九星之主突破古神,挑战神榜第十(三更)
เห็นคนของเผ่าจิ้งจอกเจ็ดวิญญาณดูกระวนกระวาย,ระมัดระวัง,ลู่อี้ผิงก็เอ่ยออกมาว่า”พวกเราเพียงแค่ผ่านมา,ไม่มีเจตนารบกวน.”จากนั้นเขาก็นำวัวกระทิงมังกรเขาทองคำและคนของเขาจากไป.
คนของเผ่าจิ้งจอกเจ็ดวิญญาณเห็นพวกลู่อี้ผิงจากไปลับสายตา,ก็ผ่อนคลายลง.
คน ๆ หนึ่ง เอ่ยออกมาว่า”ศิษย์พี่หญิงจิง,บางทีคนเหล่านี้ก็แค่ผ่านทางมาเท่านั้นจริง ๆ.”
ฟางจิ้งส่ายหน้าไปมา”สนใจเรื่องน้อยๆ สามารถลดปัญหาลงได้มาก,ระวังเอาไว้เป็นดีที่สุด.”
“จ้าวจิ่วซิงของพวกเราท้าประลองกับท่านซุนเจิ้งเต๋อ,ไม่รู้ว่าข่าวนี้เป็นความจริงหรือไม่?”คนของเผ่าจิ้งจอกเจ็ดวิญญาณที่เปลี่ยนคำพูดเอ่ยออกมาทันที.
“ท่านซุนเจิ้งเต๋อ,เป็นยอดฝีมือทำเนียบเทพอันดับสิบ,หากจ้าวจิ่วซิงของพวกเราชนะการประลอง,ก็จะได้อันดับสิบทำเนียบเทพใช่ใหม?”
หลายคนที่เอ่ยอุทาน.
ฟางจิงพยักหน้ารับ”ควรจะเป็นเช่นนั้น,ตอนนี้ข่าวได้กระจายไปทั่วแล้ว,จ้าวจิ่วซิงต้าเหรินต้องการท้าประลองท่านซุนเจิ้งเต๋อก่อนงานวันเกิดควรจะเป็นเรื่องจริง!”
กล่าวจบ,ใบหน้าของพวกเขาที่เต็มไปด้วยความตื่นเต้นและเคารพ”ได้ยินมาว่าจ้าวจิ่วซิงนั้นได้ตัดผ่านระดับอยู่ในขอบเขตเทพโบราณยุคโบราณมาพักหนึ่งแล้ว!”
“อะไรนะ,ขอบเขตเทพโบราณ!”
“ไม่แปลกใจเลยท่านจ้าวจิ่วซิงกล้าท้าประลองท่านซุนเจิ้งเต๋อ!”
เหล่าคนของเผ่าจิ้งจอกเจ็ดวิญญาณต่างก็เอ่ยออกมาด้วยความตื่นเต้น.
ฟางจิงที่ถอนหายใจยาว,”หลังจากยุคโบราณ,ทั้ง 17 พิภพคนที่ตัดผ่านไปยังขอบเขตเทพโบราณ,นั้นมีน้อยมาก,ทว่าหากตัดผ่านไปยังขอบเขตเทพโบราณได้,ก็จะกลายเป็นตัวตนที่ไร้เทียมทาน! ไม่เพียงอายุขัยเพิ่มขึ้น,ความแข็งแกร่งยังอยู่ในดินแดนที่น่าอัศจรรย์ใจด้วย!”
เผ่าจิ้งจอกเจ็ดวิญญาณที่พูดคุยกันไปมา,จนเลิกสนใจเรื่องของลู่อี้ผิงไป,เวลานั้นพวกลู่อี้ผิงได้บินตรงเข้าไปในส่วนลึกของเผ่ารกร้างแล้ว.
ตอนนี้เจี้ยนมู่ที่เติบโตสูงกว่าห้าเมตรแล้ว,สามารถสัมผัสชิ้นส่วนอื่น ๆ ได้ในรัศมี 500 เมตร,ดังนั้น,ลู่อี้ผิงจึงไม่เร่งรีบ,บินช้า ๆ,เพื่อสัมผัสชิ้นส่วนอื่น ๆ ของเจี้ยนมู่.
ในเวลาเดียวกัน,ก็เปิดเนตรทัณฑ์สายฟ้าขึ้นมา,จ้องมองพื้นที่รอบ ๆ ไปด้วย.
ป่ารกร้างนั้น,นับเป็นป่าจากยุคบรรพกาล,แม้แต่อาจคงอยู่มาตั้งแต่ยุคปรัมปรา,ลู่อี้ผิงรู้สึกว่าป่าแห่งนี้,จะต้องมีชิ้นส่วนของเจี้ยนมู่จำนวนมากเป็นแน่.
เพราะต้องการเพิ่มกำลังการค้นหา,ลู่อี้ผิงจึงนำตำหนักดาราอู๋จี้ออกมา,ปล่อยจ้าวพิภพทั้ง 100,000 คน,ให้ทุกคนจัดกลุ่ม,แบ่งแยกค้นหาชิ้นส่วนของเจี้ยนมู่.
ลู่อี้ผิงและคนอื่น ๆ ที่ออกไปค้นหา,ก็ปรากฏสัตว์ร้ายตัวใหญ่ยักษ์เป็นหมียักษ์ที่มีขนาดเท่าเนินเขา,ทว่ามันยังไม่ได้เข้ามาใกล้,ก็ถูกกลิ่นอายของเห่ยเซี่ยและพวกปล่อยออกมาพร้อมกันกระเด็นไปทุกทิศทาง.
ในเวลาต่อมาเพื่อหลบเลี่ยงการรบกวน,พวกเห่ยเซี่ยจึงแผ่กลิ่นอายของพวกเขาออกมา.
แทบจะในทันที,สัตว์ร้ายมากมายต่างก็หลบลี้หนีหายไปจนหมด.
“ต้าเหริน,พวกเราพบกับท่อนไม้ที่น่าสงสัย”ผ่านไปครึ่งชั่วโมง,กลุ่มคนที่ส่งออกไปได้ติดต่อผ่านยันต์สื่อสารเข้ามา.
ในใจของลู่อี้ผิงที่เผยความดีใจ,ขณะเดินทางไปยังกลุ่มสิบคนที่พบท่อนไม้ที่น่าสงสัย,แต่เมื่อเห็นแล้วก็รู้สึกผิดหวังอยู่ไม่น้อย.
แม้นว่าท่อนไม้ดังกล่าวจะเหมือนกับเจี้ยนมู่เป็นอย่างมาก,ทว่ากับไม่ใช่.
ลู่อี้ผิงที่ยังคงสั่งให้ค้นหาต่อไป.
ในเวลาเดียวกัน,เจี้ยนมู่ในร่างของเขาที่เริ่มสั่น.
นี่มัน?
ลู่อี้ผิงที่เผยดีใจ,ก่อนที่จะมุ่งไปยังทิศทางแห่งหนึ่ง,พบว่าที่ด้านหน้าเป็นเนินเขาแห่งหนึ่ง,เขาใช้หมัดต่อยออกไป,ก่อนจะเห็นว่าใต้เนินเขานั้น,มีท่อนไม้เท่ากับกำปั้น.
เป็นชิ้นส่วนของเจี้ยนมู่จริง ๆ.
แม้นว่าจะมีขนาดเท่ากับกำปั้น,ทว่าก็ทำให้ลู่อี้ผิงพึงพอใจ.
นี่เป็นการยืนยันความคาดหวังว่า ภายในป่ารกร้างเหล่านี้,มีชิ้นส่วนเจี้ยนมู่อย่างแน่นอน.
ลู่อี้ผิงที่ส่งชิ้นส่วนเจี้ยนมู่ให้ต้นเจี้ยนมู่ผสาน,ก่อนที่จะก้าวไปด้านหน้า.
พื้นที่ป่ารกร้างนั้นกว้างใหญ่เป็นอย่างมาก,ด้วยจำนวนคนของเขา,เกรงว่าอย่างน้อยก็ต้องใช้เวลาหนึ่งเดือนในการสำรวจ.
อย่างไรก็ตาม,ลู่อี้ผิงก็ไม่เร่งรีบ,ค่อย ๆ ค้นหาช้า ๆ.
หลังจากพบชิ้นส่วนเจี้ยนมู่ชิ้นแรก,ไม่ไกลออกไป,ก็พบอีกชั้น,ทว่ามันมีขนาดเล็กมาก,มีขนาดสองนิ้วโป้งเท่านั้น.
ลู่อี้ผิงถึงกับปาดเหงื่อ.
กระนั้นแม้นว่าจะมีขนาดเท่ากับสองนิ้วโป้ง,ทว่าลู่อี้ผิงก็ไม่ปล่อยทิ้งไป,เขายังคงผสานเข้ามา,ในอนาคตข้างหน้าเมื่อเจี้ยนมู่เติบโต,จะสามารถตัดผ่านดินแดนหมื่นอาณาจักร,ดังนั้น,ถึงจะเล็กขนาดใหน,ก็ยังถือเป็นสมบัติล้ำค่า.
หนึ่งคืนผ่านไป.
แสงตะวันที่สาดส่องผ่านลงมา.
หลังจากค้นหาอยู่คืนหนึ่ง,เก็บเกี่ยวได้ไม่น้อย,ลู่อี้ผิงพบชิ้นส่วนเจี้ยนมู่ถึงหกชิ้น,แม้นว่าจะไม่ใหญ่,ใหญ่ที่สุดมีเพียงขนาดแค่สองกำปั้นเท่านั้น.
ทว่ายกเว้นหกชิ้นที่เขาพบ,ยังมีอีกสองชิ้นที่พวกเห่ยเซี่ยทั้งหนึ่งแสนคนพบ,นอกจากนี้ สองชิ้นดังกล่าวยังมีขนาดเท่ากับต้นขาและอีกชิ้นมีขนาดถึงหนึ่งเมตร.
ดังนั้น,เพียงแค่คืนเดียว,เจี้ยนมู่ที่มีขนาดห้าเมตร,เวลานี้สูงขึ้นเป็นหกเมตรแล้ว!
นี่ไม่ต่างกับการรดด้วยวารีดาราติดต่อกันหนึ่งปีเลย,สามารถช่วยลดภาระของเขาไม่น้อย.
เจี้ยนมู่ที่สูงขึ้นกว่าหกเมตร,ทำให้สัมผัสขยายขึ้น,เวลานี้กินรัศมีหกร้อยเมตรแล้ว.
หลังจากตะวันขึ้นบนท้องฟ้า.
พื้นที่มืดมิดในป่าร้างที่ค่อย ๆ มีแสงสาดส่อง.
อากาศที่หนาวในป่ารก,เมื่อถึงตอนเช้า,ก็เต็มไปด้วยต้นไม้ที่เขียวชอุ่ม,ส่งสัญญาณของพลังชีวิตที่เต็มเปี่ยม.
ลู่อี้ผิงที่โบกมือ,ให้จ้าวพิภพทั้งหนึ่งแสนคนออกไป”ค้นต่อ!”
หลังจากเก็บเกี่ยวเมื่อคืน,ตอนนี้ลู่อี้ผิงเริ่มสำรวจเต็มกำลัง.
“วันนี้,สำรวจให้ดี!”ลู่อี้ผิงเอ่ย,”ในตอนเย็น,ข้าจะให้ทุกคนได้ดื่มสุรานิรันดร!”
เห่ยเซี่ยและคนอื่น ๆ ที่ส่งเสียงดังก้องด้วยความฮึกเหิม.
ทุกคนที่เริ่มทำงานสำรวจต่อไป.
คนทั้งหนึ่งแสน,แบ่งออกเป็นกลุ่มละสิบคน,กระจายออกไปทั่ว,เพื่อค้นหาท่อนไม้ในป่าลึก.
ในขณะที่พวกลู่อี้ผิงกำลังสำรวจค้นหาชิ้นส่วนของเจี้ยนมู่,เผ่าจิ้งจอกเจ็ดวิญญาณที่พวกเขาพบก่อนหน้านี้ก็เริ่มเข้ามาในป่าลึกเช่นกัน.
การมาในครั้งนี้,พวกเขาต้องการค้นหาผลของพฤกษาเทวะ.
หลังจากที่พวกเขาก้าวเข้ามาในป่าลึกครึ่งชั่วยาม,เวลานี้เต็มไปด้วยความสงสัย,เพราะว่า,พวกเขาไม่พบกับสัตว์ร้ายตนใดอย่างคาดไม่ถึง.
แม้แต่สัตว์ร้ายขนาดเล็กหรือใหญ่ก็ไม่เห็นสักตัว.
อย่าว่าแต่เงาของสัตว์ร้ายเลย,แม้กระทั่งเสียงของพวกมันยังไม่ได้ยินด้วยซ้ำ.
ราวกับว่าป่ารกร้างแห่งนี้,เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง.
“เกิดอะไรขึ้นกัน? ในป่ารกร้างไม่มีสัตว์ร้ายเลยอย่างงั้นรึ? วันนี้ยังไม่พบสักตัวเลย?”คนของเผ่าจิ้งจอกเจ็ดวิญญาณที่เต็มไปด้วยความประหลาดใจ.
เหล่าผู้คุ้มกันคราแรกที่เต็มไปด้วยความระมัดระวัง,เวลานี้กลายเป็นผ่อนคลายลงมาก.
ฟางจิงเองก็เต็มไปด้วยความสงสัย,เอ่ยออกมาว่า”เป็นไปได้ว่าเกิดอะไรขึ้นในป่ารกร้างอย่างงั้นรึ? ถึงได้ทำให้เหล่าสัตว์ร้ายซ่อนตัวอย่างสมบูรณ์เพียงนี้?”
เผ่าจิ้งจอกเจ็ดวิญญาณคนหนึ่งที่เอ่ยออกมาทันที”ไม่ไช่ว่ามีคนสังหารพวกมันไปก่อนรึ?เจ้าลองดูคราบโลหิตที่เหลืออยู่ของสัตว์ร้ายเหล่านี้สิ.”ในเวลานั้นเขาที่ชี้ไปยังพื้นดินที่ยังมีคราบโลหิตเหลืออยู่.
ฟางจิงที่เห็นคาบโลหิต,ขณะยื่นมือสัมผัส,เอ่ยออกมาว่า”เป็นไปได้ว่าถูกสังหารเมื่อคืน.”จากนั้นเขาก็เผยใบหน้าจริงจัง”มียอดฝีมือเข้ามาในป่ารกร้าง,ทุกคนระมัดระวังให้ดี,รีบค้นหาเป้าหมาย,จะได้รีบกลับเผ่า!”
“รับทราบ,ศิษย์พี่หญิงจิง!”
Copyright © 2025 xxxxx.com, All Right Reserved