ตอนที่ 243

这是什么东西,怎么如此之巨大?(三更)

ตราประทับของเหมียวเจ๋อ,มีความสูงใหญ่กว่าร้อยจั้ง,ส่องแสงสีทองว่างจ้า,กฏอาณาจักรเทพที่ผสานกันหมุนวนกลั่นตราประทับขึ้นมา.

เมื่อตราประทับกำเนิด,สวรรค์และปฐพีรอบ ๆ ที่กำลังสั่นไปมาราวกับว่าไม่อาจทนแบกรับพลังมันได้.

ยอดฝีมือเทพโบราณจะต้องตระหนักรู้กฎอาณาจักรเทพ,จากนั้นก็ผสานตราประทับ,กฎอาณาจักรเทพนั้น,แต่ละคนจะตระหนักรู้กฏที่แตกต่างกันไป,แต่ละกฏมีทั้งแข็งแกร่งและอ่อนแอไม่เหมือนกัน,กฎอาณาจักรเทพยิ่งลึกล้ำก็ยิ่งแข็งแกร่ง,ตราประทับที่รวมตัวกันจะมีขนาดใหญ่ไม่เท่ากัน,ทว่ายิ่งตราประทับใหญ่โตเพียงใดก็ยิ่งบอกได้ว่าแข็งแกร่งมากขึ้นเท่านั้น.

เทพโบราณทั่วไป,เมื่อผสานตราประทับได้,จะมีขนาดเพียงแค่หลายสิบจั้ง,ส่วนเหมียวเจ๋อนั้นมีขนาดมากกว่า 100 จั้ง,ซึ่งเหนือกว่าเทพโบราณทั่วไป.

ภายใต้ตราประทับที่ส่องสว่างเจิดจ้า,เหมียวเจ๋อเหมือนกับเทพสงครามจากยุคโบราณ.

“ลู่อี้ผิง,ข้ารู้ว่าเจ้ารวมตระประทับได้แล้ว.”เหมียวเจ๋อเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชา”มีปัญหาอะไร,ไม่อัญเชิญตราประทับของเจ้าออกมา?”กล่าวจบเขาก็ต่อยไปยังทิศทางของลู่อี้ผิงทันที.

“หมัดเทพแห่งกาลเวลา!”

หมัดของเขาที่กลายเป็นลำแสงพุ่งออกไป.

เมื่อหมัดของเขาต่อยออกไป,ตราประทับบนศีรษะของเขาก็ส่องแสงสว่างเจิดจ้า,เร่งเร้าผสานเข้ากับพลังหมัดของเขา,ทำให้ห้วงมิติสั่นไปมา,พุ่งตรงไปยังขอบฟ้าไกลตรงไปหาลู่อี้ผิง.

เมื่อเหมียวเจ๋อโจมตีออกมา,หมัดเทพแห่งกาลเวลาทำให้ต้นไม้ใบหน้าบนเทือกเขาลูกดังกล่าวของนิกายเลี่ยเฟิงแห้งเหี่ยวลงทั้งหมด,เหมือนกับว่าถูกดูดกลืนอายุขัยไปจนสิ้น.

หมัดเทพแห่งกาลเวลาที่ขยายใหญ่ขึ้นจากตราประทับ,เป็นเหมือนกับเนินเขาลูกหนึ่งที่กำลังพุ่งเข้าหาลู่อี้ผิง.

วัวกระทิงมังกรเขาทองคำจ้องมองเหมียวเจ๋อที่ต้องการเห็นตราประทับลู่อี้ผิงได้แต่ส่ายหน้าไปมา”เหล่าทวยเทพทุกคนเมื่อได้เห็นตราประทับของจูเหรินข้า ล้วนแต่สิ้นหวังหมดอาลัยตายอยากท้อแท้ในชีวิตไปในทันที.”

ล้วนแต่สิ้นหวังหมดอาลัยตายอยากในชีวิตไปในทันทีอย่างงั้นรึ?ขณะที่เหมียวเจ๋อและคนอื่น ๆ กำลังสงสัย,ร่างกายของลู่อี้ผิงก็ส่องรัศมีแสงออกมา,ตราประทับลอยออกไป,เมื่อตราประทับของเขาปรากฏขึ้น,สวรรค์และปฐพีกลายเป็นมืดครึ้มในทันที.

เป็นตราประทับ,ที่ทุกคนแทบไม่อาจบรรยายออกมาเป็นคำพูดได้.

สัตว์เทวะคุนเผิงในมือของวัวกระทิงมังกรเขาทองคำที่ขยายใหญ่โตเท่ากับครึ่งหนึ่งของเทือกเขาเทวะคุนเผิง,ปกคลุมยอดเขาเกือบทั้งหมด,ทว่าตราประทับของลู่อี้ผิงนั้นใหญ่โตกว่าสัตว์เทวะคุนเผิงมาก.

สัตว์เทวะคุนเผิงเทียบกับตราประทับของลู่อี้ผิงนั้นกลายเป็นเล็กระจ้อยไปในทันที.

ส่วนตราประทับเหมียวเจ๋อที่มีขนาดร้อยจั้ง,เทียบไม่ได้กับสัตว์เทวะคุนเผิงด้วยซ้ำ,ไม่อาจนำมาเทียบได้แม้แต่เศษเสี้ยวของตราประทับลู่อี้ผิง.

ตราประทับของลู่อี้ผิงที่ราวกับว่าสวรรค์ไม่อาจแบกรับการคงอยู่ของมันได้.

กฎอาณาจักรเทพที่กำลังหลอมรวมสร้างเป็นตราประทับขึ้นมา.

กฎอาณาจักรเทพเหล่านี้,แต่ละเส้น,มีขนาดใหญ่เท่ากับมังกรยักษ์ยุคปฐมกาล.

รวมทั้งหมด 100 ล้านเส้น!

ส่วนตราประทับของเหมียวเจ๋อนั้นมีกฎอาณาจักรเทพขนาดเท่ากับข้อนิ้วมือเท่านั้น.

ตราประทับที่ตั้งตระหง่านท่ามกลางสวรรค์และปฐพี,ไม่เพียงแค่นิกายเลี่ยเฟิงเท่านั้น,แม้แต่เมืองอื่น ๆ รอบ ๆ พื้นที่ได้ถูกปกคลุมมืดไปหมด,จนทำให้ยอดฝีมือมากมายปรากฏขึ้น,จ้องมองขึ้นบนท้องฟ้า.

“นี่มันอะไรกันนี่,ทำไมถึงได้ใหญ่โตขนาดนี้กัน?!”

“มังกรยักษ์ต้นกำเนิดยุคปฐมกาลอย่างงั้นรึ?!”

เหล่าผู้ฝึกตนนิกายเลี่ยเฟิงที่อ้าปากค้างจ้องมองตราประทับของลู่อี้ผิง,กลายเป็นไก่ไม้ไป,พวกเขาได้แต่อุทาน,ในโลกนี้มีตราประทับใหญ่โตขนาดนี้เลยรึ?

เหมียวเจ๋อที่ต้องเบิกตากว้าง,ไม่อยากเชื่อภาพที่ปรากฏขึ้นนี้,ราวกับว่ากำลังฝันไป.

เขาที่เคยเดินทางไปพิภพต่าง ๆ ,อาณาเขตดวงดาวหลายแห่ง,พบเห็นตราประทับของเทพโบราณไม่น้อย,แม้แต่ตระกูลใหญ่ที่คงอยู่มาจากยุคบรรพกาล,เหล่าอสุรกายพรสวรรค์นับไม่ถ้วน,แต่กับไม่เคยเห็นตราประทับที่ใหญ่โตเพียงนี้มาก่อน.

ไม่ต้องเอ่ยว่ามีขนาดกี่จั้ง,ต้องเอ่ยถามว่ามีขนาดกี่ลี้มากกว่า? หลายหมื่นลี้? หนึ่งแสน? หลายแสนลี้?

นอกจากนี้ตราประทับของลู่อี้ผิง,มีกฎอาณาจักรเทพถึง 100 เส้น!

ตราประทับของเทพโบราณแต่ละคนนั้น,มีกฏอาณาจักรเทพได้ไม่เกินสิบล้านเส้นเท่านั้น.

เพราะสิบล้านเส้นกฎอาณาจักรเทพ คือขีดจำกัดที่สวรรค์ได้กำหนดมาแล้ว.

แต่ลู่อี้ผิงกับทะลวงเกินขนาด,เกินกฎเกณฑ์สวรรค์ที่สวรรค์ไปมาก จนไม่อาจบรรยายได้.

เหมียวเจ๋อเข้าใจแล้ว,เข้าใจถึงความสิ้นหวังที่วัวกระทิงมังกรเขาทองคำเอ่ยก่อนหน้านี้.

เมื่อตราประทับของลู่อี้ผิงปรากฏขึ้น,หมัดเทพแห่งกาลเวลาขนาดเท่าภูเขาของเหมียวเจ๋อที่หยุดลงในทันที.

ลู่อี้ผิงยังไม่ได้กระตุ้นพลังของตราประทับด้วยซ้ำ,ทว่ากลิ่นอายของมันก็ทำให้พลังหมัดของเหมียวเจ๋อหยุดลงไปแล้ว.

ขณะจ้องมองหมัดของเหมียวเจ๋อที่หยุดนิ่งไม่ขยับ,ลู่อี้ผิงต่อยหมัดออกไปเช่นกัน,ตราประทับของเขาที่สั่นไปมา,พลังอำนาจที่ไหลมารวมตัวกันเป็นหมัดลำแสงพุ่งออกไป.

หมัดใหญ่ยักษ์ของเหมียวเจ๋อที่ระเบิดหายไป,ลำแสงสีทองที่กวาดม้วนท้องฟ้า,ตรงไปยังด้านหน้าเหมียวเจ๋อ.

เห็นหมัดที่ลอยมาด้านหน้า,ยอดฝีมือทำเนียบเทพลำดับสอง เหมียวเจ๋อกลายเป็นสิ้นหวังไปในทันที.

ร่างของเหมียวเจ๋อที่ลอยกระเด็น,กระแทกยอดเขาของนิกายเลี่ยเฟิงอีกครั้ง,ลากครูดเป็นคูครองแผ่นดินแยกกำเนิดหน้าผากสูงชันขึ้น.

เหมียวเจ๋อที่นอนจมอยู่ในเหวลึก,พลังชีวิตที่แห้งเหือดสลายหายไป,เขาที่จ้องมองท้องฟ้า,เห็นดวงตะวัน,จิตใจของเขาที่คิดถึงมารชราแห่งการเวลาขึ้นมา.

“อาจารย์.”เสียงของเขาดังแหบสั่นเครือ.

ลู่อี้ผิงที่ก้าวเข้ามาลอยอยู่บนท้องฟ้าจ้องมองเหมียวเจ๋อ.

เหมียวเจ๋อจ้องมองลู่อี้ผิง,เอ่ยปากอย่างยากลำบาก,”ทำไมเจ้าสามารถใช้หมัดเทวะแห่งกาลเวลาส่วนสุดท้ายได้?”

ลู่อี้ผิงเอ่ยกล่าวอย่างไม่แยแส.”เพราะหมัดเทวะแห่งกาลเวลาของอาจารย์เจ้า,ข้าเป็นคนสอน.”

เหมียวเจ๋อที่ดวงตาเบิกกว้าง,ก่อนที่จะ กลายเป็นปลดปลง,เป็นเช่นนี้นะเอง.

ก่อนหน้านี้,เขาได้คาดเดาเอาไว้,เขาคิดว่าลู่อี้ผิงเป็นศิษย์คนหนึ่งของมารเฒ่าแห่งกาลเวลา.

เหมียวเจ๋อที่ดวงตาค่อย ๆ หลับลงช้า ๆ.

วัวกระทิงมังกรเขาทองคำและพวกเห่ยเซี่ยปรากฏขึ้นที่ด้านหลัง.

“ฝัง.”ลู่อี้ผิงเอ่ยต่อฉื่อเย่.

“ขอรับ,”ฉื่อเยว่เอ่ยตอบรับด้วยความเคารพ.

ในคืนนั้น.

ลู่อี้ผิงที่ยืนอยู่ในสวนขนาดใหญ่ที่พักที่นิกายเลี่ยเฟิงเตรียมเอาไว้ให้,นำเทือกเขาปู้โจวออกมาพร้อมกับรดน้ำพุแห่งชีวิต,หลังจากผสานศิลาปู้โจวสูง 20 เมตรที่ได้จากทะเลลาวา,เวลานี้เทือกเขาปู้โจวก็สูงหกสิบเมตรแล้ว.

นอกจากนี้เทือกเขาปู้โจวเองก็เปลี่ยนแปลงไปเล็กน้อย,เริ่มปรากฏอักขระมหาเต๋าแห่งแสงขึ้น,เหมือนกับเจี้ยนมู่ที่มีสัญลักษณ์มหาเต๋าวายุนั่นเอง.

เห็นสัญลักษณ์มหาเต๋า,ทำให้หัวใจของลู่อี้ผิงสั่นไปมา,เทือกเขาปู้โจวเองเป็นไปได้ว่ามีวิชาบ่มเพาะระดับเปิดสวรรค์อยู่ด้วยงั้นรึ?

เจี้ยนมู่เมื่อเติบโตสูง 300 เมตร,วิชาบ่มเพาะระดับเปิดสวรรค์ได้ปรากฏขึ้น,เทือกเขาปู้โจวเมื่อสูง 300 เมตร เป็นไปได้ว่า อาจจะปรากฏวิชาบ่มเพาะขึ้นหรือไม่?

หลังจากที่รดน้ำพุแห่งชีวิตไปสองชาม,เถาวัลย์น้ำเต้าเจ็ดสีก็ส่องประกายแสง,น้ำเต้าทองม่วงที่โตขึ้นเล็กน้อย.

ด้วยความเร็วจากการรดน้ำพุแห่งชีวิตสองชามต่อวัน,น้ำเต้าทองม่วงจากนี้หนึ่งปีควรจะเติบใหญ่พอเก็บเกี่ยว.

เกี่ยวกับน้ำเต้าทองม่วง,ลู่อี้ผิง รู้สึกคาดหวังเป็นอย่างมาก.

เถาวัลย์น้ำเต้าเจ็ดสีเป็นหนึ่งในสิบรากมหาวิญญาณก่อเกิด,น้ำเต้าทองม่วงที่เติบโตขึ้นไม่ควรจะเป็นน้ำเต้าทั่วไป.

หลังจากเก็บเทือกเขาปู้โจว,ลู่อี้ผิงและวัวกระทิงมังกรเขาทองคำก็นั่งสมาธิใต้ต้นเจี้ยนมู่,เริ่มตระหนักรู้มหาเต๋าจากหยกเจาหัวและวิชาลับพฤกษาสวรรค์มิเสื่อมคลาย.

ด้วยวิชาดังกล่าว,ร่างกายของลู่อี้ผิงเริ่มที่จะเป็นเหมือนกับเปลือกเจี้ยนมู่แล้ว,หากมองแต่ไกลลู่อี้ผิง เวลานี้แทบจะกลายร่างเป็นเจี้ยนมู่ไปแล้ว.

ส่วนวัวกระทิงมังกรเขาทองคำที่แผ่ปราณมังกรส่องสว่างเจิดจ้ามีสายฟ้าแล่นไปทั่ว,ร่างกายของเขามีปราณมังกรเทวะหมุนวน,แม้แต่เริ่มมีเค้าลางของเงาเทพสายฟ้าขึ้นเรื่อ ๆ แล้ว.