ตอนที่ 231

去海皇城逛逛,烈风宗高手被穿心(一更)

ยอดฝีมือเผ่าอสูรคนหนึ่งที่ต่อยโจมตีไปยังกลุ่มของลู่อี้ผิงในทันที.

อย่างไรก็ตาม,ขณะที่เขาโจมตีมา,ก็ถูกเพลิงสีน้ำเงินของฉื่อเยว่โจมตีออกไป.

ประมุขหม่าเข่อเผ่าสัตว์อสูรเห็นฉื่อเยว่ลงมือ,เผยแววตาเย็นชามากยิ่งขึ้น”เพลิงหยินกวง! เจ้าเป็นคนของนิกายเลี่ยเฟิงจริง ๆ!”

ฉื่อเยว่เอ่ยออกมาเล็กน้อย”คนเหล่านั้นไม่ใช่พวกเราสังหาร,จงรีบจากไปก่อนที่ จูเหรินของพวกเราจะโกรธเกรี้ยว!”

ประมุขหม่าเผ่าสูรได้ยิน,ก็หัวเราะด้วยความโกรธ”ก่อนที่เจ้านายของเจ้าจะโกรธอย่างงั้นรึ?”สายตาของเขาจ้องมองไปยังลู่อี้ผิง”นั่นคือเจ้านาย ของเจ้าอย่างงั้นรึ?”จากนั้นเขาก็ยกฝ่ามือฟาดโจมตีไปยังทิศทางของลู่อี้ผิงทันที”เช่นนั้นข้าจะบดมันเป็นเศษเนื้อก่อนเจ้า!”

พลังพิภพที่ดังหวีดหวิว,ความแข็งแกร่งที่เพิ่มพูนขึ้นอย่างรวดเร็ว.

แม้นว่าเผ่าอสูรจะไม่ได้แข็งแกร่งมากมายในทะเลหลวนซิง,ทว่าก็เป็นหนึ่งในสิบสุดยอดกลุ่มอิทธิพล,อยู่ในลำดับที่เจ็ด,ประมุขหม่าเอง,ก็มีพลังพิภพถึง 24 ล้าน!

ต้องรู้ด้วยว่าหลงกังวังมังกรปิศาจยังมีกฎพิภพเพียง 250,000 เท่านั้น.

20 ล้าน,กับ 250,000,ต่างกันถึง 100 เท่านั้น.

พลังต่อสู้ของเขาย่อมมากกว่าหนึ่งร้อยเท่าเช่นกัน.

อย่าว่าแต่เห่ยเซี่ย,รวมพวกฉื่อหยวนทั้งสี่ก็ไม่เป็นคู่มือของหม่าเขอได้.

อย่างไรก็ตาม,ฝ่ามือของเขาก่อนมาถึงด้านหน้าลู่อี้ผิง,ทันใดนั้น,ปลาน้อยในมือของวัวกระทิงมังกรเขาทองคำได้เหวี่ยงออกไป,หม่าเขอที่เห็นเพียงริ้วแสง,พลังที่เกินกว่าจะจินตนาการดังกึกก้องระเบิดขึ้นมาทันที.

หม่าเขอที่กระเด็นพุ่งออกไปกระแทกยอดเขาที่อยู่ห่างไกล,เทือกเขาสูงหลายร้อยจั้งที่พังแหลกสลาย,กระเด็นล่วงหล่นไปบนทะเล.

ผืนทะเลที่ถูกร่างอีกฝ่ายกระแทก,เกิดเป็นคลื่นใหญ่ยักษ์สาดซัดไปทั่วทุกสารทิศ.

เหล่ายอดฝีมือเผ่าสัตว์อสูรหลายร้อยคนที่ชงักงันไปตาม ๆ กัน.

แม้แต่ยวีจื่อฟางยังยืนเซ่อไปด้วย.

แม้นว่าประมุขเผ่าสัตว์อสูรจะไม่ใช่ยอดฝีมือทำเนียบเทพ,ทว่าชื่อเสียงของเขาใน 17 พิภพ,นับว่าไม่ธรรมดาเช่นกัน.

“เจ้าไม่ใช่คนของนิกายเลี่ยเฟิง!”คนของเผ่าสัตว์อสูรที่ตกใจโกรธเกรี้ยวจ้องมองวัวกระทิงมังกรเขาทองคำ.

นิกายเลี่ยเฟิงเป็นไปไม่ได้ที่จะมี ยอดฝีมือเช่นนี้.

วัวกระทิงมังกรเขาทองคำเผยยิ้ม”แน่นอนว่าพวกเราไม่ใช่คนของนิกายเลี่ยเฟิง!”

กล่าวจบสัตว์เทวะคุนเผิงที่ขยายขนาดล้านเท่า,แทบจะใหญ่เท่ากับเกาะร้างทั้งเกาะ.

ยวีจื่อฟางจ้องมองปลาน้อยในมือกระทิงมังกรเขาทองคำที่ใหญ่ยักษ์,ยืนงงงวย,ก่อนหน้านี้วัวกระทิงมังกรเขาทองคำนำปลาน้อยออกมาดูไม่ต่างจากของเล่น,เขาไม่ได้ใส่ใจนัก,ตอนนี้เขาพบว่าเขาช่างมีตาแต่ไร้แวว.

ปลาน้อยตัวนี้,คือสัตว์อสูรนักล่าในยุคปฐมกาล.

ไม่ใช่แค่ยวีจื่อฟางที่ตื่นตะลึง,เหล่ายอดฝีมือเผ่าสัตว์อสูรต่างก็ตกใจไม่ต่างกัน.

“สัตว์อสูรเทวะคุนเผิง?”ยอดฝีมือเผ่าสัตว์อสูรอุทานออกมาด้วยความตื่นตกใจ”เจ้าคือเทพสงครามเก้าโคจร!”

ในเวลานั้น,สัตว์เทวะคุนเผิงก็ถูกฟาดลงมาแล้ว.

ยอดฝีมือเผ่าสัตว์อสูรหลายร้อยคนที่ถูกฟาดกระเด็นลอยออกไป.

เหล่าหมู่มวลวิหคมากมาย,ต่างก็บินกระจายไปทั่วทุกสารทิศ.

ราวกับหมู่ผึ้งแตกรังที่แตกฮือบินว่อนไปทั่วหนีตายจ้าระหวั่น.

เหล่ายอดฝีมือเผ่าสัตว์อสูรมากมายต่างก็กระเด็นล่วงหล่นลงไปบนผืนทะเลด้านนอกเกาะจมหายไปยังพื้นที่เดียวกันกับประมุขหมาเข่อเผ่าสัตว์อสูร.

ผืนทะเลที่แตกซาน,กำเนิดคลื่นหลายล้านคลื่นสาดซัดกวาดม้วนออกไปรอบ ๆ.

จ้องมองแต่ไกล,สามารถมองเห็นเหมือนกับผืนทะเลที่ระเบิดขึ้นหลายร้อยหลุม.

ผ่านไปนานเหมือนกัน,คลื่นที่ใหญ่ยักษ์พลุ้งพล่านค่อย ๆ สงบลง.

ยวีจื่อฟางถึงกับพูดไม่ออก,เขาจ้องมองแขนของวัวกระทิงมังกรเขาทองคำ,พบว่าแขนขาของอีกฝ่ายนั้นเต็มไปด้วยกล้ามเนื้อที่ใหญ่ยักษ์.

บุรุษผมทองร่างยักษ์ ท่านเสี่ยวจินผู้นี้ก็คือเทพสงครามเก้าโคจรอย่างงั้นรึ? เช่นนั้นบุรุษชุดน้ำเงินผู้นี้ล่ะ? เขาจ้องมองไปยังลู่อี้ผิง,ใบหน้ากลายเป็นขาวซีดขึ้นมาทันที.

เรื่องที่ลู่อี้ผิงสังหารฟู่ซ่างเซิ่ง,เด็ดศีรษะจ้าวจิ่วซิง,คือลู่อีผิ้งและมีชายร่างใหญ่ผมทองนามเทพสงครามเก้าโคจร,ไม่ใช่ความลับอะไร.

เทพสงครามเก้าโคจร,มีอาวุธ คือสัตว์เทวะคุนเผิง! ที่มีรูปลักษณ์เหมือนกับกระบองไม้.

“จูเหริน,พวกเราไปเดินเล่นเมืองจักรพรรดิทะเลดีหรือไม่?”วัวกระทิงมังกรเขาทองคำที่เก็บกระบองปลาน้อย,เอ่ยสอบถาม.

“อืม,”ลู่อี้ผิงพยักหน้ารับ.

จากนั้นพวกเขาก็เตรียมมุ่งตรงไปยังเมืองจักรพรรดิทะเล.

y.”

ลู่อีผิ้งจ้องมองไปยังยวีจื่อฟางที่ยืนอ้าปากค้างอยู่”เจ้าไปได้แล้ว,ไม่จำเป็นต้องตามไปเมืองจักรพรรดิทะเลกับพวกเรา.”

ยวีจื่อฟางได้ยินคำพูดดังกล่าว,หัวใจที่ผ่อนคลายลง,กล่าวขอบคุณลู่อี้ผิง,ก่อนเร่งรีบจากไป,แม้นว่าลู่อี้ผิงจะเป็นยอดฝีมือทำเนียบเทพลำดับที่สิบ,ทว่าการตามลู่อี้ผิงเวลานี้เท่ากับล่วงเกินผู้คนทั้งทะเลหลวนซิง,ไม่คุ้มค่าอย่างชัดเจน.

ทะเลหลวนซิงนั้นไม่ใช่สุดยอดกลุ่มอิทธิพลอันดับสามของพิภพสวีกงเท่านั้น,ทว่าในพิภพทั้ง 17 ยังเป็นกลุ่มอิทธิพลใหญ่ที่สุดอันดับสี่อีกด้วย,ไท่จู่ทะเลหลวนซิงนั้นเป็นยอดฝีมือทำเนียบเทพลำดับที่หก.

ลู่อี้ผิงนำคนของเขามุ่งตรงไปยังเมืองจักรพรรดิทะเล,ที่ใจกลางเมืองนั้นมีจัตุรัสพื้นที่โล่งเป็นสนามประลองขนาดใหญ่.

ลานประลองขนาดใหญ่แห่งนี้ใช้จัดงานชุมนุมสี่ทะเลศักดิ์สิทธิ์,เป็นลานประลองเทียบฝีมือกันของผู้เยาว์ของกลุ่มอิทธิพลต่าง ๆ,ผู้ที่ชนะเลิศสามอันดับแรก,จะได้รับรางวัลมากมาย.

และยังมีการชี้แนะเปรียบฝึมือกันของเหล่าผู้เข้าร่วมงานชุมนุมครั้งนี้ด้วย.

พื้นที่แห่งหนึ่งข้อง ๆ สนามประลอง,เส้าจู่หอทะเลศักดิ์สิทธิ์,เห่าต้าที่โบกมือให้กับผู้ใต้บังคับบัญชาของเขา,ในเวลานั้นผู้ใต้บังคับบัญชาของเขาได้ลุกขึ้นบินออกไป,ร่อนลงที่ใจกลางสนามประลอง,ยอดฝีมือเผ่าจักรพรรดิทะเลที่กวาดตามองไปรอบ ๆ ก่อนที่จะไปหยุดที่คนของนิกายเลี่ยเฟิง.

“ได้ยินมาว่าเพลิงสีน้ำเงินของนิกายเลี่ยเฟิงนั้นแข็งแกร่งมาก,ผู้น้อยที่อ่อนด้อยต้องการขอคำแนะนำเป็นอย่างมาก,ไม่รู้ว่าจะสามารถเชิญยอดฝีมือนิกายเลี่ยเฟิงมาประลองฝีมือสักสองสามกระบวนได้หรือไม่?”ยอดฝีมือเผ่าจักรพรรดิทะเลเอ่ยอย่างภาคภูมิ.

ยอดฝีมือจากเผ่าต่าง ๆ ได้ยิน,ต่างก็จ้องมองไปยังนิกายเลี่ยเฟิงเป็นสายตาเดียวกัน.

หลายคนที่เต็มไปด้วยความสงสัย,เห็นชัดเจนว่ายอดฝีมือของเผ่าจักรพรรดิทะเลนั้นต้องการจัดการคนของนิกายเลี่ยเฟิงชัด ๆ,ไม่รู้ว่านิกายเลี่ยเฟิงไปล่วงเกินเผ่าจักรพรรดิทะเลอย่างงั้นรึ? หรือว่าล่วงเกินเพียงหอทะเลศักดิ์สิทธิ์?

เจ้าหอทะเลศักดิ์สิทธิ์จ้องมองไปยังบุตรชายเห่าต้า,ไม่ได้ขวางแต่อย่างใด,เขาเองก็ได้ยินมาว่าบุตรชายของเขาเห่าต้านั้นถูกผู้ใต้บังคับบัญชานิกายเลี่ยเฟิงตบมาเช่นกัน.

คนของนิกายเลี่ยเฟิงที่คาดไม่ถึงแม้แต่น้อย,จู่ ๆ คนของหอทะเลศักดิ์สิทธิ์กับก้าวออกมาท้าประลองพวกเขา,เจ้านิกายเลี่ยเฟิย,ยวีต้าเหว่ยที่ดูลังเลใจ”ทักษะของนิกายเลี่ยเฟิงของพวกเรานั้นหาได้ยอดเยี่ยมอะไร,จะไปกล้าเทียบกับคนของเผ่าจักรพรรดิทะเลได้อย่างไร,การประลองนี้ไม่มีความจำเป็นเลย.”

เห่าต้าได้ยินคำพูดดังกล่าว,ก็แค่นเสียง”มีปัญหาอะไร,นิกายเลี่ยเฟิงดูแคลนที่จะประลองกับเผ่าจักรพรรดิทะเลอย่างงั้นรึ? หมายความว่าพวกเจ้ากำลังดูแคลนเผ่าจักรพรรดิทะเลของพวกเรา?”

ยวีต้าเหว่ยที่ใบหน้าบิดเบี้ยว,นี่พวกเขาไปล่วงเกินเส้าจู่หอทะเลศักดิ์สิทธิ์ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน? ท้ายที่สุดเขาทำได้แค่ยิ้มเฝื่อน”ในเมื่อเป็นเช่นนั้น,นิกายเลี่ยเฟิงของข้า,ก็จะส่งคนออกไปประลองสักสองสามกระบวนท่าก็แล้วกัน.”เขาทำได้แค่ต้องยอมรับชะตาส่งคนของเขาออกไป.

ยอดฝีมือนิกายเลี่ยเฟิยที่เข้าใจ,จึงบินออกไป,ที่ใจกลางลาน.

อย่างไรก็ตาม,ขณะคนของนิกายเลี่ยเฟิงยังไม่ได้เตรียมตัวด้วยซ้ำ เมื่อร่อนลงบนพื้น,ยอดฝีมือของเผ่าจักรพรรดิทะเลที่ลงมือง้างหมัดต่อยออกมาทันที,หมัดที่ทะลวงหน้าอกทะลวงหัวใจยอดฝีมือนิกายเลี่ยเฟิงโดยที่ไม่ได้ทันตั้งตัวด้วยซ้ำ.

ยอดฝีมือนิกายเลี่ยเฟิงที่ดวงตาเบิกกว้างกลมโต,ไม่คาดคิดเลยแม้แต่น้อยว่าอีกฝ่ายจะโจมตีทะลวงหัวใจคนของพวกเขาโดยไม่ให้ตั้งตัว.

ยอดฝีมือเผ่าจักรพรรดิทะเลที่เผยยิ้มเยาะด้วยใบหน้าที่โหดเหี้ยม.