ท่ามกลางสภาพแวดล้อมที่อุกกาบาตตกลงมา ฝุ่นจำนวนได้ถูกลมพัดพาออกไปแล้ว
พื้นที่บริเวณที่อุกกาบาตตกลงมานั้นถูกปรับระดับลงอย่างมาก
"เอาล่ะ รีบไปหาเพื่อนใหม่ของเรากันเถอะ" จู่ๆชินหยูก็พูดขึ้น
คาคุซึสะดุ้งก่อนที่เขาจะมุ่งหน้าไปที่เศษซากตรงหน้าอย่างรวดเร็ว
เมื่อเขามาถึง เขาได้เห็นร่างของซาโซริที่อยู่สภาพเละเทะ ร่างที่แขนหักของเขากําลังพยายามออกมาจากพื้นที่นั้นอย่างทุรนทุราย
เมื่อนึกถึงการโจมตีด้วยอุกกบาตนั้น ซาโซรินั้นยังคงตกใจอยู่ และเขารีบเงยหน้าขึ้นเขาก็เห็นรอยเท้าที่จู่ๆก็มาปรากฏตรงหน้าเขาแล้ว
"ยินดีด้วยที่นายรอดตายมาได้" ชินหยูยิ้ม
"เอาล่ะนายเลือกที่จะถูกฆ่าแล้วให้ฉันเรียกนายมาด้วยคาถาต้องห้าม หรือนายจะยอมแพ้ตั้งแต่ตอนนี้และกลายเป็นลูกน้องของฉัน?"
“ลูกน้องงั้นเรอะ?”
ซาโซริที่ได้ยินแบบนี้ถึงกับตกตะลึง
เขาเป็นคนที่หยิ่งผยองอย่างมากเมื่อครั้งที่อยู่ในสึนะงาคุเระ และเขายังกล้าที่จะวางแผนฆ่าคาเซะคาเงะรุ่นที่สามด้วย
นอกจากนี้เขายังใช้หุ่นเชิดมนุษย์และทำให้ตัวเองเป็นหุ่นเชิดที่ทรงพลังมาก
ในสายตาของซาโซริ แค่นี้ก็มากเพียงพอแล้วที่จะทำให้หลายๆคนหวาดกลัวได้
แต่น่าเสียดายที่เมื่อต้องเผชิญหน้ากับชินหยูนั้น พลังของเขาก็ไม่ต่างกับพลังของเด็กๆ
"ก็ได้ ฉันยอมแพ้แล้ว" ซาโซริกัดฟันพูดด้วยความโกรธ
“แต่ถึงอย่างนั้น ในฐานะนักเชิดเชิดหุ่น หุ่นอันล้ำค่าของฉันน่ะถูกทําลายไปหมดแล้วและฉันในตอนนี้ก็ไม่ได้แข็งแกร่งถึง 1 ใน 10 เลยด้วยซ้ำ ถ้าเป็นแบบนี้ฉันยังมีประโยชน์กับนายอยู่อีกไหม?"
"ฮ่ะๆๆ ไม่ต้องห่วง" ชินหยูหัวเราะแห้งๆ เนตรวงแหวนกระจกเงาหมื่นบุปผาของเขานั้นหมุนอย่างรวดเร็วก่อนที่หลังจากนั้นร่างของซูซาโนะโอจะหายไป
ทุกสิ่งในสภาพแวดล้อมตอนนี้เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วเช่นกัน
และหลังจากนั้น ภาพที่ซาโซริได้เห็นก็ถูกทำลายและแตกออกเป็นเสี่ยงๆ
เมื่อทุกอย่างกลับมาเป็นปกติอีกครั้ง ซาโซริถึงกับตกตะลึงเมื่อเห็นว่าคาเซะคาเงะรุ่นที่สามนั้นยังคงยืนอยู่ข้างๆชินหยู
"นี่มันภาพลวงตางั้นเหรอ?"
ในความคิดของซาโซริ ในฐานะนักเชิดหุ่นนั้น ประสาทสัมผัสทั้งห้าของเขาจะแตกต่างจากคนทั่วไปมาก
และเป็นเรื่องยากมากที่เขาจะตกอยู่ในคาถาลวงตาได้
แต่ชินหยูที่มีอ่านจันทราที่เพิ่มพลังด้วยวิชาเนตรขยายขอบเขต ทำให้ซาโซริไม่สามารถต้านพลังเนตรของชินหยูได้
"ซาโซริ ฉันไม่คิดเลยว่านายจะพูดว่ายอมแพ้ออกมาแบบนี้" คาเซะคาเงะรุ่นที่สามพูดอย่างเย็นชา
“น่าเสียดายที่นายประเมินศัตรูของนายต่ำเกินไป ตั้งแต่ที่นายเห็นฉันถูกเรียกออกมา สภาพจิตใจของนายก็เริ่มสั่นคลอนซึ่งทําให้นายตกอยู่ในคาถาลวงตาได้"
“แต่ถึงจะเป็นฉัน ฉันก็น่าจะเป็นแบบนายเหมือนกัน"
"จําสิ่งที่ฉันบอกนายในคาถาลวงตาเอาไว้ อย่าปล่อยให้สึนะงาคุเระมายั่วยุเด็กคนนี้ได้เป็นอันขาด”
หลังจากที่พูดจบ คาเซะคาเงะรุ่นที่สามก็สลายตัวไปราวกับฝุ่น
ซาโซริที่มองไปที่ม้วนหุ่นเชิดที่ยังไม่สลายบนร่างกายของเขาจึงเงียบลงครู่หนึ่ง
"การเคลื่อนไหวนั่นเป็นเรื่องจริงภาพลวงตากันแน่?" ซาโซริอดไม่ได้ที่จะถาม
เมื่อนึกถึงความรู้สึกที่ไร้พลังต่อหน้าอุกกาบาตลูกใหญ่ หัวใจของเขาก็รู้สึกราวกับว่าถูกบีบเอาไว้ด้วยมือที่มองไม่เห็น
"ลองเดาดูสิ!" ชินหยูยิ้มและตบไหล่ของซาโซริ "ถ้านายเดาไม่ออก นายจะลองดูอีกครั้งก็ได้นะ..."
"จะว่าไปตอนนี้ก็ถึงเวลาแล้วเหมือนกัน ฉันจะรีบกลับไปที่โคโนฮะก่อน ส่วนพวกนายน่ะเตรียมตัวไว้ให้พร้อมทุกเมื่อก็แล้วกัน"
พวกเขามองไปที่ชินหยูซึ่งหายตัวไปในอากาศด้วยจักระสายฟ้าของเขา ก่อนที่คาคุซึจะพูดขึ้น
"อย่าได้สงสัยในความแข็งแกร่งของเจ้านายของฉันเลย เมื่อกี้ไม่ใช่แค่นายหรอก แม้แต่ฉันเองก็โดนคาถาลวงตานั่นเหมือนกัน" คาคุซึพูดและมองไปที่ซาโซริ
"แต่ฉันน่ะไม่ได้สนใจนายหรอกนะ ฉันแค่ไม่อยากให้นายตายเร็วและอยู่เป็นลูกน้องกับฉันเท่านั้น…"
….
ณ หมู่บ้านโคโนฮะ ประตูทางเข้าออกหมู่บ้าน
ร่างเล็กๆร่างหนึ่งรีบเข้าไปในประตูทางเข้าหมู่บ้าน
อังโกะมองไปรอบๆและพบว่าไม่มีนินจาที่อยู่หน้าหมู่บ้าน ดังนั้นเธอจึงเดินเข้าไปในความมืดอย่างเงียบๆ
แต่ขณะที่เธอก้าวไปได้สองสามก้าว เสียงที่คุ้นเคยก็ดังขึ้น
"อังโกะ ในที่สุดเธอก็กลับมาแล้ว"
ร่างของอังโกะสะดุ้งก่อนที่เธอจะรีบมองไปที่ต้นเสียง พร้อมกับร่างที่ปรากฎเข้ามาในสายตาของเธอซึ่งทําให้สีหน้าของเธอนั้นเปลี่ยนไปอย่างมาก
"อาจารย์ชินโนะสุเกะ..."
หลังจากที่โอโรจิมารุหนีออกจากหมู่บ้านไป อังโกะก็ได้รับมอบหมายให้เป็นลูกศิษย์ของโฮคาเงะรุ่นที่สามในทีมของซารุโทบิ ชินโนะสุเกะซึ่งเป็นที่รู้จักในฐานะหนึ่งใน 8 ตระกูลใหญ่แห่งโคโนฮะเนื่องจากตราอักขระสาป
แต่ขณะเดียวกันก็ยังมี ดันโซ ฟู โฮคาเงะรุ่นที่สาม และที่ปรึกษาคนอื่นๆด้วย
"เอาล่ะ จิไรยะ นายมีอะไรจะแก้ตัวอีกไหม?" ดันโซกําไม้เท้าไว้ในมือของเขาและพูดด้วยสีหน้าเขร่งขรึม "นายบอกว่านายส่งเด็กคนนั้นไปที่ภูเขาเมียวโบคุไม่ใช่รึไง?"
หลังจากที่ได้รับรายงานของฟูแล้ว ดันโซจึงตัดสินใจรีบเคลื่อนไหวทันที
เพราะถ้าหากโฮคาเงะรุ่นที่สามรู้ว่าเขาสมรู้ร่วมคิดกับโอโรจิมารุ เขาจึงไม่สามารถหลีกเลี่ยงการถูกตรวจสอบได้
หน่วยรากเองก็พยายามอย่างหนักเพื่อที่จะทำลายหลักฐานทุกอย่างเช่นกัน
"ดันโซ นายฟังแค่ฟูคนเดียวรึไงน่ะ?" ท่าทีของจิไรยะจริงจังขึ้น "ฉันน่ะรู้ดีว่ามันยากแค่ไหนที่จะฝึกฝนโหมดเซียนในภูเขาเมียวโบคุได้"
"ยิ่งไปกว่านั้น จากคําพูดของฝ่ายนายเพียงคนเดียว มันเป็นไปไม่ได้อยู่แล้วที่จะพิสูจน์ว่าเด็กคนนั้นออกจากหมู่บ้านไปน่ะ"
"เฮอะ! นายจะบอกว่าคำพูดของฟูใช้เป็นหลักฐานไม่ได้งั้นรึ? จิไรยะ อย่าลืมว่านายน่ะไม่ได้อยู่ในโคโนฮะนานแค่ไหนแล้ว นายจะรู้ดีไปกว่าคนในหมู่บ้านอย่างพวกฉันได้ยังไง?!" ดันโซพูดอย่างเย็นชา
"พอได้แล้ว!" ฮิรุเซ็นตะโกนขึ้นเพื่อหยุดทันที
"ในเมื่ออังโกะกลับมาแล้ว ฉันจะให้หน่วยลับที่ฉันส่งไปยืนยันที่อยู่ของชินหยู แล้วหลังจากนั้นค่อยฟังจากปากของเขาอีกทีหนึ่ง"
ทันทีที่เขาพูดจบ ร่างๆหนึ่งก็ปรากฎขึ้นจากท้องฟ้าและลงมาคุกเข่าต่อหน้าฮิรุเซ็น
"ท่านโฮคาเงะ พวกเราพบว่า อุจิวะ ชินหยูกำลังอยู่ที่สํานักงานใหญ่ของกองตำรวจอุจิวะ ซึ่งตอนนี้เขากําลังนั่งสมาธิอยู่ครับ"
“ว่าอะไรนะ?”
การแสดงออกของดันโซเปลี่ยนไปอย่างกะทันหันทันที
"เป็นไปไม่ได้ เขาพึ่งออกจากโคโนฮะไป ซึ่งฟูก็เห็นด้วยตาของเขาเอง อังโกะก็เป็นพยานยืนยันได้เหมือนกัน!"
"หือ?" ฮิรุเซ็นมองไปที่อังโกะและพูดว่า "อังโกะ ช่วยบอกมาตรงๆที ที่ฟูบอกว่าเธอและชินหยูออกไปจากโคโนฮะด้วยกันนี่มันเป็นเรื่องจริงงั้นเหรอ?"
หลังจากนั้นเพียงครู่เดียว สายตาของทุกคนก็หันมาสบกับอังโกะ ซึ่งทําให้ใบหน้าของเธอซีดลงเล็กน้อย
Copyright © 2025 xxxxx.com, All Right Reserved