ตอนที่ 103 เบาะแสของซาโซริ

โทบิรามะซึ่งยืนอยู่ด้านข้างพูดพร้อมกับตะคอกอย่างเย็นชาว่า "ถ้าไม่ใช่เพราะมาดาระ นายก็คงไม่เป็นแบบนี้สินะ"

"แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ไม่เกี่ยวกัน คราวหน้าถ้าได้เจอกันอีกนายจะไม่ได้จัดการกับฉันง่ายๆแบบนี้แน่"

"ดวงตาของตระกูลอุจิวะนั้น ไม่ว่าจะมองกี่ครั้งฉันก็เห็นแต่ความเคียดแค้น!"

ชินหยูไม่ได้สนใจคำพูดของเขา แต่ทำเพียงแค่ยิ้มและพูดว่า "ครั้งต่อไปที่พวกเราได้พบกัน นายจะได้รู้ว่าการคุกเข่าต่อหน้าฉันนั้นไปอย่างไร"

"ลาก่อน!"

“นี่แก!”

โทบิรามะตะคอกอย่างเย็นชา แต่เขาก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ

"ไว้เจอกันนะเจ้าหนู!" ฮาชิรามะนั้นแตกต่างจากโทบิรามะมาก เขาทำเพียงแค่พูดออกมาดัง ๆอีกครั้ง ก่อนที่ร่างกายของพวกเขาหายไป

ฟูผู้ที่ได้เห็นฉากนี้ เป็นคนแรกที่หันหลังกลับและคิดจะหนีไปเพื่อรักษาชีวิตของเขา

"ชินหยู เจ้านั่นหนีไปแล้ว!" อังโกะพูดก่อนที่จะคิดไล่ตามฟูไป

อังโกะในตอนนี้ไม่รู้แล้วว่าใครเป็นฝ่ายถูกและฝ่ายผิด

แต่สิ่งเดียวที่เธอต้องทําตอนนี้คือการตามฟูไปให้ทัน

ถ้าหากเธอปล่อยให้เขาหลบหนี สิ่งที่จะตามมาหลังจากนี้อาจไม่ใช่เรื่องที่ดีแน่ๆ

"ไม่ต้อง ตอนนี้น่ะต้องจัดการกับโอโรจิมารุให้ได้ก่อน ส่วนเจ้านั่นน่ะชั่งมัน" ชินหยูเลิกคิ้วขึ้นและมองไปที่โอโรจิมารุ

จักระสายฟ้าบนร่างกายของเขาดังขึ้นอีกครั้งก่อนที่เขาจะหายตัวไป

"เจ้าหนู ถ้าอย่างนั้นก็ตายไปพร้อมกับฉันซะ!!"

โอโรจิมารุซึ่งเหลือหัวเพียงครึ่งซีกได้ลืมตาขึ้นทันที

ในช่วงเวลาต่อมา งูสีแดงเข้มจํานวนมากได้ปรากฏตัวบนพื้นภายในรัศมีหนึ่งกิโลเมตร

ร่างที่ผอมเพรียวของเขาขยายตัวขึ้นอย่างรวดเร็วราวกับลูกโป่ง พร้อมกับเปลวไฟที่ค่อยๆพวยพุ่งสู่อากาศ

ในตอนนี้ แม้แต่ซากศพของโอโรจิมารุก็ถูกเผาไหมเป็นชิ้นๆแล้ว

ตู้มมม!

การระเบิดที่รุนแรงแผ่ขยายรัศมีออกไปกว้างมาก เปลวไฟที่แผดเผานั้นกำลังลุกไหม้ใส่ต้นไม้โดยรอบ

หลังจากนั้นเพียงครู่เดียว โลกทั้งใบก็ราวกับถูกไฟของโอโรจิมารุเผาผลาญ

ต้นไม้ขนาดใหญ่บางต้นในตอนนี้ถูกเผาไหม้จนกลายเป็นตอตะโกไปแล้ว

ชินหยูเปิดใช้งานซูซาโนะโอและเดินออกมาจากทะเลเพลิงอย่างช้าๆ

เขาก้มหน้าลงและมองไปที่ม้วนคัมภีร์กับขวดเล็กๆในมือของเขา หลังจากนั้นเขาก็หนีออกไปจากพื้นที่ด้วยซูซาโนะโอ

"ขอบคุณที่ช่วยฉันไว้อีกครั้งนะ" อังโกะที่ได้สติแล้วพูดด้วยใบหน้าที่แดงเล็กน้อยว่า "นายนี่แข็งแกร่งมากจริงๆ"

"ว่าแต่ โอโรจิมารุตายแล้วงั้นเหรอ?"

สําหรับอังโกะแล้ว การตายของโอโรจิมารุนั้นสําคัญกว่าอย่างเห็นได้ชัด

"เจ้านั่นไม่ตายง่ายๆหรอก โอโรจิมารุน่ะได้พัฒนาวิชาย้ายร่างสร้างชีพจนสมบูรณ์ไปแล้ว แม้จะฆ่ามันเป็นร้อยๆครั้งมันก็คืนชีพขึ้นมาทุกครั้งนั่นล่ะนะ" ชินหยูพูดอย่างนิ่งเฉย

หลังจากที่คลายคาถาลวงตาออกแล้ว โอโรจิมารุก็ตื่นขึ้น

แต่ด้วยอาการบาดเจ็บของเขาตอนนี้ เห็นได้ชัดว่าเขาไม่สามารถต่อสู้ต่อไปได้อีกแล้ว ดังนั้นเขาจึงละทิ้งร่างนี้และใช้คาถาเงาอสรพิษเพลิงคืบคลานในพื้นที่โดยรอบแล้วซ่อนตัวอยู่ในความมืดแทน

ทั้งหมดนั้นเป็นเพราะเขาประเมินความแข็งแกร่งของชินหยูต่ำเกินไปตั้งแต่แรก ดังนั้นเขาจึงล้มเหลวในทุกขั้นตอนที่เขาเตรียมไว้

การโจมตีแบบระเบิดครั้งใหญ่นี้ไม่สามารถทำอะไรชินหยูได้เลยด้วยซ้ำ

นอกเสียจากว่ามันจะทำให้ซูซาโนะโอคัน

"เจ้านั่นยังไม่ตายอีกเหรอ?" ท่าทีของอังโกะเปลี่ยนไปทันที เธอหันหลังกลับและตั้งใจจะตามหาต่อไป แต่เธอถูกมือของชินหยู รั้งเอาไว้

"เลิกตามได้แล้ว ขนาดฉันที่มันใจในพลังของฉันยังไม่สามารถจับตัวมันได้เลย แล้วอย่างเธอจะทำอะไรได้?” ชินหยูพูดเตือนสติ อังโกะ

"นี่มันก็ดึกมากแล้ว เธอน่ะรีบกลับไปที่หมู่บ้านซะ ฉันยังมีอย่างอื่นที่ต้องจัดการอีก"

"นายไม่กลับไปกับฉันด้วยเหรอ?" อังโกะตกตะลึง หลังจากสิ่งที่เกิดขึ้นในตอนนี้ เธอได้ถือว่าชินหยูเป็นเหมือนกับคนสำคัญของเธอไปแล้ว

และการที่เขาก็บอกให้เธอกลับไปคนเดียวนั้น มันจึงทำให้เธอรู้สึกไม่ชิน

“นายกลัวว่าพวกหน่อยรากจะกล่าวหานายงั้นเหรอ? "ชินหยู ถ้าอย่างนั้นฉันสามารถเป็นพยานให้นายได้นะ!"

แม้ว่าการต่อสู้เมื่อครู่นี้จะสั้นมาก แต่อังโกะสังเกตได้ว่ามีนินจาบางคนที่ปะปนมากับโอโรจิมารุด้วย

ตอนนี้พวกเขาได้แอบออกมาจากโคโนฮะแล้ว ผลที่ตามมานั้นอาจจะเลวร้ายมากถ้าหากถูกร้ายงานโดยกลุ่มคนที่ไม่ประสงค์ดี

"ไม่ต้องห่วง ฉันไม่ได้สนใจเรื่องนั้นเลยด้วยซ้ำ" ชินหยูลูบหัวของอังโกะและพูดว่า "ฉันยังมีบางอย่างที่สําคัญต้องทําจริงๆ ฉันจะเรียกกบมาเพื่อเอาเธอกลับไปหมู่บ้านก็แล้วกันนะ"

"คาถาอัญเชิญ!"

ชินหยูประสานอินอย่างรวดเร็วแล้วตบมือลงกับพื้น

เมื่อควันสีขาวเข้ามาปกคลุมอากาศ กบที่มีใส่เกราะมือได้ปรากฏตัวขึ้นต่อหน้าชินหยูทันที

"คาถาอัญเชิญงั้นเหรอ? นี่นายใช้คาถาอัญเชิญได้ด้วยงั้นเหรอ?" อังโกะแสดงสีหน้าประหลาดใจออกมาทันที

แต่สิ่งที่เกิดขึ้นต่อไปนี้กลับทําให้เธอตกตะลึงมากกว่าเดิมอีก

"อะไรกันล่ะเนี่ย?" กบที่ใส่เกราะมือนั้นตกตะลึงทันทีเมื่อเห็นชินหยูและรีบพูดว่า: "ไม่นะ อย่าฆ่าฉันเลยนะเจ้าหนู!!"

เมื่อเห็นสัตว์อัญเชิญที่กำลังหวาดกลัว อังโกะจึงอดไม่ได้ที่จะถามว่า "นี่…นายฆ่าสัตว์อัญเชิญด้วยงั้นเหรอ?"

"ฆ่างั้นเหรอ?" ชินหยูหันไปมองและพูดว่า "เปล่านะไม่ได้ทำจริงๆหรอก แค่เกือบเท่านั้นเองน่ะ"

"เอาล่ะ ฉันจะให้เธอกลับไปกับเจ้ากบนี่ ถ้าหากว่าเป็นไปได้ให้รีบกลับไปที่หมู่บ้านให้เร็วที่สุด"

เมื่อพูดจบ สายฟ้าบนร่างกายของชินหยูเริ่มพุ่งขึ้นก่อนที่เขาจะหายตัวไปจากที่ที่เขาเคยยืนอยู่

เมื่อมองไปที่ชินหยูที่หายตัวไปอย่างรวดเร็ว อังโกะจึงมองไปที่กบที่ใส่เกราะแขนแทน

“ถึงเขาจะดูเหี้ยมไปหน่อย แต่จริงๆแล้วเขาเป็นคนดีมากเลยนะ"

“คนดีงั้นเรอะ?”

กบที่สวมเกราะมือนั้นส่ายหัวอย่างรวดเร็วและรีบพูดว่า "ไอ้เด็กนั่นนะเป็นปีศาจ มันเกือบทำลายบ้านเกิดของข้าจนราบคาบมาแล้ว"

"เพราะเจ้านั่นน่ะเรียกอุกกาบาตลูกใหญ่มาใส่บ้านเกิดของข้า!!!"

เมื่อมองไปที่มือของกบที่สวมเกราะมือที่กำลังสั่นด้วยความกลัวนั้น อังโกะจึงพอคาดเดาได้ว่าเหตุการณ์ตอนนั้นมันน่ากลัวแค่ไหน

ในขณะเดียวกัน หลังจากที่ชินหยูและอังโกะแยกย้ายกันแล้ว ชินหยูได้เลือกที่จะเดินทางด้านล่างหุบเขาอย่างรวดเร็ว

ซึ่งนี่เป็นวิธีเดียวที่จะไปถึงสึนะงาคุเระและยังเป็นเส้นทางหลักอีกด้วย

โดยปกติ โคโนฮะจะมอบหมายนินจาจํานวนมากให้ปกป้องสถานที่แห่งนี้เอาไว้

แต่เนื่องจากสงครามระหว่าง สึนะงาคุเระ และ โคโนฮะงาคุเระกำลังอยู่ในช่วงที่ร้อนแรงและผลลัพธ์กำลังจะถูกตัดสินแล้ว

ดังนั้น จํานวนนินจาโคโนฮะที่เฝ้าอยู่ในสถานที่แห่งนี้จึงน้อยลงอย่างมากจนเห็นได้ชัด

แค่ชินหยูมาเดินที่นี่ได้โดยที่ไม่เห็นนินจาเลยสักคนนั้น ก็ถือว่าเป็นเรื่องที่แปลกมากๆแล้ว

"นายท่าน ผมอยู่ที่นี่" ทันใดนั้นเสียงที่ชินหยูคุ้นเคยก็ดังขึ้น

และในไม่ช้าคาคุซึก็ปรากฏตัวขึ้นด้านหลังหินก้อนใหญ่ก้อนหนึ่ง

"นายตรวจดูแล้วรึยังว่าแถวนี้ไม่มีใครน่ะ?" ชินหยูหยุดเดินและไปปรากฎตัวต่อหน้าคาคุซึ

เนื่องจากพวกเขาไม่ได้เจอกันมาระยะหนึ่งแล้ว และดูเหมือนว่าหัวใจทั้งสี่ดวงที่ถูกทําลายไปโดยชินหยูก็ถูกหัวใจดวงใหม่เข้ามาทดแทนแล้วเช่นกัน

"นายท่าน ท่านขอให้ผมมาตามหาที่อยู่ของซาโซริไม่ใช่หรือ? ซึ่งตอนนี้ผมได้พบเข้าแล้ว" คาคุซึรีบอธิบายต่อ "เมื่อครึ่งวันก่อน เขาเดินทางผ่านมาที่นี่และฆ่าสายลับของโคโนฮะไปจนหมด"

"ดูเหมือนว่าเขากําลังวางแผนที่จะปิดบังตัวเองจากการตามหาของสึนะงาคุเระและเสี่ยงที่จะเดินทางไปที่แคว้นแห่งไฟเช่นกัน"

“แสดงว่าตอนนี้ซาโซริได้เปลี่ยนให้คาเซะคาเงะรุ่นที่สามให้กลายเป็นหุ่นเชิดไปแล้วงั้นสินะ?” ชินหยูพยักหน้าและพูด

"คาเซะคาเงะรุ่นที่สามตายแล้วงั้นเหรอ?" ท่าทีของคาคุซึเปลี่ยนไปเล็กน้อย "ถ้าอย่างนั้นนายท่าน พวกเรายังต้องตามเขาไปอีกไหม?"

ก่อนหน้านี้ คาคุซึต้องการตามตัวของซาโซริให้พบเพื่อชิงเอาคาถาทรายเหล็กมาครอบครอง

แต่เนื่องจากตอนนี้คาเซะคาเงะรุ่นที่สามได้ตายไปแล้ว หัวใจของเขาจึงไม่สามารถใช้งานได้ ดังนั้นการไล่ตามเขาต่อไปจึงไม่มีประโยชน์อะไรอีกแล้ว

และซาโซริเองก็สามารถฆ่าคาเซะคาเงะรุ่นที่สามได้ ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะจัดการกับเขาได้ถ้าหากถูกพบตัว

"ไม่ต้องห่วง แม้ว่าเป้าหมายของพวกเราจะต่างกัน แต่เขาก็ยังมีประโยชน์อยู่ ครั้งนี้ฉันจะไปกับนายเพื่อไล่ตามเขาด้วย" ชินหยูมองไปที่ป่าข้างๆอย่างนิ่งเฉย

"ดูเหมือนว่าเราจะมีแขกไม่ได้รับเชิญปรากฎขึ้นสะแล้วแฮะ"