ตอนที่ 52 เป้าหมายของการร่วมมือ

จิไรยะนั่งจิบสาเกและนั่งไขว่ห้างลงกับพื้น

"เจ้าหนู ฉันไม่คิดเลยว่านายจะรู้มากขนาดนี้"

เขามองไปที่ชินหยูและหยิบเนื้อแห้งกับขนมกองใหญ่ออกมา จิไรยะไม่รออีกต่อไป เขาเงยหน้าขึ้นและจิบสาเกก่อนจะพูดว่า "นายไม่ได้อยากใช้แค่คาถาอัญเชิญ แต่เป็นโหมดเซียนใช่ไหม?"

โหมดเซียนนั้นเป็นหนึ่งในโหมดการต่อสู้ที่ทรงพลังที่สุดที่โฮคาเงะรุ่นที่หนึ่งกับรุ่นที่สี่นั้นก็มีอยู่

แม้แต่โอโรจิมารุนั้นก็ยังโหยหาการเข้าถึงโหมดเซียนงูอยู่ตลอด

ชินหยูนั้นคิดว่าโอโรจิมารุในตอนนี้น่าจะกำลังออกตามหาถ้ำเซียนงูอยู่

โอโรจิมารุนั้นก็อยากที่จะครอบครองโหมดเซียน แต่น่าเสียดายที่เขาไม่สามารถฝึกมันไม่ได้เพราะเซียนงูไม่อนุญาติ

ส่วนทําไมโอโรจิมารุถึงได้รู้ว่ามีโหมดเซียนอยู่ อาจเป็นเพราะเขาได้ต่อสู้กับจิไรยะ

และเขาถูกโจมตีด้วยโหมดเซียนกบของจิไรยะ

ซึ่งมันก็เหมือนกับตอนที่โอโรจิมารุต้องการเนตรวงแหวนของอิทาจิ แต่เขาก็ถูกคาถาลวงตาฆ่าในทันที

เขาจึงเลือกที่จะกล่อมซาสึเกะแทน

"ก็ประมาณนั้น" ชินหยูไม่ได้พยายามปกปิดมัน เขาแค่ยิ้มและนั่งลงข้างๆจิไรยะ

"นี่คือโลกของผู้ที่แข็งแกร่ง ใครก็ตามที่มีพลังที่มากกว่าก็จะสามารถสร้างประวัติศาสตร์ใหม่ขึ้นมาได้ คุณไม่คิดแบบนั้นบ้างเหรอ?"

จิไรยะอดไม่ได้ที่จะตกใจ และพูดว่า "นายบอกว่านี่คือโลกของผู้ที่แข็งแกร่ง ใครก็ตามที่มีพลังที่มากกว่าก็จะสามารถสร้างประวัติศาสตร์ใหม่ขึ้นมาได้? ไหนนายบอกว่านายอยู่เฉยๆไม่ใช่รึไง? ดูเหมือนว่าที่นายพูดมันจะขัดกับความต้องการของนายนะ"

"เพราะว่าในโลกแห่งการต่อสู้เพื่อแย่งชิงอํานาจนี้ ถ้าไม่มีความแข็งแกร่งอย่างแท้จริง การอยู่เฉยๆก็ไม่ใช่เรื่องที่ดีเช่นกัน" ชินหยู เองก็ยกสาเกขึ้นมาดื่มด้วย

"ไม่ต้องห่วง ยังไงผมก็จะได้เรียนรู้โหมดเซียนอย่างแน่นอน แต่ผมน่ะไม่ชอบใช้ความรุนแรง และทุกอย่างมันก็ขึ้นอยู่กับโชคของผมด้วย"

“เอาเถอะ ผมของแนะนําให้คุณอย่าไปสนใจโอโรจิมารุมากนักจะดีกว่า และถ้าคุณมีเวลามากพอก็อย่าลืมไปที่อาเมะงาคุเระเพื่อไปดูว่าโครงสร้างของนินจาที่นั่นเปลี่ยนไปมากแค่ไหน" ชินหยูกำลังนึกถึงยาฮิโกะและอีกสองคน

จิไรยะสะดุ้งเล็กน้อย เขามองไปที่ชินหยูด้วยความไม่แน่นอนในดวงตาของเขา

"เจ้าหนู ดูเหมือนนายจะรู้อะไรมากเหลือเกินนะ ดูเหมือนว่านายจะไม่ได้อยู่เฉยๆมาตลอดสิบปีนี่สินะ?" จิไรยะเปลี่ยนโทนน้ำเสียงเป็นจริงจังขึ้นและพูดว่า "มินาโตะเองก็บอกฉันว่าพรสวรรค์ของนายในการเรียนรู้คาถานินจานั้นไม่ธรรมดาด้วยเหมือนกัน"

"ฉันเห็นนายอัญเชิญกามะบุนตะกับกบอีกสองตัวมาได้ตอนที่นายใช้คาถาอัญเชิญครั้งแรก ฉันจึงรู้ได้ทันทีว่าฉันไม่ควรเป็นศัตรูของนาย ฉันเองก็หวังว่านายจะไม่เป็นภัยคุกคามต่อโคโนฮะในอนาคต ไม่อย่างนั้นฉันคงลำบากใจน่าดู"

"อาเมะงาคุเระสินะ? ฉันจะลองไปที่นั่นดูก็แล้วกัน ฉันเองก็ไม่ได้เจอสามคนนั้นมามากแล้ว ไม่รู้ว่าตอนนี้พวกเขาจะเป็นยังไงบ้าง"

จิไรยะลูบคางของเขาขณะที่เขาพูด ก่อนที่จะลุกขึ้นและจากไป

ชินหยูหันไปมองป่าทางด้านซ้ายขณะที่เขามองดูจิไรยะเดินจากไป

เมื่อกบสามตัวถูกอัญเชิญออกมา ชินหยูนั้นก็สังเกตเห็นว่ามีคนมาที่นี่และกำลังเฝ้าติดตามพวกเขาอยู่

แม้ว่าพวกเขาจะอยู่ห่างกันหกถึงเจ็ดร้อยเมตร แต่พวกเขาก็ยังไม่สามารถหลบหนีการตรวจจับของชินหยูไปได้

ส่วนใครที่ตามเขามานั้น เรื่องนี้เขาเองก็รู้อยู่แก่ใจดี

….

ที่หน่วยราก

ดันโซกำลังยืนอยู่บนหลังคาและหรี่ตาลงเล็กน้อย ด้านหลังเขามีชายร่างสูงเพรียวหน้าซีดนั่งคุกเข่าอยู่

รอยยิ้มบนใบหน้าของเขาทําให้ผู้คนรู้สึกความเย็นชาอย่างอธิบายไม่ได้

"ท่านดันโซ มีเหตุฉุกเฉินครับ!" เมื่อนินจาของหน่วยรากที่เข้ามาปรากฎตัวข้างๆดันโซ เขาอดไม่ได้ที่จะมองไปที่ชายหน้าซีดคนนั้น

หลังจากที่รู้ถึงตัวตนของเขา การแสดงออกของเขาก็เปลี่ยนไปอย่างมาก

"ไม่ต้องแปลกใจไป ต่อไปนี้เขาคือพันธมิตรของพวกเรา ถ้านายมีอะไรจะพูด ก็แค่พูดออกมา" ดันโซพูดอย่างนิ่งเฉยขณะที่ยืนถือไม้เท้าของเขา

คราวนี้เขาไม่คาดคิดว่าคนที่เขากําลังตามหาอยู่จะแอบเข้ามาในโคโนฮะแบบนี้

ซึ่งเรื่องนี้ช่วยดันโซไว้ได้อย่างมาก

"ครับ!" นินจาของหน่วยรากตอบและพูดว่า "จากการรายงานข่าวกรอง หลังจากที่ชินหยูและจิไรยะออกไปจากหมู่บ้านด้วยกัน อุจิวะชินหยูสามารถอัญเชิญกบตัวใหญ่ได้สามตัวพร้อมกันครับ!"

"ส่วนกบทั้งสามนั้นชื่ออะไร ตอนนี้พวกเรายังไม่ทราบแน่ชัดครับ"

"ฮึๆๆ นอกจากจิไรยะแล้ว ฉันไม่คิดเลยว่าจะมีคนอื่นที่สามารถเรียกกบสามตัวนั่นออกมาพร้อมกันได้แบบนี้" ทันใดนั้นเสียงของผู้หญิงก็ดังขึ้น

ลิ้นสีแดงนั้นยาวและเรียวเหมือนกับงูซึ่งน่ากลัวมาก

"ฉันไม่เคยคิดเลยว่าหลังจากที่ฉันออกไปจากโคโนฮะ ความแข็งแกร่งของจิไรยะจะเพิ่มขึ้นเล็กน้อยน่ะ"

เมื่อเผชิญหน้ากับชายที่น่ากลัวราวกับงู นินจาของหน่วยรากก็อดไม่ได้ที่จะถอยหลังไปหนึ่งก้าวเพื่อเว้นระยะปลอดภัย

การได้เผชิญหน้ากับโอโรจิมารุซึ่งเป็นหนึ่งในสามนินจาในตำนานที่ถูกขับออกจากหมู่บ้านเนื่องจากการทดลองนอกรีตกับมนุษย์

เมื่อเทียบกับสามนินจาในตำนานอีกสองคนนั้น เขาเป็นคนที่ทำอะไรได้เกินมนุษย์ที่สุด

แต่ถึงอย่างนั้น นินจาของหน่วยรากก็ยังรู้สึกทึ่งและพูดว่า "ไม่ครับ กบทั้งสามนั้นถูกอัญเชิญมาโดย อุจิวะ ชินหยู"

"นอกจากนี้พวกเขายังท้าทายกันด้วยครับ"

"แต่การท้าทายในครั้งนี้ กบทั้งสามนั้นพ่ายแพ้ต่อชินหยูด้วยการสบตาเพียงเท่านั้นครับ"

ในตอนนี้ ความประหลาดใจได้ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของนินจาทุกคน

การแสดงออกของดันโซและโอโรจิมารุเองก็เปลี่ยนไปเช่นกัน

ในความคิดของพวกเขา มีเพียงจิไรยะเท่านั้นที่สามารถเรียกกบผู้ยิ่งใหญ่ทั้งสามตัวได้พร้อมๆกัน

แต่ตอนนี้พวกเขาได้รู้ว่าคนที่ทําเรื่องนี้คือ อุจิวะ ชินหยู มันจึงสร้างความตกตะลึงได้อย่างมาก

ขณะที่นินจาของหน่วยรากกำลังเล่าสถานการณ์นั้น สีหน้าของดันโซกับโอโรจิมารุก็เปลี่ยนไปเคร่งขรึมทันที

"นายกําลังบอกว่า อุจิวะ ชินหยู นั่นทำให้กบใหญ่ทั้งสามตัวนั่นตกอยู่ในคาถาลวงตาด้วยการสบตาเพียงอย่างเดียวงั้นเหรอ?" โอโรจิมารุถามซ้ำ

เมื่อเขาเห็นนินจาหน่วยรากพยักหน้า เขาก็แสยะยิ้มออกมา

"ตามตํานานนั้น มีเพียง อุจิวะ มาดาระ เท่านั้นที่มีเนตรวงแหวนกระจกเงาหมื่นบุปผา แต่ตอนนี้มันกลับปรากฏขึ้นในร่างของเด็กน้อยอายุสิบสี่ถึงสิบห้าปีเท่านั้น ไม่แปลกใจเลยที่เขาจะกล้าทำอะไรแบบนี้ได้" โอโรจิมารุยิ้มและพูดว่า "ดันโซ ฉันไม่คิดเลยว่านายการที่นายเรียกฉันมาในครั้งนี้จะเป็นเรื่องที่ดีมากแบบนี้ได้"

"ถ้าฉันได้ครองร่างของเจ้าเด็กนั่น มันคงจะดีสุดๆเลยล่ะ!"

ด้วยวิชาย้ายร่างอันไร้สิ้นสุดของโอโรจิมารุ ร่างกายที่มีพลังที่แข็งแกร่งนั้นเป็นสิ่งที่ดึงดูดสำหรับเขาอย่างมาก

ยิ่งไปกว่านั้น มีเพียง อุจิวะ มาดาระ ซึ่งแข็งแกร่งเทียบเท่าโฮคาเงะรุ่นที่หนึ่งเท่านั้นที่ครอบครองเนตรวงแหวนกระจกเงาหมื่นบุปผา

สําหรับ โอโรจิมารุที่ชอบการทดลองกับร่างกายมนุษย์ นี่เป็นการทดลองที่ยอดเยี่ยมที่สุดสำหรับเขา

"เฮอะ โอโรจิมารุ นายลืมไปแล้วเรอะว่าฉันช่วยนายเอาไว้น่ะ" ดันโซพูดอย่างเย็นชา

เขาได้ช่วยโอโรจิมารุไว้ตอนที่โอโรจิมารุหนีออกมจากหมู่บ้าน

ในขณะเดียวกัน พวกเขาก็ทำการสมรู้ร่วมคิดและทำการทดลองร่วมกัน

นั่นรวมถึงแขนขวาและตาขวาของดันโซด้วย

แม้ว่าเขาจะยังไม่ได้เนตรวงแหวนของชิซุยมาก็ตาม

แต่ในตอนนี้ เขากำลังกล่อมชิซุยให้มอบเนตรให้กับเขาอย่างลับๆอีกด้วย

สิ่งที่ดันโซต้องการทําคือผสานเซลล์ไม้ของโฮคาเงะรุ่นที่หนึ่งซึ่งได้รับการยกย่องว่าเป็นนินจาแข็งแกร่งที่สุดในและเนตรวงแหวนของอุจิวะ มาดาระ

มีเพียงการได้รับพลังที่แข็งแกร่งที่สุดทั้งสองอย่างนี้เท่านั้นที่ดันโซเชื่อว่าวันหนึ่งเขาจะสามารถจัดการกับซารุโทบิ ฮิรุเซ็นได้อย่างเด็ดขาด