千幻剑碑,第四块造化玉碟(二更)
เฉินจินได้ยินคำพูดดังกล่าว,ก็ไม่กล้าเอ่ยอะไรออกมาอีก ได้แต่พยักหน้ารับ.
หลังจากนั้น,เขาก็คารวะต่อถังชิง,ก้าวออกจากห้องโถง,กลับไปยังที่พักของตัวเองครุ่นคิดอยู่เล็กน้อย,จากนั้นก็นำยันต์สื่อสารออกมา,พร้อมกับบดยันต์ส่งสารออกไป.
เช้าวันถัดมา.
ดวงตะวันทอแสงอบอุ่น.
เด็กชายถังปินที่มาหาลู่อี้ผิงและวัวกระทิงมังกรเขาทองคำตั้งแต่เช้า.
“พี่ชายลู่,ไปเดินเล่นกัน,ข้าจะพาท่านไปชมนิกายเทวะซั่งเหล่ย.”ถังปินที่เข้ามาดึงฉุดมือของลู่อี้ผิงออกไป.
ลู่อี้ผิงไม่มีทางเลือก,ต้องไปกับเขา.
พวกเขาที่ก้าวออกมา,เวลานั้นประจวบเหมาะพบเข้ากับถังเสวี๋ยเหยาพอดี.
“พี่สาว,ท่านมาก็ดีแล้ว,พวกเรากำลังจะออกไปเดินเล่น,ไปด้วยกันเถอะ.”ถังปินที่เห็นถังเสวี๋ยเหยา,ก็เผยความดีใจ,พร้อมกับดึงฉุดมือถังเสวี๋ยเหยา,เดินไปด้วยกัน.
วัวกระทิงมังกรเขาทองคำที่ก้าวตามไป.
ด้วยเหตุนี้ถังปินที่มือหนึ่งดึงมือลู่อี้ผิง,อีกมือดึงมือถังเสวี๋ยเหยา,เฉินจินที่ผ่านมาเห็นตอนเช้า,ใบหน้ากลายเป็นมืดครึ้มขึ้นมาทันที.
เฉินจินที่เร่งรีบก้าวเข้ามา,เอ่ยต่อถังปิน”ศิษย์น้องเล็ก,เจ้าจะไปใหนรึ?”
ถังปินที่เหลือกตามองบน ”พวกเราจะไปใหน,เกี่ยวอะไรกับเจ้า,เฉินจิน,ข้ารู้ว่าเจ้าชอบพี่สาวของข้า,ทว่าพี่สาวของข้าไม่ได้ชอบเจ้า,หลังจากนี้ไม่ต้องมาพูดกับข้า.”จากนั้นเขาก็เอ่ยออกมาว่า”ข้ารู้ว่าเจ้าเอ่ยอะไรกับบิดาของข้าเมื่อคืน,เจ้ากำลังใส่ร้ายพี่ชายลู่,หากเจ้ากล้าใส่ร้ายพี่ชายรู้อีก,ระวังข้าจะทุบตีเจ้าแน่!”
จากนั้น,เขาก็ลากลู่อี้ผิงและถังเสวี๋ยเหยาจากไป.
เฉินจินที่ยืนนิ่ง,ใบหน้าบิดเบี้ยวแดงกล่ำ.
ถังเสวี๋ยเหยาที่ถูกถังปินลากมา,เอ่ยอย่างช่วยไม่ได้,”น้องเล็ก,ครั้งหน้าเจ้าควรจะสุภาพกับศิษย์พี่ร้องของเจ้าด้วย,นอกจากนี้เจ้าพูดจาหยาบคายเช่นนี้ได้อย่างไร?”
ถังปินเอ่ย”เฉินจินผู้นี้เต็มไปด้วยความชั่วร้าย,ข้าไม่ชอบเขาเลยสักนิด.”
ถังเสวี๋ยเหยาที่พูดไม่ออก,เอ่ยออกมาว่า”ก่อนอื่นเจ้าปล่อยพี่ก่อนเถอะ.”
ต้องไม่ลืมว่านางถูกถังปินจูงด้วยมือซ้าย,ส่วนมือขวาก็จูงคนอื่น,มันทำให้ดูอักอ่วนเป็นอย่างมาก.
ถังปินที่ปล่อยมือถังเสวี๋ยเหยา,จากนั้นก็เผยยิ้มให้กับลู่อี้ผิง”พี่ชายลู่,ข้าบอกแล้วว่าพี่สาวของข้าสวยมาก,ท่านว่า,พี่สาวของข้างดงามหรือไม่?”
คำพูดที่ไร้เดียงสาของถังปิน,ทำให้ลู่อี้ผิงและถังเสวี๋ยเหยาสะดุ้งไปตาม ๆ กัน.
ถังเสวี๋ยเหยาที่อยากเขกศีรษะเจ้าเด็กแก่นจอมซนผู้นี้เป็นอย่างมาก.
ลู่อี้ผิงจ้องมองถังเสวี๋ยเหยาคราหนึ่ง,เอ่ยด้วยรอยยิ้มกับถังปิน,”งดงามมาก.”
ขณะที่พวกเขาพูดคุยและเดินชมพื้นที่ต่าง ๆ.
แทบจะตลอดเวลา,ถังปินพูดไม่หยุด,ลู่อี้ผิงที่ตอบรับเป็นครั้งคราว,ส่วนถังเสวี๋ยเหยาแทบไม่เอ่ยอะไรนัก.
ทว่าขณะที่พวกเขาข้ามผ่านยอดเขาลูกหนึ่ง,ในเวลานั้นบนยอดเขาลูกดังกล่าวก็มีกลุ่มศิษย์ของนิกายซั่งเหล่ยกำลังล้อมรอบพื้นที่แห่งหนึ่งอยู่.
“พวกเขากำลังตระหนักรู้ศิลากระบี่พันมายา.”ถังปินที่เห็นและเอ่ยอธิบาย.
“ศิลากระบี่พันมายา?”ลู่อี้ผิงที่หัวใจสั่นไหวเช่นกัน.
ถังปินพยักหน้ารับ”ใช่แล้ว,นี่คือศิลาจารึกกระบี่,เป็นของจ้าวกระบี่พันมายายุคโบราณได้ทิ้งเอาไว้,ผู้ก่อตั้งนิกายเทวะซั่งเหล่ยได้รับมา,ด้านในนั้นได้บรรจุเจตจำนงกระบี่มากมายเอาไว้,เจตจำนงกระบี่มีระดับหนึ่งไปจนถึงระดับสิบ,แม้แต่ระดับ 11และ 12 สูงสุดคือระดับ 14.”
“ตั้งแต่บรรพชนนิกายเทวะซั่งเหล่ยของข้านำมาตั้งที่นี่,เพื่อให้ศิษย์นิกายเทวะซั่งเหล่ยได้ตระหนักรู้,หลายปีมานี้,ไม่เคยมีใครตระหนักรู้ได้ถึงระดับที่ 14 มาก่อนเลย.”
ถังปินเอ่ย,ก่อนส่ายหน้าไปมา”พี่สาวของข้า,หลายปีมานี้,ก็ตระหนักรู้เจตจำนงกระบี่ได้ถึงระดับ 11 เท่านั้น.”
ลู่อี้ผิงจ้องมองศิลาจารึกกระบี่พันมายา,เขารู้แน่นอนว่าเป็นของจ้าวกระบี่พันมายา,ไม่เพียงแค่รู้จัก,ทว่ายังคุ้นเคยมาก,จ้าวกระบี่พันมายาก็คืออาจารย์ของจ้าวปิศาจรัตติกาลนิรันดรนั่นเอง.
ศิษย์หลายคนที่กำลังล้อมรอบศิลาจารึกกระบี่อยู่ เมื่อเห็นถังเสวี๋ยเหยามา,ก็หยุดจ้องมองมาเป็นสายตาเดียวกัน,หนึ่งในนั้นได้ก้าวออกมาเผยยิ้มเอ่ยต่อถังเสวี๋ยเหยา,”เป็นศิษย์น้องเสวี๋ยเหยานี่เอง.”
“ศิษย์พี่เหว่ยหมิง.”ถังเสวี๋ยเหยาพยักหน้ารับ.
ถังปินลอบเอ่ยต่อลู่อี้ผิง”เหว่ยหมิงผู้นี้,เป็นศิษย์ลำดับหนึ่งของยอดเขาหลงเจี้ยน,แอบชอบพี่สาวของข้าเช่นกัน,เขาเป็นเทพโบราณสี่ตราประทับ,ไม่เพียงเขามีกายากระบี่ตั้งแต่เกิด,ทว่ายังเป็นผู้บ่มเพาะกระบี่ที่โดดเด่นของนิกายเทวะซั่งเหล่ยของพวกเราด้วย.”
“เขาและพี่สาวของข้าเหมือนกัน,ตระหนักรู้เจตจำนงกระบี่ได้ 11 ขั้นเท่ากัน.”
“ข้าได้ยินมาว่าศิลาจารึกกระบี่,ภายในนิกายเทวะซั่งเหล่ยของพวกเรา,มีเพียงแค่บรรพชนกระบี่ที่สามารถตระหนักรู้เจตจำนงกระบี่ขั้นที่ 12 ได้,ส่วนคนอื่น ๆ,สามารถตระหนักรู้ได้สูงสุดแค่ 11 ระดับ.”
การตระหนักรู้ศิลาจารึกเจตจำนงกระบี่พันมายานั้น,ไม่ได้ขึ้นอยู่กับพลังบ่มเพาะ,ทว่าขึ้นอยู่กับพรสวรรค์กระบี่,ยิ่งมีพรสวรรค์กระบี่สูงเท่าไหร่,ก็ยิ่งตระหนักรู้เจตจำนงกระบี่ได้สูงเท่านั้น.
ถังปินที่แนะนำลู่อี้ผิงเงียบ ๆ,เหว่ยหมิงที่จ้องมองมายังลู่อี้ผิง,พร้อมกับเผยยิ้ม”นี่คือคุณชายลู่ที่ช่วยน้องถังปินอย่างงั้นรึ? ได้ยินมาว่าดัชนีของคุณชายลู่น่าอัศจรรย์,สามารถสังหารเทพโบราณได้ในทันที.”
เหล่าศิษย์ของนิกายเทวะซั่งเหล่ยต่างก็จ้องมองลู่อี้ผิงเป็นสายตาเดียวกัน.
หนึ่งดัชนีสังหารเทพโบราณ,ความแข็งแกร่งเช่นนี้,แม้แต่ศิษย์มากมายในนิกายซั่งเหล่ย,ล้วนแต่เป็นตัวตนที่โดดเด่น.
“เพียงแค่โชคดี.”ลู่อี้ผิงเผยยิ้ม.
เหว่ยหมิงเผยยิ้ม”โลกนี้ไฉนเลยจะมีโชค,มีเพียงแค่ความแข็งแกร่งเท่านั้นล่ะ.”
หลังจากพูดคุยกันชั่วครู่,ถังปินก็นำลู่อี้ผิง,ถังเสวี๋ยเหยาและวัวกระทิงมังกรเขาทองคำจากไป.
ส่วนเหว่ยหมิงก็กลับไปตระหนักรู้เจตจำนงกระบีพันมายาจากศิลาจารึกกระบี่ต่อไป.
การที่คนระดับสูงนิกายกระบี่เทวะซั่งเหล่ย นำศิลาจารึกกระบี่พันมายามาวางไว้ที่นี่,เพื่อให้ศิษย์ทุกคนได้ตระหนักรู้,ที่จริงมันมีความหมายซ่อนอยู่,ผู้ก่อตั้งนิกายเทวะซั่งเหล่ยนั้นไม่เพียงแค่ได้รับศิลาจารึกพันมายามา,ทว่ายังได้รับค่ายกลกระบี่พันมายาหนึ่งในสิบมหาค่ายกลโบราณมาด้วย.
เพียงแค่ว่าค่ายกลกระบี่พันมายานั้นไม่สมบูรณ์.
หลายปีมานี้,นิกายเทวะซั่งเหล่ยต้องการซ่อมค่ายกลกระบี่พันมายาให้กลับมาสมบูรณ์,ทว่าก็ไม่เคยทำสำเร็จ.
มีเพียงคนที่สามารถตระหนักรู้เจตจำนงกระบี่ขั้นที่สิบสี่บนศิลาจารึกกระบี่พันมายาสำเร็จเท่านั้น ถึงจะสามารถซ่อมค่ายกลกระบี่พันมายาสำเร็จได้.
ดังนั้น,นิกายเทวะซั่งเหล่ยคาดหวังเป็นอย่างมากว่าสักวันหนึ่งจะมีคนตระหนักรู้เจตจำนงกระบี่ขั้นที่ 14 สำเร็จ.
หากว่ามีศิษย์คนใหนตระหนักรู้เจตจำนงกระบี่ขั้นที่ 14 สำเร็จ,ก็มีความหวังในการซ่อมค่ายกลกระบี่พันมายาได้,ด้วยค่ายกลกระบี่พันมายาสมบูรณ์จะยกระดับนิกายขึ้นไปอีกขั้น,จากนั้นนิกายเทวะซั่งเหล่ยก็จะแข็งแกร่งขึ้นอีกเท่าเช่นกัน.
ภายในดินแดนบรรพชนนิกายเทวะซั่งเหล่ย,บรรพชนกระบี่โจวฉานที่จ้องมองค่ายกลกระบี่พันมายา,พยายามทำความเข้าใจ,ขมวดคิ้วไปมา,จนเผ้าผมยุ่งเหยิงไปเรียบร้อยแล้ว.
“ค่ายกลกระบี่พันมายา,พันแปรเปลี่ยนเป็นพันภาพลวงตา,ทว่าทำอย่างไรถึงจะปรับเปลี่ยนได้? จะสามารถปรับเปลี่ยนลดระดับลงได้ใหม?”
ในเวลานั้น,บรรพชนชราซือกวนหนานก้าวเข้ามา,เอ่ยด้วยความเคารพ”อาจารย์ลุง,ศิษย์พี่อู๋ถงเผ่าปู่ซือมา.”
โจวฉานได้ยินก็โบกมือเอ่ยไปว่า”ไม่พบ,อู๋ถงผู้นี้มาทุกครั้งก็เพื่อหาวารีฮุ่นตุ้นทองม่วง,ข้าเองก็มีวารีฮุ่นตุ้นทองม่วงไม่พอใช้เลย.”
ซือกวนหนานที่ฝืนยิ้ม,ทำได้แค่ถอยกลับไป.
ขณะลู่อี้ผิง,ถังปินและถังเสวี๋ยเหยาก้าวออกมาจากพื้นที่ศิลาจารึกกระบี่,ไม่นานทันใดนั้น,หยกเจาหัวในร่างของเขาก็สั่นไปมาเล็กน้อย.
ลู่อี้ผิงที่เผยท่าทางดีใจ,จากนั้นก็จ้องมองไปยังด้านหน้า,ทิศทางดังกล่าวมีหยกเจาหัวอยู่อย่างงั้นรึ?
“เสี่ยวปิน,ด้านหน้าคือที่ใหน.”ลู่อี้ผิงสอบถาม.
ถังปินจ้องมองไปยังทิศทางที่ลู่อี้ผิงชี้ไป,ก็เอ่ยออกมาว่า”ที่นั่นเป็นห้องโถงหลักนิกายเทวะซั่งเหล่ยของพวกเรา,ถัดไปเป็นดินแดนบรรพชนของนิกายเทวะซั่งเหล่ยของพวกเรา.”
Copyright © 2025 xxxxx.com, All Right Reserved