ตอนที่ 99 ผนึกอักขระสาปชั่วคราว

"จะบ้าเรอะ นายเป็นบ้าอะไรของนายเนี่ย!" อังโกะนั้นเคยเป็นคนที่ชอบสร้างปัญหากับคนอื่นๆมาโดยตลอด

แต่เมื่อเธอได้เห็นรอยยิ้มบนใบหน้าของชินหยู เธอก็รู้สึกว่ายังมีคนที่น่าจะชอบสร้างปัญหามากกว่าเธออยู่อีก

แต่หลังจากที่ได้เห็นร่างจักระสายฟ้าด้วยตาของเธอนั้น นั้นเธอรู้ได้ทันทีว่าชายหนุ่มตรงหน้าเธอนั้นไม่ธรรมดาเลย

อย่างน้อยเขาต้องแข็งแกร่งกว่าเธอเล็กน้อย!

ใช่!

แค่เพียงเล็กน้อยเท่านั้น!

อังโกะกําหมัดแน่นและพยายามปลอบตัวเอง "ถ้าพวกเราไปจากที่นี่ พวกเราจะกลายเป็นนินจาหลบหนีนะ? นายไม่กลัวเรื่องนั้นเลยงั้นเหรอ?"

"กลัวอะไรเรอะ?" ชินหยูคว้ามืออันบอบบางของอังโกะแล้วหันกลับไปอย่างรวดเร็ว

"รีบไปเถอะ ฉันน่ะคือตระกูลอุจิวะที่เก่งกาจด้านวิชาลวงตา เมื่อพวกเขาจะตื่นขึ้นพวกเขาก็จะลืมสิ่งที่เกิดขึ้นแล้ว เพราะฉะนั้นรีบทำทุกอย่างให้เร็วที่สุด และเมื่อเธอกลับมาเธอก็จะยังเป็นนินจาของโคโนฮะอยู่"

เดิมทีอังโกะนั้นต้องการที่จะหนีไปจากชินหยู แต่เมื่อเธอได้ยินคําพูดแบบนี้เธอจึงอดไม่ได้ที่จะตกใจ

คราวนี้เธอกําลังจะไล่ตามโอโรจิมารุไป

แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าเธอจะไปอยู่กับโอโรจิมารุสักหน่อย

…..

หลังจากที่ทั้งสองคนนั้นจากไป เจ็ดถึงแปดวินาทีต่อมา ร่างกายของอาซึมะและนินจาหน่วยลับที่หมดสติก็ลุกขึ้นมา

นี่เป็นวิชาลวงตาที่สามารถควบคุมพฤติกรรมได้ซึ่งคล้ายกับการละเมอ

อันที่จริง ชินหยูนั้นมาถึงก่อนที่อังโกะจะปรากฏตัวขึ้นด้วยซ้ำ

เดิมทีเขาวางแผนที่จะใช้การลวงตาเพื่อทําให้ผู้ผู้ประตูสองคนนี้หมดสติไป แต่เขาไม่ได้คิดว่าอังโกะจะปรากฎตัวขึ้นในช่วงเวลาสําคัญแบบนี้

ถ้าเธอไม่ยอกว่าเธอสามารถติดตามโอโรจิมารุไปได้ ชินหยูคงจะไม่เข้ามายุ่งเรื่องนี้แน่ๆ

แม้ว่าเธอจะเป็นเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆที่ได้รับการฝึกฝนมาอย่างดี แต่เธอก็ไม่ได้รับการยกเว้น

"เอาล่ะ อักขระสาปของเธอน่าจะทําให้เธอสัมผัสได้ถึงการมีอยู่ของโอโรจิมารุได้ ซึ่งตอนนี้ถึงเวลาแล้วที่เธอจะต้องใช้มัน" จู่ๆชินหยูก็พูดขึ้น

ท่าทีของอังโกะเปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน เธออดไม่ได้ที่จะหยุดเดินและมองไปที่ชินหยูด้วยความไม่เชื่อ

ในความคิดของอังโกะ ทันทีที่เธอได้กลายเป็นลูกศิษย์ของโอโรจิมารุ เธอก็กลายเป็นเครื่องทดลองของโอโรจิมารุไปแล้ว

เมื่อโอโรจิมารุหลบหนีไป อังโกะจึงได้รับการช่วยเหลือ

แต่น่าเสียดายที่สุดท้ายคือเธอได้รับอักขระสาปที่ไม่สมบูรณ์ติดตัวมาแทน

"ฉันน่ะรู้หลายยอย่างแต่ติดที่ว่าฉันอธิบายใครไม่เก่งนี่แหละ" ชินหยูพูดด้วยรอยยิ้ม

“นี่นาย!”

อังโกะโกรธมาก แต่ก่อนที่เธอจะทันได้ทำอะไร ความเจ็บปวดจากต้นคอของเธอทําให้ใบหน้าของเธอซีดลง เธอค่อยๆเอามือไปปิดอักขระสาปของเธอ

"เธอสัมผัสได้ถึงการมีอยู่ของโอโรจิมารุจริงๆสินะ?" ชินหยูเลิกคิ้วขึ้น

"เอามือของเธอออกไปก่อน เดี๋ยวฉันจะช่วยปิดผนึกอักขระสาปนี่ไว้สักพัก"

"นี่นายปิดผนึกอักขระสาปของโอโรจิมารุได้ด้วยเหรอ? นายพูดจริงรึเปล่า?" อังโกะพูดด้วยความเจ็บปวด

ชินหยูชำเลืองตาของเขาไปมองแล้วถามว่า "จะเชื่อหรือไม่นั่นมันปัญหาของเธอ เธอเองก็คงไม่อยากไปเจอโอโรจิมารุด้วยความเจ็บปวดใช่ไหมล่ะ?"

ตราอักขระสาปที่ไม่สมบูรณ์นี้ถูกสร้างไว้เป็นพิเศษบนร่างของอังโกะโดยโอโรจิมารุ

เพราะในฐานะศิษย์ของโอโรจิมารุ เธอได้ติดตามโอโรจิมารุไปหลายแห่งเพื่อไปเป็นลูกมือของโอโรจิมารุ

แม้ว่าความทรงจําของเธอจะถูกปิดผนึกไปโดยโอโรจิมารุ แต่ตราอักขระสาปนี้ก็ถูกผนึกเอาไว้ด้วยตราประทับบางอย่างที่ไม่สามารถเข้าถึงได้

ซึ่งทำให้ยิ่งเธอเข้าใกล้โอโรจิมารุมากเท่าไหร่ เธอก็จะยิ่งเจ็บปวดมากขึ้นเท่านั้น

ด้วยความแข็งแกร่งในตอนนี้ของอังโกะ เธอกลัวว่าทันทีที่เธอเห็นโอโรจิมารุ เธอจะไม่สามารถทนต่อความเจ็บปวดนี้ได้และเป็นลมไป

แต่ถึงอย่างนั้นเธอไม่ไว้ใจผนึกของชินหยูมากนัก

เพราะโอโรจิมารุเองก็เป็นอาจารย์ที่เธอเคารพเป็นหนึ่งในสามนินจาในตํานานด้วย

แต่เมื่อความคิดนี้ปรากฏขึ้นในใจของเธอ ชินหยูก็เริ่มเคลื่อนไหวแล้ว

นิ้วมือขวาสองนิ้วของเขาวางไว้บนอักขระสาปและกดเข้าไปที่ต้นคอทันที

"วิชาผนึก - ผนึกอักขระสาป!"

ในผลงานต้นฉบับ คาคาชิได้ใช้คาถานี้เพื่อผนึกอักขระสาปของซาซึเกะไว้ชั่วคราวได้

แต่ท่าทีของอังโกะกลับเปลี่ยนไปทันทีเมื่อเผชิญกับชินหยูที่ใช้คาถาผนึกอักขระสาป

แต่เมื่อเธอเริ่มขยับตัวของเธอ เธอเริ่มรู้สึกว่าอาการปวดที่ต้นคอของเธอเริ่มบรรเทาลงอย่างรวดเร็ว

“นี่เขาทำได้จริงๆงั้นเหรอ?”

อังโกะถึงกับตกตะลึง เธอไม่เคยคิดเลยว่าชายหนุ่มตรงหน้าเธอจะสามารถใช้คาถาปิดผนึกเพื่อผนึกอักขระสาปของโอโรจิมารุได้อย่างง่ายดาย

"เอาล่ะ ตอนนี้ความเจ็บปวดของเธอได้หายไปแล้ว เธอคงตามหาโอโรจิมารุได้ง่ายขึ้นแล้วสินะ?" ชินหยูลูบหัวของอังโกะด้วยความเอ็นดู

"เชื่อฉันได้เลย ฉันน่ะไม่ได้โกหกนายแน่ๆเพราะฉันเป็นนินจาที่แข็งแกร่งมากเลยล่ะ!!"

“ฮึ!”

อังโกะกลับมาพูดอย่างเย็นชาอีกครั้ง แต่คราวนี้เธอยอมรับความอ่อนโยนของชินหยูบ้างแล้ว

หลังจากที่หยุดอยู่ครู่หนึ่ง เธอจึงหันหน้าไปมองที่พุ่มป่าที่อยู่ไม่ไกล

"โอโรจิมารุอยู่ตรงนั้น แม้ว่าจะอยู่ไกลแต่ออร่าที่ปล่อยออกมานั้นแข็งแกร่งมากทีเดียว"

หลังจากที่พูดจบ อังโกะจึงมุ่งหน้านำชินหยูไปทันที

เมื่อเห็นแบบนี้ ชินหยูเองก็ตามไปอย่างรวดเร็ว

แต่จู่ๆเขาก็จําได้ว่าตัวละครของอังโกะนั้นคล้ายคลึงกับ อุซึมากิ นารูโตะ ในงานต้นฉบับมากแค่อังโกะนั้นเป็นผู้หญิง

….

บนแอ่งป่าที่อยู่ห่างออกไปสองถึงสามกิโลเมตร ร่างทั้งห้าร่างกำลังยืนอยู่อย่างเงียบ ๆ

"ท่านโอโรจิมารุ ท่านแน่ใจหรือว่าเจ้าเด็กนั่นจะมาที่นี่น่ะ?" ท่าทีของฟูนั้นดูเหมือนจะไม่ค่อยเชื่อในตัวโอโรจิมารุมากนัก

เมื่อเขานึกถึงคู่หูของเขาที่ตายไปอย่างโทรุเนะที่ถูกขยี้ร่างจนแหลกเป็นเศษเนื้อต่อหน้าทุกคนก่อนหน้านี้

เนื่องจากเรื่องที่เกิดขึ้นนั้นพึ่งเกิดได้ไม่นาน ซึ่งทำให้เขาอยากจะเอาชินหยูมาทรมานมาก

"ไม่ต้องห่วงหรอก ถ้าเป็นเจ้าเด็กนั่น ฉันเชื่อว่าเขาจะต้องมาที่นี่อย่างแน่นอน ว่าแต่นายได้ทําสิ่งที่ฉันขอให้นายทํารึยัง?" โอโรจิมารุยิ้มโดยแล่บลิ้นสีแดงมาเลียที่ริมฝีปากที่แห้งกรังของเขา

"ท่านโอโรจิมารุ ไม่ต้องห่วง ผมได้จัดการเรื่องนั้นไว้เรียบร้อยแล้ว" จู่ๆฟูก็หยิบกล่องไม้ออกมาแล้วยื่นให้โอโรจิมารุ

"ท่านโอโรจิมารุ ด้วยสิ่งนี้มันจะทำให้ท่านเอาชนะ อุจิวะ ชินหยู ได้จริงๆงั้นหรือ? เพราะท่านดันโซเองก็คาดเดาเอาไว้ว่าเด็กคนนั้นแข็งแกร่งระดับคาเงะแล้ว"

ถ้าไม่ใช่เพราะการโจมตีร่วมกันที่ล้มเหลวในห้องทำงานของโฮคาเงะ ฟูคงคิดว่าเขาจะสามารถเอาชนะชินหยูด้วยวิธีการอื่นได้

หรือมากกว่านั้น เขาอาจจะสามารถพึ่งพาจํานวนคนที่เขามีในหน่วยรากได้

ถ้าหากคนเดียวเอาชนะไม่ได้ เขาก็จะเตรียมเอาไว้สิบคน ถ้าสิบคนไม่สามารถเอาชนะได้ ก็เตรียมไว้ยี่สิบคน

และเป็นเพราะเหตุผลนี้เองที่ทำให้ผลที่ตามมาทําให้โทรุเนะถูกชินหยูฆ่าตายต่อหน้าทุกคน