ตอนที่ 268

杨顶天双生远古十大血脉,还有谁来?(二更)

เหล่าศิษย์นิกายเทวะซั่งเหล่ยต่างก็ตื่นตะลึงไปตาม ๆ กัน,เหว่ยหมิงเป็นศิษย์ที่แข็งแกร่งที่สุดในบรรดาศิษย์ยอดพรสวรรค์,เวลานี้เหว่ยหมิงที่ทุ่มสุดกำลัง,ไม่เพียงแค่มีสี่ตราระทับยังใช้เจตจำนงกระบี่ขั้นที่ 11 ปลายอีกด้วย.

ทว่า,กับไม่อาจทำอะไรหยางติงเทียนได้ แม้แต่พ่ายแพ้อีกฝ่ายเพียงแค่การโจมตีเดียวเท่านั้น.

ฟ่านเซิ่ง,ถังชิงและคนระดับสูงคนอื่น ๆ ต่างก็ใบหน้าบิดเบี้ยวอัปลักษณ์.

พวกเขาไม่คาดคิดเลยว่าหยางติงเทียนจะทรงพลังขนาดนี้.

สายตาของทุกคนที่มองเห็นได้,หยางติงเทียนไม่เพียงแค่มีสามตราประทับที่น่าเกรงขาม,ทว่ายังมีสายโลหิตมังกรเพลิยุคบรรพกาล,หนึ่งในสิบสายโลหิตบรรพกาลที่แข็งแกร่งที่สุด.

นอกจากนี้ราวกับว่ายังมีอีกสายโลหิตอื่นซ่อนอยู่อีกด้วย.

แม้แต่เหว่ยหมิงก็ไม่อาจรับหมัดของหยางติงเทียน,การประลองต่อไป,แทบไม่ต้องบอกเลยว่าจะกลายเป็นเช่นไร.

แม้นว่าจะเป็นเพียงการประลองของผู้เยาว์,ทว่าก็ถือว่าทำให้นิกายเทวะซั่งเหล่ยเสียหน้าไปไม่น้อย,หากเรื่องที่หยางติงเทียนเอาชนะศิษย์นิกายเทวะซั่งเฉียงเพียงกระบวนท่าเดียวครบหมดทั้งหมด,กระจายออกไป,เกรงว่าพวกเขาจะต้องกลายเป็นตัวตลกต่อผู้คนทั้งพิภพฮุ่นหลวนเป็นแน่.

นอกจากนี้หลังจากจบการประลอง,วังเทวะซั่งเฉียงจะต้องเผยข่าวออกไปทุกแห่งเช่นกัน.

หยางติงเทียนที่ต่อยเหว่ยหมิงกระเด็นออกไป,ยืนมือขัดหลังโดดยืนเด่นบนเวทีประลองเหล่ยซิง,เผยใบหน้าเหยียดหยันศิษย์นิกายเทวะซั่งเฉียงทั้งหมด,”สี่ตราประทับ,ไม่พอมือแม้แต่น้อย,ยังมีใครที่พอจะมีฝีมือบ้าง?”

ศิษย์นิกายเทวะซั่งเหล่ยที่กลายเป็นเงียบไปในทันที.

“มีปัญหาอะไร? ไม่มีใครกล้าเลยรึ?”หยางติงเทียนที่เผยยิ้มเยาะ.

ใบหน้าของฟ่านเซิ่งเวลานี้กลายเป็นอัปลักษณ์ไปแล้ว.

หยางติงเทียนจ้องมองฟู่ปิงซาน,ซือถูหนาน,ถังเสวี๋ยเหยา”ก่อนหน้านี้ข้าบอกแล้ว,ให้สี่คนรวมกันเข้ามาเลย.”จากนั้นเขาก็หยุดและจ้องมองคนทั้งสามอีกครั้ง”ครานี้,พวกเจ้าสามคนตอนนี้เข้ามาพร้อมกันเลย,จะได้ไม่เสียเวลา.”

ถังเสวีเสวี๋ยเหยาที่กลายเป็นลำแสงกระบี่,เหินขึ้นสู่เวทีประลองซิงเหล่ยทันที,ใบหน้าของนางจ้องมองหยางติงเทียนหยางไม่แยแส”ข้าขอคำแนะนำจากคุณชายหยางติงเทียนด้วย.”

ในเวลานั้นร่างกายของนางมีเปลวเพลิงลุกโชน,เป็นเปลวเพลิงสีทองม่วง.

ขณะที่เปลวเพลิงลุกโชน,อากาศทั่วสนามเวทีซิงเหล่ยเต็มไปด้วยสายฟ้าดารา,ความร้อนที่สะสมเพิ่มขึ้นไม่หยุด.

ฟ่านเซิ่งที่เอ่ยออกมาด้วยความพึงใจ”เสวี๋ยเหยาฝึกฝนวิชาเทพเฟิงหวงไปจนถึงขั้นที่สิบแล้วรึ?”

พังชิงเผยยิ้ม”ดูเหมือนว่าจะเพิ่งตัดผ่านระดับไม่กี่วันที่ผ่านมา,ข้าเองก็เพิ่งรู้ตอนนี้.”

ร่างกายของถังเสวี๋ยเหยานั้นมีสายโลหิตเทวะเฟิงหวง,ซึ่งเป็นหนึ่งในสิบสายโลหิตบรรพกาลเช่นกัน,วิชาเทพเฟิงหวงเองก็เป็นหนึ่งในวิชาขั้นสูงของนิกายเทวะซั่งเหล่ย,คนที่สำเร็จขึ้นที่สิบนั้นมีอยู่น้อยคนนัก.

“เทพเฟิงหวงขั้นสิบ.”หยางติงเทียนที่เผยความประหลาดใจ,ทว่ากับไม่สนใจแม้แต่น้อย.

ในเวลานั้น,สี่ตราประทับของถังเสวี๋ยเหยาถูกปล่อยลอยออกไป,มีเปลวเพลิงที่ลุกโชนเผาไหม้สวรรค์และปฐพี,ตราประทับขนาด 70 ลี้,พลังเฟิงหวงทำให้มิติสั่นไหว.

สี่ตราประทับที่ลอยออกไป,พลังกดดันที่กวาดม้วนผลักตราประทับทั้งสามของหยางติงเทียนกลับไป.

แม้แต่สามารถกำราบเพลิงแรงกดดันของหยางติงเทียนได้อีกด้วย.

เหล่าศิษย์นิกายเทวะซั่งเหล่ยที่เห็นต่างก็ตื่นเต้นดีใจ.

“คมเฟิงหวง!”มือของถังเสวี๋ยเหยาที่ผสานเข้าหากัน,พร้อมกันฟันไปยังหยางติงเทียนทันที.

ตราประทับทั้งสี่ที่ลุกโชนส่งเสียงดังคำรามอย่างบ้าคลั่ง.

เปลวเพลิงสูงสองพันจั้ง,กำเนิดเป็นใบมีดเฟิงหวงฟันลงมา.

เมื่อใบมีดเฟิงหวงฟันลงมา,เวทีประลองซิงเหล่ยถึงกับสั่นอย่างรุนแรง,กระทั่งม่านพลังยังฉีกขาดเปิดออก.

ดวงตาของหยางติงเทียนที่จดจ้องมองด้วยความจริงจัง,มือทั้งสองที่เปล่งแสง,พร้อมกับต่อยหมัดคู่ออกไปพร้อม ๆ กัน,หมัดทั้งสองที่ส่องรัศมีแสงเจิดจรัส,ราวกับดวงตะวันสองดวงผุดออกมา.

ทุกคนรู้สึกแสบตาจนเจ็บระบมไปหมด.

แม้แต่ศิษย์วังเทวะซั่งเฉียงยังต้องยกมือขึ้นบัง.

ก่อนหน้านั้น,อาวุโสสูงวังเทวะซั่งเฉียงที่เดินทางไปยังเทือกเขาหงหวู่,ได้ใช้ทักษะนี้โจมตีลู่อีผิ้งเช่นกัน.

หมัดแสงสว่างซั่งเฉียงนับว่าเป็นหมัดที่รวมพลังแสงทั้งหมด,แข็งแกร่งกว่าเพลิงเทวะในสวรรค์และปฐพีมาก.

แม้แต่เทพโบราณ,ก็ยังยากที่จะรับหมัดแสงสว่างซั่งเฉียงได้.

หมัดคู่ที่พุ่งออกไป,ปะทะเข้ากับคมเพลิงเฟิงหวง.

ตูมมมมมมม!

เวลาประลองซิงเหลิยที่สั่นไปมาอย่างบ้าคลั่ง.

ห้วงมิติที่สั่นไหวไปมาเป็นระลอกคลื่น.

ทุกคนต่างได้ยินแต่เสียงดังหวี่ ๆ.

คลื่นอากาศที่น่าอัศจรรย์,เปลวเพลิงที่รุนแรง,แสงสว่างเจิดจรัสระเบิดกวาดม้วนไปทั่วทุกสารทิศ.

แม้นว่าหลายคนจะอยู่ห่างออกมาจากเวทีประลองซิงเหล่ย,ยังสัมผัสได้ถึงพลังทำลายล้างที่น่าพรั่นพรึงได้.

เหล่าศิษย์ขอบเขตเทพโบราณหลายคนที่รู้สึกหวั่นเกรงขึ้นมาทันที.

หากไม่เพราะค่ายกลปิดกั้นของเวทีประลองซิงเหลย,เกรงว่าคลื่นพลังทำลายล้างที่กวาดม้วนออกมานี้,คงทำให้เทพโบราณหลายคนได้รับบาดเจ็บ.

ทุกคนเห็นเพียง,ถังเสวี๋ยเหยาที่ถูกผลักกระเด็นจนเกือบร่วงหล่นลงเวที,ทว่าหยางติงเทียนนั้นกับยืนอย่างมั่นคงดั่งภูเขาไท่ซาน,เห็นชัดเจนว่าการประทะเมื่อครู่นี้ถังเสวี๋ยเหยาเสียเปรียบ.

หยางติงเทียนจ้องมองถังเสวี๋ยเหยา,เอ่ยอย่างไม่แยแส”เทพเฟิงหวงขั้นสิบ,ก็นับว่าใช้ได้,น่าเสียดายตราประทับอันเล็กจ้อยมากไม่อาจเทียบกับข้าได้,นอกจากนี้ข้ายังมีสองสายโลหิตบรรพกาล,บ่มเพาะหมัดแสงสว่างซั่งเฉียงถึงขั้นสิบ,เข้าใจพลังแห่งแสงลึกล้ำ,เจ้ายังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของข้า.”

ขณะหยางติงเทียนเอ่ยจบ,ทุกคนที่กลายเป็นวุ่นว่ายขึ้นมาทันที.

“อะไรนะ,หยางติงเทียน,คาดไม่ถึงว่าจะมีสายโลหิตบรรพกาลสองสายโลหิต!”

“นอกจากนี้ยังเข้าใจความลึกล้ำอำนาจแห่งแสงด้วย!”

ฟู่ปิงซาน,ซือถูหนานและศิษย์คนอื่น ๆ ต่างก็เผยความตกใจ.

มีสายโลหิตบรรพกาลตั้งแต่กำเนิด,ถือว่าน่าอัศจรรย์แล้ว,ทว่าการมีสองสายโลหิตบรรพกาลสองสายนั้นยิ่งน่าตื่นตะลึงเข้าไปอีก!

สิ่งที่น่าตกใจที่สุด,ก็คืออีกฝ่ายเข้าใจความลึกล้ำอำนาจแห่งแสงแล้วนี่เอง.

ฟ่านเซิ่ง,ถังชิงและคนอื่น ๆ ที่หัวใจจมลึกขึ้นมาทันที.

อย่างไรก็ตาม,ในเวลานั้น,ถังเสวี๋ยเหยาที่ฟาดฝ่ามือไปยังหยางติงเทียน,ฝ่ามือของนางที่ปล่อยออกไปพร้อมกับร่างกายของถังเสวี๋ยเหยาที่แผ่รัศมีแสงรุนแรงจนน่าอัศจรรย์ใจ,พลังเฟิงหวงบริสุทธิ์เป็นอย่างมากกระจายเต็มเวที.

หนางติงเทียนที่ตกใจ,ต่อยหมัดแสงสว่างซั่งเฉียง(ทะลุฟ้า)ออกไปทันที.

เกิดเสียงระเบิดดังสนั่นหวั่นไหว,ก่อนจะเห็นหยางติงเทียนที่ถูกผลักออกไป,สองสามก้าว.

ศิษย์นิกายเทวะซั่งเหล่ยล้วนแต่ตกใจ,แม้แต่ฟ่านเซิ่งเองก็ประหลาดใจ,ดีใจเช่นกัน.

“หวนกลับต้นกำเนิดกายศักดิสิทธิ์เทียนเฟิง!”หยางติงเทียนที่เผยความประหลาดใจ.

เทียนปินมีกายมังกรศักดิ์สิทธิ์หวงกู่(ราชาโบราณ)ทว่าเทียบกับกายาศักดิ์สิทธิ์เทียนเฟิงนั้นยังไม่อาจเทียบได้,นอกจากนี้กายาศักดิ์สิทธิ์เทียนเฟิงของถังเสวี๋ยเหยา,ยังเริ่มหวนคืนสู่บรรพบุรุษ,ทำให้แข็งแกร่งขึ้นไปอีก.

“แต่ว่า,กายาศักดิ์สิทธิ์เทียนเฟิงหวนคืนบรรพบุรุษแล้วอย่างไร.”หยางติงเทียนกล่าวหยัน,พร้อมกับกระตุ้นสายโลหิตบรรพกาลทั้งสองในร่างทันที,สายโลหิตที่น่าอัศจรรย์ทั้งสองพลุ้งพล่าน,ร่างกายของหยางติงเทียนเปล่งประกาย,มังกรเพลิงหมุนวนรอบ ๆร่าง,อีกสายเป็นเฟิงหวงน้ำแข็งทมิฬที่แผ่ออกไปรอบ ๆ ปกคลุมสวรรค์และปฐพี.

พื้นเวทีประลองซิงเหล่ย,เวลานี้ถูกปกคลุมไปด้วยน้ำแข็งทมิฬทันที.

น้ำแข็งทมิฬที่แผ่กลิ่นอายความเย็นยะเยือบออกมา,สามารถแช่แข็งได้แม้แต่ห้วงมิติ,ถังเสวี๋ยเหยาที่เวลานี้รู้สึกราวกับว่าโลหิตกำลังจับตัวกัน.

ทันใดนั้น,หยางติงเทียนก็ต่อยออกไป,พลังทำลายสวรรค์และปฐพีพุ่งตรงไปยังด้านหน้าถังเสวี๋ยเหยา.

ถังเสวี๋ยเหยาที่ตกใจ,กระตุ้นพลังทั่วร่าง,ปล่อยคมเฟิงหวงออกมาทันที.

ถังเสวี๋ยเหยาที่พ่ายแพ้ลอยกระเด็นหมุนเคว้งลากครูดไปบนเวทีกระแทกผนังค่ายกล,กระอักโลหิตคำโตออกมา.

ทุกคนกลายเป็นเงียบไปในทันที.

หยางติงเทียนที่ยืนเด่นบนเวที,ราวกับเทพสงครามผู้เย่อหยิ่ง,เผยความเหยียดหยันดูแคลนทั่วหล้า,เอ่ยออกมาว่า”ยังมีใครอีก?”

ในเวลานั้น,ลู่อี้ผิงที่กำลังตระหนักรู้หยกเจาหัวใต้ต้นเจี้ยนมู่,ในเวลานั้นที่หน้าประตูถังปินได้มาเคาะเรียก”พี่ชายลู่!”

ได้ยินเสียงของถังปิน,ลู่อี้ผิงที่หยุดบ่มเพาะ,เก็บเจี้ยนมู่,แล้วก้าวเดินออกมา.

“พี่ชายลู่,ศิษย์วังเทวะซั่งเฉียงมาท้าประลองวันนี้,พวกเราไปดูกันเถอะ.”ถังปินเอ่ยกล่าวเสียงสดใส.

ลู่อี้ผิงส่ายหน้าไปมา”เรื่องนี้ไม่มีอะไรน่าสนใจ.”เขากำลังตระหนักรู้มหาเต๋าและวิชาลับพฤกษาสวรรค์มิเสื่อมคลายอย่างเร่งรีบจึงไม่คิดจะออกไปใหนนั่นเอง.