"ครูมินาโตะ!"
เสียงของคาคาชิดังขึ้น
และในไม่ช้าชินหยูก็ได้เห็นทุกอย่าง
เบื้องหน้าเขานั้นมีนินจานอกเหนือจากนินจาอิวะงาคุเระอยู่อีกคน
ผู้นํากลุ่มในครั้งนี้คือ บิวะจูโซ ในกลุ่ม 7 ดาบนินจา
เมื่อมองไปที่ ชินหยู และ มินาโตะ ที่ปรากฏตัวขึ้นอย่างกะทันหัน สีหน้าของนินจาทั้งหมดในพื้นที่ก็เปลี่ยนไปอย่างมาก
"แย่แล้ว นั่นมันประกายแสงสีทองมินาโตะ นอกจากนี้ยังมีเด็กอัจฉริยะอย่างอุวิจะ ชินหยู อยู่ด้วย ทำไมพวกเขาถึงมาอยู่ที่นี่ได้?!"
"ดูเหมือนว่ามินาโตะจะมีคาถาบางอย่างที่ทำให้เคลื่อนที่ผ่านมิติมาได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งนั่นเป็นเหตุผลที่เขามาที่นี่ได้เร็วขนาดนี้"
"มีผู้อาวุโสคนหนึ่งในหมู่บ้านบอกว่า ไม่ว่าจะทําภารกิจอะไรอยู่ถ้าหากได้เจอกับประกายแสงสีทองให้รีบหนีไปทันที!!"
บรรยากาศโดยรอบของนินจาทั้งหมดที่อยู่ที่นี่เริ่มตึงเครียดมากขึ้นเรื่อยๆ
เมื่อมองไปที่แขกไม่ได้รับเชิญทั้งสองคนที่อยู่ตรงหน้าพวกเขา บรรยากาศในตอนนี้ก็เริ่มกดดันมากขึ้น ราวกับว่ามีมือขนาดใหญ่ที่มองไม่เห็นกําลังกําหัวใจของพวกเขาเอาไว้แน่น
"หนีเร็ว!"
ไม่มีใครรู้ว่าใครเป็นคนที่ตะโกนขึ้นมา
นินจาอิวะงาคุเระ และ นินจาคิริงาคุเระนั้นรีบไปอย่างรวดเร็วทันที!!
ในฐานะหัวหน้ากลุ่มในครั้งนี้ หลังจากที่เหลือบไปมองชินหยูอีกครั้ง บิวะ จูโซ ก็เริ่มที่จะหนีไปด้วยเช่นกัน
ในขณะเดียวกัน ม่านหมอกก็ปรากฎขึ้นและปกคลุมไปทั่วทั้งป่าในทันที
"ครูมินาโตะ รีบไล่ตามพวกคิริงาคุเระนั่นไปเร็ว พวกมันเอาตัวรินไป!!" ใบหน้าครึ่งหนึ่งของโอบิโตะนั้นอาบไปด้วยเลือด
บาดแผลขนาดใหญ่ปรากฎขึ้นบนใบหน้าของเขา
แต่สิ่งที่ดึงดูดชินหยูมากที่สุดคือโอบิโตะได้เบิกเนตรวงแหวนได้แล้ว
แม้ว่าจะเป็นเพียงเนตรวงแหวนหนึ่งลูกน้ำที่ แต่ก็เป็นเรื่องที่ดี
"ดูเหมือนนายจะเบิกเนตรได้แล้วสินะ" ชินหยูพูดกับโอบิโตะต่อ "ไม่ต้องห่วง รินน่ะยังไม่ตกอยู่ในอันตรายหรอก"
"ร่างกายของเธอน่ะพิเศษมาก ถ้าหากฉันเดาไม่ผิด พวกคิริงาคุเระนั่นวางแผนที่จะลักพาตัวรินไปและเปลี่ยนให้เธอกลายเป็นพลังสถิตร่างสามหาง"
“พลังสถิตร่างงั้นเหรอ?”
มินาโตะนั้นไม่เคยได้ยินชื่อของสามหางมาก่อน
อย่างน้อย ในบรรดาคนที่เขารู้จักคุชินะก็คือพลังสถิตร่างของเก้าหาง
และตอนนี้คิริงาคุเระตั้งใจจะทำให้รินกลายเป็นพลังสถิตร่างซึ่งมันทำให้มินาโตะตะลึงมาก
"ชินหยู เป็นเรื่องจริงงั้นเหรอ? ถ้าอย่างนั้นรีบไปช่วยรินกันเถอะ ฉันขอร้องล่ะ" โอบิโตะพูดด้วยความกังวล
เมื่อเทียบกับคาคาชิแล้วรินมีความสําคัญมากกว่าในสายตาของเขา
มิฉะนั้นเขาคงไม่เบิกเนตรวงแหวนได้แน่ๆ
"ไม่ต้องห่วง พวกคิริงาคุเระให้ฉันจัดการเอง ส่วนมินาโตะนายไปรับผิดชอบเรื่องระเบิดสะพานนะ" ชินหยูพูดขึ้น
ทันใดนั้นจักระสายฟ้าบนร่างกายของเขาก็ปะทุขึ้น ก่อนที่ในวินาทีต่อมาชินหยูจะรีบพุ่งไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว
ความเร็วของเขาเร็วมากจนแม้แต่หมอกโดยรอบนั้นก็ยังสลายออกไป และในพริบตาเดียวเขาก็หายตัวไปแล้ว
"ชินหยู!" การแสดงออกของมินาโตะนั้นเปลี่ยนเป็นความกังวล
แม้ว่ามันอาจจะฟังดูไร้สาระเมื่อชินหยูพูดถึงมาดาระ
แต่ตอนนี้เขาก็พอรู้แล้วว่าสิ่งที่คิริงาคุเระทำนั้นอาจเป็นกับดักเพื่อล่อชินหยูออกไป
แล้วทําไมชินหยูถึงรู้ว่าอีกฝ่ายต้องการพารินไปได้?
นอกจากนี้ เมื่อพูดกึงสามหาง หัวใจของมินาโตะก็เต็นเร็วมากขึ้นทันที
หรือว่าชินหยูกำลังวางแผนที่จะชิงสามหางมาเป็นของตัวเอง?
ถ้าคู่หากว่าต่อสู้ของชินหยูในตอนนั้นคือมาดาระจริงๆ
ก็เป็นไปได้ว่าชินหยูอาจจะไปชิงพลังของสามหางมาไว้ได้!
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ มินาโตะก็ไม่สามารถข่มอารมณ์ของตัวเองได้อีกต่อไป
"เร็วเข้า รีบไประเบิดสะพานคันนาบิแล้วรีบไล่ตามชินหยูไปกันเถอะ ฉันกลัวว่าเขาจะวางแผนทําอะไรบางอย่างไว้" มินาโตะสั่งอย่างรวดเร็ว
"ครูมินาโตะ ชินหยูจะไปช่วยรินไม่ใช่เหรอ?" คาคาชิอดไม่ได้ที่จะถาม
หลังจากที่เห็นการต่อสู้ของชินหยูหลายครั้ง คาคาชิก็เริ่มเชื่อมั่นในตัวของเขามากขึ้น
ด้วยเหตุผลนี้เองที่เขารู้สึกมั่นใจว่าชินหยูจะชิงตัวรินกลับมาได้อย่างปลอดภัย
นอกจากนี้ ในความคิดของคาคาชิ การตายของพ่อของเขาก็ยังคงส่งผลกระทบโดยตรงต่อเขาด้วย
"ถ้ามันเป็นเพียงแค่การช่วยชีวิตใครสักคน ฉันก็จะไม่กังวลเลย" ใบหน้าของมินาโตะจริงจังขึ้นก่อนที่เขาจะพูดว่า "ฉันแค่กลัวว่าเขาจะโจมตีสัตว์หางของพวกคิริงกาคุเระนั่นมากกว่า"
"ถ้าหากว่าเป็นแบบนั้น ความขัดแย้งระหว่างสองแคว้นจะเริ่มขึ้นอย่างสมบูรณ์แน่ๆ"
“โจมตีสัตว์หางงั้นเหรอ?”
คาคาชิ และ โอบิโตะถึงกับตกตะลึง
สัตว์หางและพลังสถิตร่างนั้นอยู่เหนือกว่าการจินตนาการของพวกเขาทั้งสองคนมาก
ที่สําคัญที่สุด ในความคิดของพวกเขาสัตว์หางนั้นเป็นเหมือนกับตัวแทนของความหายนะขนาดใหญ่
พลังสถิตร่างนั้นถูกทำให้เป็นปรปักษ์และแปลกแยกจากบุคคลภายนอกมาโดยตลอด
แต่ตอนนี้ชินหยูกลับคิดที่จะต่อสู้กับสัตว์หางขึ้นมาด้วยตัวเอง ถ้าหากพวกเขาไม่ได้ยินจากปากของมินาโตะ พวกเขาก็จะไม่เชื่อเรื่องแบบนี้แน่นอน
"เอาล่ะ ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะพูดคุยกันแล้ว รีบไปทําลายสะพานคันนาบิแล้วไปหยุดชินหยูไว้ให้ทันเร็วเข้า" มินาโตะออกคำสั่งอย่างกังวล
พวกเขาอยู่ห่างจากสะพานคันนาบิไปประมาณหลายกิโลเมตร
….
จู่ๆ ร่างๆหนึ่งได้ปรากฎตัวขึ้นมาจากม่านหมอก
เขาคือ บิวะจูโซ ผู้ครอบครองดาบสะบั้นคอที่พาดไว้บนหลังของเขา
นินจาคิริงาคุเระอีกสิบสามคนนั้นติดตามเขาไปอย่างใกล้ชิด
"ท่านจูโซ ตอนนี้พวกเราควรทําอย่างไรดี?" หนึ่งในนินจาคิริงาคุเระนั้นถามด้วยความสงสัย
"พวกเราได้รับคําสั่งให้กําจัดพวกมันทั้งหมด ถ้าหากเราปล่อยให้พวกโคโนฮะรอดกลับไปได้ ฉันกลัวว่ามันจะส่งผลต่อแผนการของเรา"
"หุบปากซะ!" จูโซตะโกนด้วยความโกรธ
“คนที่พวกเราได้เจอน่ะเป็นถึงประกายสีทองแห่งโคโนฮะและเด็กอัจฉริยะ ถ้าหากไม่หนีมาแบบนี้ก็มีแต่ตายกับตายเท่านั้น!"
"แยกตัวไปแล้วหนีกันไปคนละทางได้แล้ว"
หลังจากที่พูดจบ จูโซก็ยกมือและประสานอินอย่างรวดเร็ว
“คาถาหมอกอำพราง!”
ม่านหมอกแผ่กระจายออกไปอีกครั้งและปกคลุมพื้นที่ในป่าเอาไว้ทั้งหมด
เมื่อฟังเสียงฝีเท้าที่ดังกระจายอยู่รอบๆตัวเขา จูโซก็แอบถอนหายใจด้วยความโล่งอก
แต่จู่ๆ กลิ่นอายแห่งความตายได้เข้ามาปกคลุมทั่วทั้งร่างกายของเขาจนลามไปถึงสันหลัง ทําให้กล้ามเนื้อของเขากระตุกขึ้นตามสัญชาติญาณทันที!
เขารีบเคลื่อนไหวแล้วหลบการโจมตีทันที!!
ตู้มมม!
ทันใดนั้นจักระสายฟ้าก็ปรากฎขึ้นและส่องประกายไปทั่วทั้งท้องฟ้า
จูโซนั้นรู้สึกเจ็บปวดที่ใบหน้าของเขาเท่านั้น ในขณะเดียวกันเขาก็รู้สึกว่าต้นไม้โดยรอบของเขานั้นก็ถูกทำลายลงอย่างเลือนลาง
พร้อมกับเสียงกรีดร้องอันน่าหวาดกลัวสองเสียงที่ดังก้องอยู่ในม่านหมอก
แต่ถึงอย่างนั้นเสียงกรีดร้องทั้งสองนั้นก็เงียบลงในทันที โดยมันทำให้นินจาคิริที่กำลังจะหนีนั้นหยุดฝีเท้าอย่างรวดเร็ว
เมื่อเผชิญกับม่านหมอกที่หนาทึบแผ่กระจายไปทั่วทั้งป่า ราวกับว่ามือขนาดใหญ่ที่มองไม่เห็นกำลังกุมหัวใจของพวกเขาเอาไว้อย่างแน่นหนา
"โทษๆ ฉันเพิ่งฆ่านินจคิริงาคุเระไปสองคนน่ะ นายคงไม่ว่าอะไรหรอกใช่ไหม?"
Copyright © 2025 xxxxx.com, All Right Reserved