก็เป็นได้

มิฉะนั้น ในผลงานต้นฉบับ ซาสึเกะที่มีเนตรเทียบเท่ามาดาระทำไมถึงมีคาถาที่ไม่ทรงพลังเท่ากับเขา?

ดูเหมือนว่ามาดาระได้ออกจากตระกูลอุจิวะและเอาม้วนคาถานินจาส่วนใหญ่ออกไป

แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ได้ทิ้งคาถาเนตรที่แข็งแกร่งที่สุดเอาไว้

ซึ่งเรื่องแบบนี้เป็นสิ่งที่ชินหยูไม่สามารถเข้าใจได้

เพราะมาดาระนั้นยึดหลักความคิดที่ผู้แข็งแกร่งมาก่อนโดยตลอด เขานั้นไม่สนใจผู้อ่อนแอเลยแม้แต่สมาชิกในตระกูลของเขาก็ไม่มีข้อยกเว้น

"เจ้าระบบ เพิ่มระดับเป็นระดับสูงสุดได้ทันที" ชินหยูหยุดคิดและสั่งระบบ

"โฮสต์ ได้โปรดรอสักครู่"

"ขอแสดงความยินดี โฮสต์ได้อัปเกรดเนตรขยายขอบเขตจนมาถึงระดับสูงสุดแล้ว"

เสียงของระบบที่ดังสะท้อนอยู่ในใจของเขาทำให้ชินหยูยิ้มออกมาแล้วอยากจะลองใช้คาถาดู

ในขณะเดียวกัน แผ่นศิลาตรงหน้าเขาได้แตกออกและเผยให้เห็นรอยแตกที่ถูกแกะสลักไปทั่วเนตรวงแหวนทั้งหมด

ดูเหมือนว่ามาดาระจะมอบคาถานี้ให้กับผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดเพียงคนเดียวเท่านั้น

เมื่อยึดตามหลักความคิดของเขา แค่นี้ก็มากเพียงพอแล้ว

ชินหยู เลิกคิดถึงเรื่องนี้และไม่ได้สนใจอะไรอีกต่อไป เพราะตอนนี้เขาได้รับคาถาที่แข็งแกร่งที่สุดมาแล้ว เขาจึงไม่ได้สนใจเรื่องอะไรอีกต่อไป

หลังจากที่ชินหยูเดินออกจากห้องไป ประตูปิดผนึกก็ทำการปิดลงโดยอัตโนมัติ

ภายในห้องนั่งเล่น ชินหยูกำลังเห็นฟุงาคุกำลังนั่งเล่นอยู่

เมื่อมองไปที่ทุกคนที่กำลังรออาหารเย็น สีหน้าที่จริงจังบนใบหน้าของชินหยูนั้นถูกแทนที่ด้วยรอยยิ้มทันที

"ทุกคน มากินกันก่อนเถอะ ดูเหมือนว่าชินหยูคงต้องใช้เวลาอีกสักพัก" ฟุงาคุยิ้มและพูดว่า "มิโคโตะ ลำบากเธออีกแล้วนะ ถ้าลูกของเราเกิดมา เราจะคงต้องดูแลเขาให้ดีที่สุดล่ะนะ"

"พ่อไม่ต้องห่วงนะ ผมจะดูแลพี่ชายและน้องสาวของผมเอง" อิทาจิพูดเชิงเห็นด้วยทันที

ทันใดนั้น รูม่านตาของเขาหดตัวลงขณะที่เขามองไปที่ทางเดิน

"อ้าวพี่ชินหยู ทำไมมาเร็วจัง? ไหนพ่อบอกว่าต้องใช้เวลาอีกมากไง"

ฟุงาคุตกใจมาก เขามองกลับไปที่ชินหยูอย่างรวดเร็วและพูดว่า "นายเองก็ไม่ได้อะไรเหมือนกันงั้นเหรอ?"

ในฐานะผู้นำตระกูล ฟุงาคุเองก็เคยล้มเหลวและไม่ได้อะไรมาก่อน

แต่เมื่อเทียบกับชินหยูที่แข็งแกร่งเกินกว่าวัยไปมากนั้น เขาจึงตั้งความหวังกับชินหยูไว้เล็กน้อย

"ผมได้รับบางสิ่งบางอย่างมา ซึ่งทำให้ความแข็งแกร่งของผมเพิ่มขึ้นอีกครั้ง" ชินหยูยิ้มเล็กน้อยขณะที่เขามองไปที่มินาโตะและพูดว่า "พวกเราออกไปฝึกกันสักหน่อยดีไหม?"