ตอนที่ 80 นี่ไม่ใช่ยุคสมัยของนายอีกต่อไป

"สามหางเนี่ยนะกินอาหารของคนอย่างอร่อยน่ะ?" การแสดงออกของโฮคาเงะรุ่นที่สามและคนอื่นๆนั้นเต็มไปด้วยความสงสัยอย่างมาก

เรื่องแบบนี้มันอยู่เหนือความคาดหมายของพวกเขาไปมากๆ

"จิไรยะ พวกฉันไม่ใช่เพื่อนเล่นของนายนะ" ดันโซพูดอย่างเย็นชา "สัตว์หางน่ะยังไงมันก็เป็นสิ่งมีชีวิตที่ชั่วร้ายที่อยู่มานาน"

"นายไม่เคยเห็นเก้าหางอาละวาดอย่างนั้นสินะ?" ดันโซถาม

"ใช้อาหารเพื่อกำราบสามหางเนี่ยนะ? มันจะง่ายขนาดนั้นได้ยังไงกัน?!"

คําพูดที่ตีโพยตีพายเล็กน้อยดังก้องอยู่ในห้องทำงานโฮคาเงะทันที

เมื่อได้ฟังคําพูดเหล่านี้ โฮคาเงะรุ่นที่สามและคนอื่นๆก็พยักหน้าพร้อมเพรียงกัน

"ฉันเองก็ไม่อยากเชื่อเหมือนกัน แต่ดูรูปนี่สิ" จิไรยะหยิบรูปๆหนึ่งออกมาเพื่อดึงดูดความสนใจของคนอื่นๆในทันที

เมื่อพวกเขาได้เห็นสัตว์หางที่ตัวเล็กประมาณสุนัขกำลังยกหางที่คีบตะเกียบอยู่ราวกับกำลังจะกินข้าวนั้น…

ใบหน้าของพวกเขาทุกคนก็กระตุกทันที

นี่มันยังเป็นสัตว์หางอยู่จริงๆรึเปล่า?

"พวกท่านจะเชื่อได้รึยังล่ะ?" จิไรยะยิ้มอย่างขมขื่นและพูดว่า "ตอนที่ผมได้รับข้อมูลนี้มาตอนแรก ผมก็ยังคิดเลยว่ามินาโตะต้องล้อเล่นแน่ๆ"

"ผมเองก็คิดว่าผมควรบอกเรื่องนี้ดีหรือไม่ แต่หลังจากที่ท่านฟุคาซาคุติดต่อผมมาจากภูเขาเมียวโบคุ ผมจึงตัดสินใจมาที่นี่ทันที"

"การที่จะทำให้สัตว์หางสงบจนอยู่ในระดับนั้นได้ ไม่ใช่สิ่งที่คนธรรมดาทั่วไปสามารถทําได้แน่ๆ"

เมื่อได้ฟังคําพูดเหล่านี้ ทั้งโฮคาเงะรุ่นสามกับดันโซจึงตกอยู่ในความเงียบ

ข้อมูลที่อยู่ตรงหน้าพวกเขานั้นอยู่เกินกว่าจินตนาการของพวกเขาไปมาก ถ้าไม่ได้ฟังและได้เห็นด้วยตาตัวเอง ใครเชื่อเรื่องแบบนี้กัน?

ว่าสัตว์หางที่แข็งแกร่งและเกลียดชังมนุษย์มาตลอดจะกลายเป็นเหมือนกับสัตว์เลี้ยงเมื่ออยู่ต่อหน้าเด็กอายุเพียงสิบสี่ถึงสิบห้าปีแบบนี้…

"จิไรยะ นายเองก็รายงานเรื่องนี้ด้วยตัวเองแล้ว นายคิดว่าเป็นยังไงบ้าง?" จู่ๆโฮคาเงะรุ่นที่สามก็ถามจิไรยะ

ถ้าชินหยูเป็นเพียงนินจาอัจฉริยะที่โดดเด่นอยู่ในตระกูลอุจิวะ เขาก็จะถูกมองว่าเป็นนินจาอัจฉริยะเท่านั้น

แต่ตอนนี้เขาได้ฆ่ามิซึคาเงะรุ่นที่สามและกำราบสามหางได้อย่าง่ายดาย

ซึ่งนั่นหมายความว่าชินหยูได้ฆ่ามิซึคาเงะรุ่นที่สามและกำราบสามหางเอาไว้ด้วยความแข็งแกร่งของเขาที่เพิ่มขึ้นจนอยู่ในระดับเดียวกันกับพวกเขาแล้ว

นี่คือความแข็งแกร่งด้านการต่อสู้ที่พวกเขาจะปล่อยไปไม่ได้เด็ดขาด!!

"สิ่งที่ปรากฏนั้นก็ชัดเจนอยู่แล้ว" จิไรยะเองก็มีใบหน้าที่จริงจังที่หายากปรากฎขึ้น

"เราควรปฏิบัติต่อเขาอย่างไรในฐานะนินจาของโคโนฮะ?"

การแสดงออกของโฮมุระและโคฮารุเปลี่ยนไปเล็กน้อย

ในฐานะที่ปรึกษา พวกเขานั้นก็ไม่ได้โง่ แต่พวกเขาเองก็พอรู้ว่าควรจะทำอย่างไรให้มันเกิดความสมดุลมากที่สุด

ความแข็งแกร่งที่ชินหยูได้แสดงออกมาในตอนนี้ก็มากพอแล้วที่จะคุกคามความปลอดภัยของหมู่บ้านนินจาหลายๆแห่งได้

หากพวกเขาต้องจัดการกับมัน พวกเขาจําเป็นจะต้องตัดสินใจทันที

"ฮึ ฆ่ามันซะ การที่มันฆ่ามิซึคาเงะรุ่นที่สามและชิงสามหางมาแบบนั้นไม่ต่างอะไรจากการทำอาชญากรรมสงครามที่ร้ายแรง" ดันโซพูดอย่างเย็นชา

“อย่าลืมว่าสงครามโลกนินจาครั้งที่สามนี้เกิดขึ้นเนื่องจากการหายตัวไปของคาเสะคาเงะรุ่นที่สาม ซึ่งมันทําให้พวกซึนะงาคุเระสงสัยพวกเรา"

"ในสนามรบของพวกซึนะงาคุเระมีกำลังเพียงเล็กน้อยเท่านั้น หากพวกมันรู้ว่าชินหยูฆ่ามิซึคาเงะรุ่นที่สาม พวกคิริงาคุเระ กับ ซึนะงาคุเระ จะต้องผนึกกำลังกันเพื่อกับโคโนฮะจนกว่าจะมีฝั่งใดฝั่งหนึ่งล่มสลายไป และนั่นคือจุดจบของสงครามในครั้งนี้"

คําพูดของดันโซนั้นดังสะท้อนอยู่ในห้องทำงานโฮคาเงะ ซึ่งทําให้การแสดงออกของทุกคนนั้นเริ่มจริงจังมากขึ้น

แม้ว่าคําพูดของดันโซอาจจะดูขวานผ่าซาก แต่มันก็มีโอกาสที่จะเกิดขึ้นจริงได้เช่นกัน

"ซารุโทบิ สิ่งที่ดันโซพูดนั้นก็สมเหตุสมผล" โฮมูระพูดเชิงเห็นด้วยกับดันโซ

โคฮารุพยักหน้าและเห็นด้วยเช่นกัน ซึ่งมันทําให้ดันโซยิ้มออกมาอย่างเย็นชา

ในฐานะชายที่มีความทะเยอทะยาน สิ่งที่เขาต้องควบคุมให้ได้คือการควบคุมสถานการณ์

ซึ่งตอนนี้เขาก็สามารถทำมันได้สำเร็จ

ท่าทีของของโฮคาเงะรุ่นที่สามนั้นเปลี่ยนไป เขาไม่ได้พูดอะไรแต่หันไปถามว่า "จิไรยะ นายคิดยังไงกับเรื่องนี้?"

คําถามนี้ทําให้จิไรยะตกเป็นเป้าสายตาในทันที

"จิไรยะ ฉันขอแนะนําให้นายมองดูภาพรวมด้วย เพราะคําพูดของนายอาจส่งผลต่อชะตากรรมของโคโนฮะได้ ในฐานะสามนินจาในตำนาน นายจะต้องฉลาดที่จะเลือก" ดันโซพูดกับจิไรยะอย่างเย็นชา

"ผมคิดว่าพวกเราควรปฏิบัติต่อชินหยูให้ดีเพราะเขามีพรสวรรค์ที่น่ากลัวมาก" จิไรยะเมินคำพูดของดันโซและพูดว่า" ถ้าโฮคาเงะรุ่นที่หนึ่งต้องการให้ โคโนฮะที่ท่านก่อตั้งขึ้นนั้นแข็งแกร่ง ชินหยูนั้นถือว่ามีบทบาทที่สําคัญต่อความแข็งแกร่งของโคโนฮะมาก "

“ความแข็งแกร่งของโคโนฮะงั้นรึ?”

คราวนี้ แม้แต่การแสดงออกของโฮคาเงะรุ่นที่สามก็เปลี่ยนไป

ในฐานะโฮคาเงะคนปัจจุบัน เขาไม่เคยคิดถึงเรื่องนี้มาก่อนเลย

โดยเฉพาะจิไรยะที่เอาแต่ทำตัวเที่ยวเล่นไปวันๆ ก็ยังไม่ค่อยพูดอย่างจริงจังแบบนี้ออกมาด้วยซ้ำ

นั่นหมายความว่าชินหยูนั้นต้องเป็นคนที่สำคัญมากๆต่อโคโนฮะแน่ๆ

"นี่แก!" ดันโซตะโกนด้วยความโกรธ

"จิไรยะ นายรู้ไหมว่านายกําลังพูดอะไรออกมาน่ะ?"

"ถ้าไม่ใช่เพราะมาดาระ ท่านฮาชิรามะก็คงจะไม่ตายไปเพราะอาการป่วยและบางทีตอนนี้โคโนฮะของพวกเราอาจจะรวมหมู่บ้านนินจาทั้งห้าไว้เป็นหนึ่งเดียวได้แล้วด้วยซ้ำ"

"นายกลับกล้าใช้ทายาทของตระกูลทรยศในโคโนฮะเพื่อปกป้องโคโนฮะเนี่ยนะ? นี่มันจะมากเกินไปแล้ว!"

ทันทีที่คำพูดของเขาเงียบลง

ดันโซรีบก้าวไปข้างหน้าและปรากฏตัวต่อหน้าจิไรยะทันที

มือขวาของเขานั้นพุ่งไปคว้าที่ร่างของจิไรยะอย่างรวดเร็ว

ป๊องง!

ควันสีขาวปรากฎขึ้นเนื่องจากจิไรยะใช้คาถาสลับร่าง

ดังนั้นสิ่งที่ดันโซคว้าได้ก็คือท่อนไม้แทน

เมื่อเขาโจมตีพลาด ดันโซจึงหมดความอดทนทันที เขารีบหันกลับมามองด้านหลังเขา

"จิไรยะ แกไม่รู้ตัวเลยรึไงว่าแกกำลังดูหมิ่นท่านฮาชิรามะอยู่น่ะ?" ดันโซพูดด้วยความโกรธ

แต่ถึงอย่างนั้น จิไรยะก็ไม่ได้สนใจและพูดตอบกลับไป "ดันโซ นายน่ะมองคาถาที่ฉันใช้ไม่ออกเลยด้วยซ้ำ แล้วจะมาทำตัวรู้ดีได้ยังไงกัน?"

"ในอนาคต ผู้ที่จะเข้ามาปกครองและพยุงโคโนฮะไว้จะเป็นเหล่าเด็กๆที่เป็นเหมือนกับเจตจำนงแห่งไฟ ไม่ใช่คนดื้อรั้นอย่างนาย แค่ความคิดของนาย โคโนฮะไม่มีทางเจริญขึ้นมาได้หรอก"

หลังจากที่พูดจบ เสียงแหลมๆก็ดังมาจากด้านหลังของดันโซ

ท่อนไม้ที่เขาจับเอาไว้ก่อนหน้านี้...กลายเป็นร่างของจิไรยะอีกครั้ง

มือของเขาประสานอิน ซึ่งทำให้ผมสีเงินของเขาก็เข้าไปโอบพันรอบร่างของดันโซไว้อย่างรวดเร็วเหมือนกับงู

การแสดงออกของดันโซเปลี่ยนไปทันที เขาไม่คิดเลยว่าจิไรยะจะใช้วิธีแบบนี้กับเขา

ในตอนนี้เขาถูกมมัดร่างเอาไว้โดยไม่ทันตั้งตัว และเขาก็ไม่สามารถตอบโต้คาถาของจิไรยะได้เลย

"ดันโซ นายน่ะเอาชนะฉันยังไม่ได้เลยด้วยซ้ำ" จิไรยะพูด

หลังจากนั้นจิไรยะได้คลายคาถาของเขาออกแล้วพูดอย่างเย็นชา "ตอนนี้น่ะมันหมดยุคสมัยของนายไปแล้ว"

เสียงของจิไรยะดังก้องอยู่ในห้องทำงานโฮคาเงะ แม้แต่ท่าทีของโฮมุระกับโคฮารุเองก็เปลี่ยนไปมากเช่นกัน