ตอนที่ 41 เป้าหมายต่อไป

คาคุซึ นินจาหลบหนีระดับ S ในตอนนี้กำลังนอนแผ่อยู่กับพื้นราวกับหมูแดดเดียวที่กำลังตากแดดอยู่

ถ้าดันโซได้มาเห็นว่านินจาล่าค่าหัวที่เขามองเอาว่าเป็นไม้เด็ด กำลังนอนแผ่อย่างหมดสภาพต่อหน้าชินหยูแบบนี้ ดันโซคงจะไม่สามารถยอมรับเรื่องนี้ได้ง่ายๆ!

"ไม่ต้องห่วง แล้วนายจะรู้เองว่าการตัดสินใจครั้งนี้ของนายมันถูกต้องแล้ว" ชินหยูพูดกับคาคุซึ

“ตอนนี้หัวใจของนายทั้งสี่ดวงก็แตกออกหมดแล้ว ฉันเองก็มีเป้าหมายดีๆบางอย่างอยู่ ถ้าหากนายทําได้ ความแข็งแกร่งของนายจะเพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน"

ถ้าหากว่าเขาไม่ได้เห็นพลังของชินหยูด้วยตาของเขาเอง คาคุซึ อาจจะไม่เชื่อคําพูดนี้ของชินหยูก็ได้

แต่หลังจากที่โดนกระสุนวงจักรไปเพียงแค่สองรอบ คาคุซึก็เชื่ออย่างสนิทใจทันทีว่าสิ่งที่ชินหยูพูดนั้นเป็นเรื่องจริง

"นายกําลังพูดถึงพลังแบบไหนอยู่งั้นเรอะ?" คาคุซึถามกับชินหยูอย่างสงสัย

ชินหยูอดไม่ได้ที่จะยิ้มเมื่อเขารู้สึกถึงพลังที่ค่อยๆไหลออกมาจากนิ้วของเขา

ในโลกของนินจา คนที่ไร้ซึ่งความทะเยอทะยานจะเป็นคนที่อ่อนแอที่สุด

แล้วแต่ละคนนั้นจะแข็งแกร่งขึ้นได้อย่างไรกัน?

ความทะเยอะทะยาน ความฝัน หรือแม้กระทั่งการล้างแค้นเองก็มีส่วนที่ทำให้นินจาทั่วไปสามารถแข็งแกร่งขึ้นได้ง่ายๆ

ตัวอย่างเช่น อุจิวะ โอบิโตะ ที่เป็นผู้อยู่เบื้องหลังของสงครามโลกนินจาครั้งที่ 4 (ถ้าไม่นับมาดาระกับเซ็ทสึดำ)

"นายน่าจะพอรู้มาบ้างใช่ไหมว่าสาเหตุของสงครามโลกนินจาครั้งที่ 3 นั้นเกิดจากการหายตัวไปของคาเซะคาเงะรุ่นที่สามใน สึนะงาคุเระน่ะ?" ชินหยูมองไปที่คาคุซึ

เนื่องเขานั้นอยู่แต่โลกมืดมาตลอดหลายปีที่ผ่านมา ทำให้มีเรื่องบางอย่างที่ผู้คนทั่วไปนั้นไม่สามารถรู้ได้

ในฐานะนินจาล่าค่าหัว เขาจะต้องรู้ข้อมูลนี้อย่างละเอียดแน่นอน

เพราะในโลกของคาคุซึนั้นเงินสามารถซื้อได้ทุกอย่าง

"รู้สิ และเพราะเรื่องนี้ทําให้เกิดการจราจลครั้งใหญ่ในหมู่บ้านด้วย แต่ฉันไม่รู้หรอกนะว่าใครเป็นคนทําน่ะ" คาคุซึส่ายหัว

"คาเซะคาเงะรุ่นที่สามน่ะมีค่าหัวหนึ่งหมื่นล้านในตลาดมืด ไม่ใช่ว่าพวกโคโนฮะเป็นคนทําเรื่องนี้จริงๆหรอกเหรอ?"

"ไม่ใช่!" ชินหยู ส่ายหัว "ฉันอยากให้นายไปตามหาใครสักคน หลังจากที่ได้พบกับเขาแล้วรีบเอาหัวใจของคาเซะคาเงะรุ่นที่สามมาจากเขาให้ได้เร็วที่สุด"

"ด้วยคาถาทรายเหล็ก ความแข็งแกร่งของนายจะสูงขึ้นไปอีกระดับแน่นอน"

คาคุซึรู้สึกเนื้อเต้นทันทีที่ได้ยินว่าให้ไปชิงหัวใจของคาเซะคาเงะรุ่นที่สามมาจากใครคนหนึ่ง

คาถาทรายเหล็กก็เหมือนกับสายฟ้าสีดำของคุโมะงาคุเระ

ทั้งคู่เป็นนั้นเป็นการเปลี่ยนแปลงของจักระพิเศษตัว ซึ่งแตกต่างจากวิชาขีดจำกัดทางสายเลือด

แม้ว่าคนอื่นๆอาจจะไม่สามารถใช้พลังนี้ได้ แต่คาคุซึนั้นเป็นข้อยกเว้น

แต่มีอยู่สิ่งหนึ่งที่ชินหยูนั้นไม่เข้าใจ ว่าทําไมคาคุซึในนารูโตะต้นฉบับถึงได้แข็งแกร่งมากขนาดนั้นได้?

หรือว่าสิ่งที่เขาทำนั้นมันคือการทำลายความแกร่งในอนาคตของคาคุซึไปโดยที่ไม่รู้ตัวนี่?

เมื่อรู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลงในสายตาของชินหยู คาคุซึจึงยิ้มออกมาเล็กน้อยและพยายามลุกขึ้นนั่งด้วยความลำบาก

"เป็นอะไรไปน่ะไอ้หนู!"

"ฉันรู้ดีว่านายเองก็สงสัยว่าทำไมฉันถึงไม่ไปหาหัวใจของคนที่แข็งแกร่งมาใส่ไว้ในร่างใช่ไหมล่ะ?"

"ไม่ใช่ว่าฉันไม่อยากทำหรอกนะ แต่ว่าฉันไม่สามารถทําแบบนั้นคนเดียวได้ต่างหาก"

ชินหยูนั้นทรงพลังมากหากเทียบพลังทั้งหมดของคาคุซึ

ชื่อเสียงของเขานั้นก็เป็นแค่นินจาหลบหนีระดับ S และเป็นคนที่เคยทำภารกิจลอบฆ่าโฮคาเงะรุ่นที่หนึ่งเท่านั้น

ในตอนนั้นเขายืนดูอยู่ในระยะไกลพร้อมกับดาบในมือ แต่ด้วยความฉลาดของเขา เขาจึงรีบหนีไประหว่างภารกิจลอบฆ่า

หมู่บ้านทาคิงาคุเระกลัวว่าจะมีเรื่องบางอย่างเกิดขึ้นหลังจากที่คาคุซึกลับมา พวกเขาจึงตั้งข้อหากับเขาทันทีด้วยโดยไร้ซึ่งเหตุผลใดๆ

คาคุซึไม่สามารถระงับความโกรธของเขาได้และใช้คาถาชิงหัวใจของเขาจัดการกับคนที่ตั้งข้อหากับเขาทันที

เดิมทีความแข็งแกร่งโดยรวมของหมู่บ้านทาคิงาคุเระนั้นไม่ได้แข็งแกร่งอะไรมากนัก ในช่วงท้ายของนารูโตะต้นฉบับ นินจาที่แข็งแกร่งมากๆเพียงแค่คนเดียวก็สามารถทำลายหมู่บ้านได้แล้ว

และเมื่อเผชิญหน้ากับคาคุซึที่ได้กลายร่างเป็นสัตว์ประหลาด หมู่บ้านทาคิงาคุเระจึงถูกทำลายล้างเพียงแค่ชั่วข้ามคืนอย่างรวดเร็ว

"นายรู้งั้นเหรอว่าคาเซะคาเงะรุ่นที่สามอยู่ที่ไหน?" คาคุซึถามด้วยความสงสัย

ฮายาเตะและยูกาโอะเองก็ตกตะลึงในตอนแรกและกําลังจะเข้ามาเพื่อถามชินหยู

เนตรวงแหวนกระจกเงาหมื่นบุปผาของชินหยูปรากฎขึ้นและสะกดจิตทั้งสองคนไว้ทันที

ไม่ใช่ว่าชินหยูไม่เชื่อใจยูกาโอะ

แต่เขาไม่อยากให้เธอไปเกี่ยวข้องกับเขา และไม่ต้องการให้เธอถูกดันโซกับหน่วยลับคอยตายเวลาอยู่ในหมู่บ้าน

ถ้าเขาบังคับให้เธอพูด มันจะกลายเป็นเรื่องยากสำหรับชินหยู

เมื่อเห็นชินหยูจ้องมองยูกาโอะและฮายาเตะแล้วใช้คาถาลวงตาใส่ คาคุก็รู้สึกได้ทันทีว่ามีอะไรแปลกๆไป

"เนตรวงแหวนนั่น มันเหมือนกับของมาดาระรึเปล่า?"

มีเพียงนินจาสองคนเท่านั้นที่สามารถทําให้คาคุซึต้องหนีไปเพียงแค่ได้ยินชื่อ

คนแรกคือโฮคาเงะรุ่นที่หนึ่ง

คนที่สองคือ อุจิวะ มาดาระ

ในฐานะที่รอดมาจากสงครามนินโลกนินจาครั้งที่หนึ่งได้ คาคุซึจึงรู้จักกับมาดาระเป็นอย่างดี

"ก็พอจะเดาได้คร่าวๆล่ะนะ" ชินหยูเองก็ไม่ได้คิดจะปิดบังเช่นกัน

เนื่องจากเขาต้องการใครสักคนที่จะทำภารกิจให้เขาด้วยใจจริงไม่ใช่เพียงแค่กลัวในพลังของเขาเท่านั้น

ถ้าเป็นแบบนั้นเขาจะไว้ใจคนที่ส่งไปทำภารกิจของเขาได้อย่างไร?

"กลับไปที่เรื่องของฉันก่อนดีกว่า" ชินหยูรีบกลับไปพูดหัวข้อเดิมทันที "นายน่ะรู้จักคนมากในตลาดมืดสินะ แล้วนายรู้จักซาโซริไหม?"

“ถ้านายได้เจอกับเขา ให้นายชิงหัวใจของคาเซะคาเงะรุ่นที่สามมาทันที เพราะเขาจะต้องใช้วัสดุมากมายในการทําหุ่นเชิดมนุษย์ และเขาจะต้องทําให้คนๆนั้นมีชีวิตด้วยถึงจะเปลี่ยนเป็นหุ่นเชิดมนุษย์ของจริงได้"

ซึ่งจุดเด่นที่สุดของหุ่นเชิดมนุษย์คือสามารถใช้คาถาของเจ้าของร่างที่เป็นหุ่นตอนที่ยังมีชีวิตอยู่ได้

แม้ว่าเขาจะอยากได้แก่นพลังชีวิตของหุ่นเชิดด้วย แต่สำหรับคาคุซึแค่หัวใจก็มากพอแล้วที่จะใช้คาถาทรายเหล็กได้

แต่ถ้าหากเขาได้ซาโซริมาเป็นพรรคพวกได้ล่ะ? นั่นก็คงจะเป็นเรื่องที่ดีไม่น้อย

ยิ่งไปกว่านั้น ถ้าหากเขาสามารถทำให้โอโรจิมารุมาเป็นพวกได้อีกคนแล้วได้วิชาย้ายร่างของโอโรจิมารุได้ เขาจะกลายเป็นอมตะอย่างสมบูรณ์แบบ

"นายกําลังพูดถึงบ้านั่นน่ะเหรอ?" การแสดงออกของคาคุซึเปลี่ยนไปเล็กน้อย

ชินหยูเลิกคิ้วขึ้น "นายรู้จักเขางั้นเหรอ?"

"แน่นอน ฉันรู้จักมันดีเลยล่ะ" คาคุซึพยักหน้า

"มันน่ะชอบทําหุ่นเชิดมาก บางครั้งมันก็จะซื้อร่างที่ยังไม่ตายของฉันไปแล้วเขายังจะให้เงินกับฉันโดยแลกกับคนที่ยังมีชีวิตอยู่ ฉันเองก็ไม่ได้คิดว่ามันจะบ้าถึงขนาดไปชิงตัวคาเซะคาเงะรุ่นที่สามมาได้แบบนี้หรอกนะ"

"เพราะเขาคือผู้นำหมู่บ้านของเจ้านั่น"

ชินหยูรู้สึกหมดหนทางทันที

เขาไม่คิดเลยว่าหนึ่งในคนที่เขาต้องการรับจะเอามาเป็นพรรคพวกจะพวกโรคจิตแบบนี้

ในขณะที่อีกคนก็เป็นคนที่เห็นแก่เงิน

ดูเหมือนว่าพวกแสงอุษาจะมีแต่คนแปลกๆอยู่รวมตัวกันจริงๆ

“ถ้านายรู้ว่าเขาอยู่ที่ไหน นายก็รีบไปได้เลยเพราะที่นี่มีนินจาของหน่วยรากกำลังเข้ามาใกล้ๆพวกเรา นายน่าจะจัดการกับพวกมันได้ใช่ไหม?" ชินหยูมองไปที่ป่าที่อยู่ไม่ไกลจากเขานัก

ทันทีที่พวกเขามาถึง นินจาจากหน่วยทั้งรากทั้งสามที่ซ่อนตัวอยู่ในป่าที่กำลังดูสถานการณ์อยู่นั้นเปลี่ยนไปอย่างมาก

พวกเขาไม่คิดที่จะอยู่ที่นี่อีกต่อไปแล้วคิดที่จะหนีแทน

จุดประสงค์ของพวกเขาที่มาที่นี่คือเพื่อมาดูการต่อสู้ระหว่างคาคุซึกับชินหยูแล้วกลับไปรายงานดันโซ

แจ่พวกเขาไม่เคยคิดเลยว่าเรื่องแบบนี้มันจะเกิดขึ้น

พวกเขาคิดว่ามันอาจเป็นการต่อสู้ที่ยืดเยื้อ แต่พวกเขาคิดผิด

หลังจากที่พวกเขาได้ยินเสียงระเบิดดังขึ้น พวกเขาก็พอจะคาดเดาได้ว่าการต่อสู้ในตอนนี้ได้สิ้นสุดลงแล้ว

"ไม่ต้องห่วง พวกมันจะต้องตายอยู่ที่นี่เท่านั้น ถ้าอย่างนั้นฉันขอไปหาเจ้าเด็กหุ่นเชิดนั่นก่อนก็แล้วกัน" คาคุซึยิ้มอย่างดุร้าย

ภายในป่าทึบ ด้ายสีดําพุ่งออกมาทันที

มันขยาดตัวออกราวกับตาข่ายขนาดใหญ่และเข้าไปห่อหุ้มร่างของนินจาหน่วยรากทั้งสามคนทันที