ตอนที่ 242

等他打败寂灭殿主再来挑战我(二更)

หลังจากออกจากตำหนักดังกล่าว,เขาก็สำรวจ วัตถุดิบอื่น ๆ ในทุ่งราบ,และเก็บมันไปทั้งหมด.

อย่างไรก็ตาม,หลังจากจากไป,ลู่อี้ผิงได้วางค่ายกลเอาไว้ด้วย.

เผ่าปิศาจจื่อจีกำลังจะส่งเจี้ยนมู่กลับไปยังฐาน,ตอนนี้เงียบหาย,เผ่าปิศาจจื่อจะต้องส่งยอดฝีมือมาที่นี่แน่นอน.

ค่ายกลดังกล่าวนี้,ขอเพียงยอดฝีมือเผ่าปิศาจจื่อจีปรากฏ,เขาก็จะรับรู้ได้ในทันที.

หลังจากนั้น,ลู่อี้ผิงและวัวกระทิงมังกรเขาทองคำก็บินตัดอากาศออกไป.

ตอนนี้จัดการธุระเสร็จแล้ว,เขาวางแผนที่จะไปยังนิกายเลี่ยเฟิง,หลังจากก่อนหน้านี้ได้รับปากเจ้านิกายเลี่ยเฟิงเอาไว้.

อย่างไรก็ตาม,หลังจากที่ลู่อี้ผิงนำฉื่อเย่และคนทั้งสี่ออกมา,ฉื่อเย่ได้เอ่ยกล่าวรายงานต่อลู่อี้ผิง”ต้าเหริน,มีเรื่องเกิดขึ้น,ข้าต้องการรายงานต้าเหริน.”

เห็นท่าทางหวั่นเกรงของฉื่อเยว่,ก็รู้สึกประหลาดใจ”มีเรื่องอันใด?”

ฉื่อเยว่ลังเล,ก่อนเอ่ยออกมาว่า”ก่อนหน้านี้,เหมียวเจ๋อได้ตามหาต้าเหริน,เมื่อหาต้าเหรินไม่พบ,จึงได้เดินทางไปยังนิกายเลี่ยเฟิงของข้า.”

“เหมียวเจ๋อทำร้ายศิษย์น้องของข้า,และข่มขู่,ว่าหากต้าเหรินไม่ปรากฏตัวในสิบวัน,ก็จะกวาดล้างนิกายเลี่ยเฟิง.”

ลู่อี้ผิงกลายเป็นเคร่งขรึม”เกิดเรื่องเมื่อไหร่?”

“ตอนนี้ผ่านมาเจ็ดวันแล้ว.”ฉื่อเย่ที่ก้มหน้าลง”ข้าเห็นต้าเหรินบ่มเพาะอยู่,จึงไม่กล้ารายงาน.”

วัวกระทิงมังกรเขาทองคำกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา”เหมียวเจ๋อผู้นี้แส่หาความตายจริง ๆ! กล้าข่มขู่จู่เหริน,ดูเหมือนว่าเจ้าหนูเถิงเจี่ยไม่ส่งเคล็ดวิชา หมัดเทวะแห่งกาลเวลาส่วนสุดท้ายให้เขา,ก็เพราะเหตุผลนี้เป็นแน่.”

ดวงตาของลู่อี้ผิงเผยความเย็นชาออกมา,จากนั้นก็นำวัวกระทิงมังกรเขาทองคำและคนอื่น ๆ,เร่งรีบไปยังนิกายเลี่ยเฟิงด้วยความเร็วสูง.

เทือกเขาเห่ยเสวี๋ยนั้นอยู่ทางตอนเหนือของพิภพสวีกง,ห่างจากนิกายเลี่ยเฟิงมาก,ด้วยพลังของเทพโบราณยากที่จะไปถึงนิกายเลี่ยเฟิงในสามวันได้.

อย่างไรก็ตาม,ลู่อี้ผิงที่นำพาพวกเห่ยเซี่ย,ตัดผ่านห้วงมิติเพียงชั่วลมหายใจก็เคลื่อนที่ผ่านไปหลายหมื่นลี้แล้ว.

ความเร็วที่น่าพรั่นพรึง,จนทำให้พวกเห่ยเซี่ยตาลายไปหมด.

อย่างไรก็ตาม,แม้นว่าจะเคลื่อนที่เร็วมาก,ทว่าเห่ยเซี่ยกับไม่ได้รู้สึกถูกพายุอากาศคุกคามเลยแม้แต่น้อย.

กล่าวตามตรง,หากเคลื่อนที่เร็วขนาดนี้,ย่อมเกิดพายุอากาศต้านที่รุนแรง,จนพวกเขาไม่อาจทนรับได้อย่างแน่นอน.

หลังจากผ่านไปไม่นาน,ฉื่อเยว่ที่มองเห็นเมืองด้านล่าง,ดวงตาที่เบิกกว้าง,นี่เมืองเฟยหงอย่างงั้นรึ? ไม่ใช่ว่าเมืองเฟยหงอยู่ใกล้กับนิกายเลี่ยเฟิงนั่นหรอกรึ?

เมืองเฟยหงอยู่ไม่ไกล,จากนั้นก็เห็นทางเข้านิกายเลี่ยเฟิงแล้ว.

เพียงแค่เวลาไม่นานพวกเขาที่เดินทางมาจากเทือกเขาเห่ยเสวี๋ย,ตอนนี้ได้มาถึงนิกายเลี่ยเฟิงแล้วอย่างงั้นรึ?

ในเวลานั้น,ในห้องโถงนิกายเลี่ยเฟิง,เหมียวเจ๋อที่นั่งอยู่บนบัลลังก์ประมุขนิกาย.

บรรพชนชรานิกายเลี่ยเฟิงที่เสิร์ฟน้ำชาวิญญาณอย่างระมัดระวัง.

เหมียวเจ๋อที่ยกน้ำชาขึ้นจิบ,ก่อนที่จะพ่นพรวดออกมา,น้ำชาสาดกระจายเต็มหน้าบรรพชนชรานิกายเลี่ยเฟิง,ร่างอีกฝ่ายเปื้อนไปด้วยน้ำลายของเหมียวเจ๋อ.

เหมียวเจ๋อคำรามลั่น”ชาวิญญาณชั้นต่ำ กล้านำมาให้ข้าดื่ม,นิกายเลี่ยเฟิงต้องการล่มสลายตอนนี้อย่างงั้นรึ?”กล่าวจบเขาที่ยกหมัดต่อยบรรพชนชรานิกายเลี่ยเฟิงคนดังกล่าวกระเด็นออกไปทันที.

หน้าอกของบรรพชนชราคนดังกล่าวบุบเป็นรูขนาดใหญ่,กระอักโลหิตออกมาอย่างต่อเนื่อง.

ในห้องโถง,ยวีต้าเหว่ยและบรรพชนชรานิกายเลี่ยเฟิงคนอื่น ๆ จ้องมองเหมียวเจ๋อด้วยความโกรธเกรี้ยว,แต่ไม่อาจทำอะไรได้.

เหมียวเจ๋อเป็นศิษย์มารเฒ่าแห่งเวลา,แต่กับเป็นตัวตนที่น่ารังเกียจเป็นอย่างมาก,เอาแต่ใจตัวเอง,เปลี่ยนอารมณ์ไปมาไม่อยู่กับร่องกับรอย,หลายวันมานี้,เพียงแค่เรื่องขัดใจเล็ก ๆ,เขาได้โจมตีคนของนิกายเลี่ยเฟิงอย่างหนัก,บางคนบาดเจ็บ,บางคนถูกพิการ!

เหมียวเจ๋อจ้องมองยวีต้าเหว่ยและคนอื่น ๆ เผยแววตาเย็นชา”ไปนำชาเทวะที่ดีที่สุดของคลังสมบัติพวกเจ้ามา”อย่างไรก็ตามเขาก็เอ่ยเพิ่มว่า”ไม่จำเป็นล่ะ,ข้าจะไปดูด้วยตัวเอง,นำข้าไปยังคลังสมบัติ.”

ยวีต้าเหว่ยและคนอื่น ๆ ที่ใบหน้าเปลี่ยนสีไปตาม ๆ กัน.

ไปยังคลังสมบัติ?

เหมียวเจ๋อคิดที่จะปล้นชิงคลังสมบัติของพวกเขาอย่างไม่ต้องสงสัย.

บรรพชนชราคนหนึ่งเอ่ยออกมาว่า”ข้าจะไปดูให้ท่านเหมียวเจ๋อเอง.”

อย่างไรก็ตาม เหมียวเจ๋อได้ต่อยออกไปแล้ว,บรรพชนชราคนดังกล่าวที่ลอยกระเด็น,เขามองไปยังยวีต้าเหว่ย,เอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็น”คำพูดข้า,ไม่ได้ยินอย่างงั้นรึ?”

ยวีต้าเหว่ยที่โกรธเกรี้ยวขึ้นมา,เอ่ยออกไปว่า”เหมียวเจ๋อ,แม้นว่าเจ้าจะเป็นยอดฝีมือทำเนียบเทพลำดับสอง,ทว่าลู่ต้าเหรินนั้นไม่ได้อ่อนด้อยกว่าเจ้า!”

เหมียวเจ๋อได้ยินคำพูดดังกล่าว,ก็หัวเราะเยาะ”เอาชนะซูเย่ได้อย่าได้เหลิง,ไว้เอาชนะเจ้าโถง,วังเทวะจีเหม่ยได้,ค่อยมาท้าทายข้า.”

เจ้าโถงวังเทวะจีเหม่ย,ก็คือยอดฝีมือทำเนียบเทพลำดับสามนั่นเอง.

ยอดฝีมืออันดับเทพสิบลำดับ,ทุก ๆ ขั้น,ความแข็งแกร่งจะแตกต่างกันเป็นอย่างมาก,ในอดีตเจ้าโถง วังจีเหม่ยได้ท้าทายเหมียวเจ่อ,แต่กับพ่ายแพ้ง่าย ๆ ให้กับเหมียวเจ๋อ.

ไม่จำเป็นต้องแปลกใจถ้าเหมียวเจ๋อจะมั่นใจในตัวเองเป็นอย่างมาก.

ยวีต้าเหว่ยที่ต้องการเอ่ยปาก,ทันใดนั้น,ทุกคนก็สัมผัสได้ถึงพลังกดดันที่รุนแรง,เมื่อเงยหน้าขึ้น,ก็เห็นจากขอบฟ้าไกล,ผู้เยาว์ชุดน้ำเงินก็บินมาปรากฏที่ด้านหน้าแล้ว,ที่ด้านหลังนั้นเห็นเป็นเหมือนกับเสาสวรรค์ที่ค้ำยันท้องฟ้า.

เสาดังกล่าวนั้น,เป็นร่างของบรรพชนสายฟ้านั่นเอง.

จากขอบฟ้าไกล,ลู่อี้ผิงได้ต่อยออกมาทันที.

เมื่อลู่อี้ผิงต่อยออกไป,ร่างแปลงบรรพชนสายฟ้าด้านหลังก็ต่อยออกมาเช่นเดียวกัน.

ตูมมมมมมม!

สวรรค์และปฐพีที่สั่นสะเทือนไปมา.

สายฟ้าเทวะห้าธาตุ,สายฟ้าเทวะหยินหยาง,สายฟ้าเทวะไร้ลักษณ์,...,หมัดที่มีพลังสายฟ้าเทวะนับหมื่นรวมตัวกันโจมตีตัดผ่านห้วงมิติมา,พุ่งตรงมายังห้องโถงของนิกายเลี่ยเฟิง,ตรงไปยังด้านหน้าของเหมียวเจ๋อที่กำลังตื่นตะลึง,เวลานี้ได้กระตุ้นพลังเทพโบราณ,ต่อยหมัดออกไปเต็มกำลัง.

“หมัดเทวะแห่งกาลเวลา!”

เขาคำรามลั่น,พลังหมัดก่อตัวเป็นลำแสงพุ่งออกไป.

ทั่วทั้งห้องโถงที่สว่างเจิดจ้าขึ้นมาทันที.

หมัดเทวะที่มีพลังเวลา,ปะทะเข้ากับหมัดเทวะสายฟ้า,เกิดเสียงดังสนั่นหวั่นไหว.

ตูมมมมมมมมมมมม!

ทั่วทั้งนิกายเลี่ยเฟิงที่สั่นไปมาอย่างรุนแรง.

อย่างไรก็ตามเวลาต่อมา,ยวีต้าเหว่ยและคนอื่น ๆ พบว่าหมัดเทวะสายฟ้าได้ทำลายพลังหมัดของเหมียวเจ๋อยอดฝีมือทำเนียบเทพลำดับสองไปในทันที,ทะลวงไปยังร่างซัดอีกฝ่ายกระเด็นกระแทกกำแพง,พุ่งทะลุลอยไปกระแทกยอดเขา,ลูกแล้วลูกเล่า,ทะลวงผ่านออกไปจนยอดเขาพังทลายลงเป็นแถบ ๆ,ก่อนจะหยุดลงบนภูเขาลูกที่ 7 ทะลวงจมลึกไปถึงใจกลาง.

เสียงระเบิดที่ดังกึกก้อง,แผ่นดินที่ยังคงไหวต่อเนื่อง,เศษหินดินทรายที่ลอยคลุ้ง,กระเด็นหล่นไปทั่ว.

ยวีต้าเหว่ยและคนอื่น ๆ ของนิกายเลี่ยเฟิงต่างก็ชงักงัน.

พวกเขาที่เห็นชายชุดน้ำเงินที่ลอยอยู่บนขอบฟ้าไกล.

“ท่านลู่อี้ผิง!”ยวีต้าเหว่ยที่เอ่ยออกมาอย่างอึกอัก.

เมื่อครั้งอยู่ที่เมืองตระกูลซู,ลู่อี้ผิงทำให้ซูเย่,ซูเหวินและจินลี่หง,สามยอดฝีมือทำเนียบเทพกระเด็น,เขาคาดเดาว่าลู่อี้ผิงคงเป็นยอดฝีมือที่เพางผสานตราประทับได้,น่าจะเทียบได้กับเจ้าโถง,วังจีเหม่ย,ยอดฝีมือทำเนียบเทพลำดับาม.

ทว่าตอนนี้,กับซัดเหมียวเจ๋อยอดฝีมือทำเนียบลำดับสองกระเด็นอย่างง่ายดาย.

ในเวลาเดียวกัน,เงาร่างหนึ่งที่ผุดออกมาจากยอดเขาลูกที่เจ็ด,เป็นเหมียวเจ๋อที่ลอยกระเด็น ออกไปก่อนหน้านี้นะเอง.

ในเวลานี้,เกราะเทวะของเหมียวเจ๋อได้พังทลายลง,ประกายสายฟ้าที่ยังคงแล่นพล่าน,ผิวหนังของเขาที่เหม็นไหม้,ผมหงอกที่เวลานี้หลุดร่วงเป็นกระจุก ๆ,ดูไม่ต่างจากสภาพขอทาน.

เหมียวเจ๋อที่อ้าปาก,กระอักโลหิต,เขาจ้องมองลู่อี้ผิงด้วยความโกรธเกรี้ยว.”เจ้าคือลู่อี้ผิง? ลู่อี้ผิง,เจ้าลอบโจมตีข้า,แส่หาความตาย!”กล่าวจบเขาเขาได้รวมพลังเทพโบราณอย่างบ้าคลั่ง,กฎอาณาจักรเทพที่ลอยออกไป.

กฎอาณาจักรเทพของเหมียวเจ๋อที่ลอยออกไป,ผสานรวมกำเนิดเป็นตราประทับเหมือนกับดวงตะวัน,แผ่รัศมีแสงสว่างเจิดจ้าทั่วสวรรค์และปฐพี,พลังอำนาจแรงกดดันที่ยิ่งใหญ่ไร้เทียมทาน.