ตอนที่ 237

四十九图腾,万界唯一奇迹(一更)

อย่างไรก็ตาม,หมัดของจินลี่หงที่ต่อยออกไปหาลู่อี้ผิงนั้น,กับพบเข้ากับอักษรรูนที่รวมตัวกันขึ้นในทันที,เกิดระเบิดเสียงดังสนั่น,ตูมมมมมมมม!

อักษรรูนที่ปรากฏขึ้นนั้นไม่ขยับสั่นไหวเลยแม้แต่นิดเดียว,ส่วนจินลี่หยงถูกแรงสะท้อนกระเด็นถอยหลัง,กระแทกเข้ากับคนตระกูลซูปลิวว่อน.

ประมุขตระกูลซูที่ตกใจ,ร่างกายปะทุพลังที่พลุ้งพล่าน,ยกฝ่ามือขึ้นต้องการคว้าร่างจินลี่หยง,พลังบ่มเพาะของเขาไม่ได้อ่อนด้อยกว่าจินลี่หยงเช่นกัน,เป็นยอดฝีมือทำเนียบเทพอันดับสี่สิบ.

อย่างไรก็ตาม,ประมุขตระกูลซู,ซูเหวินที่ยกมือขึ้นต้องการจะพิงหลังเสริมกำลังจินลี่หยงเอาไว้,กับพบว่าพลังที่สะท้อนกลับมานั้นเกินกว่าจะพรรณนาได้,มันได้ผลักร่างของเขาให้กระเด็นไปพร้อมกับอีกฝ่าย.

ทุกคนต่างก็ตกใจไปตาม ๆ กัน.

ไท่จู่ตระกูลซู,ซูเย่,ยอดฝีมือทำเนียบเทพลำดับห้า,ดวงตาเป็นประกายส่องสว่าง,ยืนเด่น,ยังคงสงบ,พลังเทพโบราณที่พลุ้งพล่าน,ห้วงมิติที่กรอบส่งเสียงดังหวีดหวิว.

ซูเย่นั้นก้าวเข้าสู่ขอบเขตเทพโบราณมานานหลายปีแล้ว,ไม่อาจนำจ้าวจิ่วซิงที่เพิ่งเข้าสู่ขอบเขตเทพโบราณมาเทียบได้.

พลังกฎดินแดนเทพที่พุ่งออกไป,เห็นเป็นมังกรที่น่าพรั่นพรึงหมุนวน,ปะทุขึ้นมาทำให้สวรรค์และปฐพีสั่นไหวไปมาอย่างรุนแรง.

ทั่วทั้งเมืองตระกูลซูเองผู้คนต่างสัมผัสได้ราวกับว่ากำลังเกิดแผ่นดินไหวขึ้น.

เหล่ายอดฝีมือในเมืองไม่มีใครไม่ตื่นตกใจ.

“พลังเทพโบราณ! เป็นไปได้ว่า นี่คือยอดฝีมือขอบเขตเทพโบราณกำลังสำแดงพลังในเมืองตระกูลซู!”

“ควรจะเป็นไท่จูตระกูลซู,ท่านซูเย่กำลังโกรธเกรี้ยวเป็นแน่!”

พลังเทพโบราณของซูเย่,ผู้ฝึกตนทุกคนในเมืองตระกูลซู รู้สึกราวกับว่ากำลังถูกขุนเขานับหมื่นลูกกดทับลงมา.

ขณะที่ทุกคนในเมืองตระกูลซูกำลังตกใจ,ซูเย่ได้ยกฝ่ามือขึ้นเพื่อคว้าดันหลังจินลี่หยงและซูเหวินทั้งสองเอาไว้,แบกรับพวกเขาทั้งสองไม่ให้กระเด็นออกไป.

อย่างไรก็ตาม,ขณะซูเย่ต้องการดันหลังพวกเขาคว้าพวกเขาไว้,ซูเย่กับรู้สึกมือของเขาสั่นไปมา,พลังที่รุนแรงหนักหน่วง ระเบิดดังก้อง,ความแข็งแกร่งที่ผลักมานั้นเหนือกว่าเขาไปมาก.

เขามั่นใจไม่น้อยด้วยระดับขอบเขตเทพโบราณของเขา,ทว่าพลังของฝ่ายตรงข้ามกับทำให้พลังกฏอาณาจักรเทพโบราณแตกร้าว,เปราะบางอย่างที่สุดแหลกเป็นสิ้น ๆ แยกออกจากกันแทบจะในทันที.

ซูเย่,เวลานี้ก็ไม่อาจต้านได้,ทำให้เขาเองก็ลอยละล่องกระเด็นออกไปเช่นกัน.

ไท่จู่ตระกูลซู,ซูเย่,ยอดฝีมือทำเนียบเทพลำดับห้า,ไม่แม้แต่คว้าร่างของจินลี่หยงและซูเหวินเอาไว้ได้.

ท้ายที่สุด,ซูเย่,จินลี่หยงและซูเหวิน,ยอดฝีมือทำเนียบเทพทั้งสาม กระเด็นออกไปกระแทกเข้ากับผนังดังห้องโถงระเบิดดังกึกก้อง,ผนังทองคำพังทลายกลายเป็นเศษชิ้นเล็กชิ้นน้อย.

ท้ายที่สุด,ทั้งสามก็กระเด็นออกจากห้องโถงซื้อขายไป.

ร่างกายของพวกเขาลากครูด พื้นปูสีทองรอบ ๆ แตกหักพังเสียหาย แหลกเป็นชิ้น ๆ เช่นกัน.

ยอดฝีมือสหพันธ์เจิ้นจินและคนของตระกูลซูต่างก็ยืนงงกลายเป็นไก่ไม้ไปแล้ว.

เหล่าผู้ฝึกตนที่มาแลกเปลี่ยนซื้อขายเห็นซูเย่,จินลี่หยงและซูเหวินทั้งสามกระเด็นคลุกฝุ่น,ทำให้ตื่นตะลึงอ้าปากค้างแทบจะทุกคน.

จินเหยาโปที่ใบหน้าบวมปูด เห็นสภาพคนอื่น ๆ ,เมื่อจ้องมองชายชุดน้ำเงิน,ร่างกายของเขาได้สั่นไปมาอย่างรุนแรง.

“เขาดูเหมือนกับท่านลู่อี้ผิงทำเนียบเทพลำดับสิบ?!”ที่ไกลออกมา,ยอดฝีมือคนหนึ่งเอ่ยด้วยความประหลาดใจ.

ทำเนียบเทพลำดับสิบ!

ลู่อี้ผิง!”

ผู้คนรอบ ๆ ที่ส่งเสียงดังอื้ออึงตกใจไปตาม ๆ กัน.

ซูเย่,ซูเหวิน,จินลี่หยง,ทั้งสามที่สั่นไหวไปมา,ผู้เยาว์ผู้นี้ก็คนคนที่สังหารฟู่ซ่างเซิ่งและจ้าวจิ่วซิงไป,ลู่อี้ผิงผู้นั้นนะรึ?

โดยเฉพาะซูเย่ทำเนียบเทพลำดับห้า,ใบหน้าของเขาที่เต็มไปด้วยความไม่อยากเชื่อ.

ในเวลานั้น,เสียงที่เคร่งขรึมจริงจังจากแดนบรรพชน ตระกูลซูก็ดังขึ้น”ซูเย่,ขอให้สหายน้อยเข้ามาในดินแดนบรรพชนตระกูลซูของพวกเรา,ข้ามีเรื่องจะพูดคุยกับเขา.”

ซูเย่ที่ได้ยิน,ก็เลิกสนใจอาการบาดเจ็บ,เร่งรีบลุกขึ้นมา,เอ่ยออกมาว่า”ขอรับ,เหล่าจู่ จง.”

[老祖宗 [lǎozǔzōng] บรรพบุรุษ, บรรพชน.]

ผู้คนต่างเต็มไปด้วยความประหลาดใจ,บรรพบุรุษในตำนานของตระกูลซู เป็นตัวตนที่ทรงพลังเหนือกว่าซูเย่เป็นอย่างมาก,ทว่าเพราะเป็นเพียงตำนานเรื่องเล่า,จึงไม่มีใครรู้ว่าเรื่องนี้เป็นจริงหรือเทพ,ตอนนี้เห็นซูเย่เต็มไปด้วยความเคารพ,เหล่าคนที่ไม่แน่ใจ,ต่างก็คาดเดาว่าตำนานนั้นควรมีอยู่จริง.

ซูเย่ที่ก้าวมาด้านหน้าลู่อี้ผิง,ยกมือผสานโค้งคำนับเอ่ยออกมาว่า”ก่อนหน้านี้ไม่รู้สถานะลู่ต้าเหริน,ล่วงเกินแล้ว,ขอลู่ต้าเหรินอย่าได้ถือสา,เหล่าจู่จงของพวกเราต้องการเชิญลู่ต้าเหรินเข้าไปยังดินแดนบรรพชน,ไม่รู้ว่าสะดวกหรือไม่?”

ลู่อี้ผิงจ้องมองไปยังทิศทางของแดนบรรพชนตระกูลซู,”ตกลง,ข้าจะเข้าไปในแดนบรรพชนตระกูลซูกับเจ้า.”

ซูเย่ที่รู้สึกผ่อนคลาย,เอ่ยออกมาด้วยความเคารพ,”ลู่ต้าเหริน,เชิญ!”

ทั้งสองที่บินตัดอากาศออกไป.

คนอื่น ๆ เวลานี้ต่างก็จ้องมองหน้ากันและกันด้วยความงงงวย.

หลังจากมาถึงดินแดนบรรพชนตระกูลซู,ซูเย่ที่นำเขามาหยุดที่ส่วนลึกของดินแดนบรรพชน,ให้ลู่อี้ผิงเข้าไปคนเดียว.

ตำหนักด้านในดูกว้างขวางเป็นอย่างมาก,และยังมีเพดานที่สูงนับร้อยจั้ง,มีเสาศิลาที่สร้างจากแร่สีดำทมิฬ,บนเสาศิลานั้นมีลวดลายอักขระเทวะมากมายนับไม่ถ้วน.

ทำให้พื้นที่ด้านในเปี่ยมล้นด้วยพลังวิญญาณ,พลังแห่งชีวิตที่เปี่ยมล้น.

ลู่อี้ผิงที่ก้าวไปจนถึงตรงกลาง,ทันใดนั้นปรากฏเงาร่างหนึ่งปรากฏขึ้น,เป็นชายชราผมสีขาวแกมเทา.

ชายชราที่ค่อนข้างผอม,ทว่าแววตานั้นยังเปล่งประกายดั่งดวงดารา.

“สหายน้อยแข็งแกร่งไม่น้อย.”ชายชราเผยยิ้มมิคล้ายยิ้ม ออกมา”ไม่รู้ว่ามาจากนิกายใดอย่างงั้นรึ? บางทีเหล่าฟู่อาจจะรู้จักอาวุโสของเจ้าในอดีตก็ได้.”

ลู่อี้ผิงไม่ได้เอ่ยอะไรออกมา,ก่อนที่จะโยนตราออกไปให้กับชายชรา,ชายชรารับตราดังกล่าวมา,ถึงกับผวา,ก่อนเผยยิ้มดีใจที่น้อยครั้งจะได้เห็น”ตราบัญชาหมื่นเทพ!”

เขาจ้องมองลู่อี้ผิงด้วยความตกใจ”เจ้ามีตราบัญชาหมื่นเทพของ บรรพบุรุษพวกเราได้อย่างไร?”

ในเวลานั้น,ลู่อี้ผิงชี้นิ้วออกไป,วาดมือไปมาด้วยสัญลักษณ์แปลกประหลาดขึ้น,กำเนิดพลังอำนาจส่องประกายแสงสว่างวับวาว,แผ่พลังอำนาจที่ไม่ธรรมดาออกมา.

เห็นสัญญาณมือ,ชายชราดวงตาเบิกกว้างกลมโต,จดจำเรื่องตำนานบรรพกาลที่บันทึกเอาไว้ในหนังสือประวัติศาสตร์เทพได้,เขาจ้องมองไปยังลู่อี้ผิงด้วยท่าทางไม่อยากเชื่อ,ไม่มีทางที่จะเป็นไปได้.

ในยุคโบราณนั้น,ลู่อี้ผิงไม่ได้มีตราสัญลักษณ์,มีเพียงสัญลักษณ์มือ,ที่ใช้แสดงสถานะของเขา.

ผ่านเนิ่นนานเวลานี้แทบไม่มีคนจำสัญญาณมือนี้ได้,ทว่าลูกหลานสายตรงของซูเฉิง,จ้าวหมื่นทวยเทพ,ควรจะจำมันได้อย่างแน่นอน.

“ท่านคือ?!”ชายชราไม่อยากเชื่อการมีอยู่ของผู้เยาว์ผู้นี้แม้แต่น้อย.

ลู่อี้ผิงที่ยังคงใบหน้าสุขุม,ตราประทับแห่งกฎที่ลอยออกไป,ตราประทับเหล่านี้,เป็นตราประทับเทพอสูรเปิดสวรรค์,บรรพบุรุษมังกร,หงส์เพลิงและกิเลน.

แต่ละตราประทับ,มีพลังกฎอาณาจักรเทพ 100 ล้าน.

รวมทั้งหมด 49 ตราประทับ!

49 ตราประทับ,ส่องประกายแสงท่ามกลางสวรรค์และปฐพี,แผ่อำนาจที่น่าอัศจรรย์ไปทั่วห้องท้องแรงกดดันที่พลุ้งพล่านราวกับอยู่ใต้ท้องทะเลลึก.

ชายชราคนดังกล่าวสัมผัสได้ถึงแรงกดดันที่น่าหวาดหวั่น นั่นได้,เผยใบหน้าไม่อยากเชื่อแม้แต่น้อยออกมา.

เทพโบราณ,เมื่อตระหนักกฎอาณาจักรเทพได้ 10 ล้านกฎ,จะสามารถผสานรวมตราประทับแห่งกฎอันแรกขึ้นมาได้,เมื่อรวมกฎแห่งเทพได้ 20 ล้าน,ก็จะสร้างตราประทับที่สองขึ้นมาได้อักครั้ง.

กล่าวตามปรกติ,สิบตราประทับคือจุดสูงสุดแล้ว.

แม้นว่าจะมีคนเคยเอ่ยว่ามีอสุรกายพรสวรรค์,สามารถก้าวผ่านขีดจำกัด,รวมตราประทับได้ 11 ตราประทับได้เช่นกัน.

ในอดีต,จ้าวหมื่นทวยเทพที่เลิศล้ำด้วยพรสวรรค์ที่ยากจะมีคนหาใครเทียบได้,ก็สามารถรวมตราประทับได้ถึง 13 ตราประทับ.

ทว่าลู่อี้ผิงผู้นี้,กับรวมตราประทับได้ถึง 49 ตราประทับ!

นอกจากนี้ตราประทับของลู่อี้ผิงแต่ละอัน,ยังมีกฎอาณาจักรเทพถึง 100 ล้านกฎ.

“ซู่หรงคารวะต้าเหริน!”ชายชราที่เต็มไปด้วยท่าทางเหลือเชื่อ,ตื่นเต้นโค้งคำนับอีกฝ่ายอย่างนอบน้อม.

เกี่ยวกับตำราประวัติศาสตร์เทพ,มีเพียงแค่ซือจุ้นยุคโบราณคนเดียวเท่านั้น,ที่สามารถทะลวงโซ่ตรวนกฎเกณฑ์ของโลกหล้า,รวมตราประทับได้ถึง 49 ตรา,ในหมื่นอาณาจักร,มีเพียงเขาเท่านั้นที่ทำได้.

ซูเหวินที่ยืนอยู่ด้านนอกตำหนัก,ไม่รู้สถานการณ์ภายใน,ยืนรออยู่นาน,ไม่ได้ยินเสียงของลู่อี้ผิงและซูหรงแต่อย่างใด,ภายในใจที่เต็มไปด้วยความสงสัย.

ในเวลาต่อมา,ประตูตำหนักก็เปิดออกมา.