ตอนที่ 240

开天级功法(四更)

มากว่า 90 ท่อน!

ลู่อี้ผิงที่อดไม่ได้ที่ต้องเผยความดีใจออกมา,หลังจากสอบถามอีกสองสามคำถาม,วัวกระทิงมังกรเขาทองคำก็โยนฝ่ายตรงข้ามให้อสูรเทวะคุนเผิงกินเข้าไป.

ก่อนหน้านี้อสูรเทวะคุนเผิงกินยอดฝีมือไปสองคน,ทำให้ผิวของมันส่องสว่างมันเงามากขึ้น,และกลิ่นอายยังแข็งแกร่งขึ้นมากด้วย.

ลู่อี้ผิงที่ก้าวตรงไปยังชิ้นส่วนเจี้ยนมู่ที่ยอดฝีมือเผ่าจือจีต้องการจะเก็บไป.

ชิ้นส่วนเจี้ยนมู่ชิ้นนี้,ยอดฝีมือทั้งสี่ของเผ่าปิศาจจื่อจี ได้ใช้พลังทั้งหมดดึงขึ้นมา,ทว่าไม่ง่ายเลยที่จะเคลื่อนที่มัน,เห็นชัดเจนว่ามันมีขนาดใหญ่มาก.

ลู่อี้ผิงทำการตรวจสอบ,ชิ้นส่วนของเจี้ยนมู่ที่ถูกดึงขึ้นมาจากใต้ทะเลลาวา,เมื่อมันผุดออกมา,มันมีความยาวถึง 13 เมตร.

“โอ้วสวรรค์!”วัวกระทิงมังกรเขาทองคำที่เห็นท่อนไม้ดังกล่าวก็อุทานเสียงดัง”นี่มันชิ้นใหญ่ไม่น้อยเลย.”

นับตั้งแต่พบชิ้นส่วนเจี้ยนมู่มามากมาย,แต่กับไม่เคยพบชิ้นใหญ่ขนาดนี้มาก่อน.

ลู่อี้ผิงที่นำเจี้ยนมู่ชิ้นดังกล่าวเข้าไปในหม้อจักรวาล,เพื่อให้ต้นเจี้ยนมู่ผสานต่อไป.

หลังจากที่ผสานเจี้ยนมู่ 13 เมตรเสร็จเรียบร้อยแล้ว.

เพราะว่าชิ้นส่วนของเจี้ยนมู่ชิ้นนี้ใหญ่ถึง 13 เมตร,เจี้ยนมู่เติบโตขึ้นถึง 4.5 เมตร.

แม้นว่าจะเติบโตขึ้น 4.5 เมตร,ทว่าก็ยังไม่พอให้สัญลักษณ์บนต้นไม้ชัดเจน.

หลังจากนั้นไม่นาน.

ลู่อี้ผิงและวัวกระทิงมังกรเขาทองคำที่ค้นไปทั่วทุกซอกมุมของลาวา.

หลังจากผสานกับชิ้นส่วนเจี้ยนมู่ที่พบทั้งหมด,ต้นเจี้ยนมู่ก็เติบโตสูงกว่า 220 เมตรแล้ว.

หลังจากไม่พบชิ้นส่วนเจี้ยนมู่แล้ว,ลูอี้ผิงและวัวกระทิงมังกรเขาทองคำก็ออกจากทะเลลาวา.

อย่างไรก็ตาม,ลู่อี้ผิงยังไม่ได้ออกจากแดนชำระโม่เหอทันที,ยังคงสำรวจพื้นที่อื่น ๆ,เพื่อตรวจสอบว่าสถานที่บริเวณอื่นนั้นมีชิ้นส่วนของเจี้ยนมู่หรือไม่?

หลังจากค้นหาอยู่นานก็พบอีกชิ้นหนึ่ง.

ทว่ามีเพียงแค่ชิ้นเดียวเท่านั้น,หลังจากค้นอย่างระเอียดแล้ว,ลู่อี้ผิงและวัวกระทิงมังกรเขาทองคำก็ออกจากแดนชำระโม่เหอ.

เมื่อพวกลู่อี้ผิงเพิ่งออกมา,ก็มียอดฝีมือเผ่าโม่เหออี้ปรากฏขึ้น.

“จินเหยาโปสหพันธ์เจิ้นจิ้นนี้มันขยะจริง ๆ,ให้เขาช่วยข้าหาวารีดารา 120 หยด ก็หาไม่ได้.”สตรีที่งดงามพริ้งพราวเอ่ยด้วยท่าทางอารมณ์ไม่ค่อยดีนัก”ข้าให้เจ้า ช่วยข้าค้นหาว่าลู่อี้ผิงอยู่ที่ใหน,เจ้าได้ความว่าอย่างไร?”

ยอดฝีมือเผ่าโม่เหออีเร่งรีบเอ่ย”กงจูสอง,พวกเราได้ให้กองกำลังต่าง ๆ ค้นหาลู่อี้ผิงแล้ว,หลังจากลู่อี้ผิงออกจากเมืองตระกูลซู่,ก็หายไปไร้ร่องรอย.”

“ทว่า,ไม่ใช่แค่พวกเราที่กำลังหาลู่อี้ผิง,เผ่าทะเล,ทะเลหลวนซิงเองก็กำลังค้นหาลู่อี้ผิงเช่นกัน,ได้ยินมาว่าผู้สืบทอดมารชราแห่งกาลเวลา,ท่านเหมียวเจ๋อต้องการค้นหาลู่อี้ผิงเช่นกัน.”

เหมียวเจ๋อ,ยอดฝีมือทำเนียบเทพลำดับที่สอง.

“เหมียวเจ๋อกำลังค้นหาลู่อี้ผิงอย่างงั้นรึ?”กงจูสองเผ่าโม่เหออี้เผยความประหลาดใจออกมา.

“ขอรับ,ในงานชุมนุมสี่ทะเลศักดิ์สิทธิ์นั้น,ลู่อี้ผิงได้ใช้ทักษะหมัดเทวะแห่งกาลเวลาจัดการกับจ้าวหอทะเลศักดิ์สิทธิ์เห่าเต๋อจนพลังชีวิตหายไปจนหมด,คาดว่าน่าจะเป็นทักษะส่วนสุดท้ายของหมัดเทวะแห่งกาลเวลา”ยอดฝีมือเผ่าโม่เหออีเอ่ย”ท่านเหมียวเจ๋อจึงต้องการค้นหาลู่อี้ผิง,เพื่อที่จะชิงทักษะหมัดเทวะแห่งกาลเวลาส่วนสุดท้ายดังกล่าวมา.”

“ได้ยินมาว่าในอดีต,มารเฒ่าแห่งการเวลานั้นไม่ได้ส่งต่อทักษะส่วนสุดท้ายของหมัดเทวะแห่งกาลเวลาให้กับเขา.”

กงจู่สองเผ่าโม่เหออีเอ่ย”เทพแห่งทะเลยังไม่ตายอีกอย่างงั้นรึ?”

จากที่ไกลออกมา,วัวกระทิงมังกรเขาทองคำที่ได้ยินคำพูดของคนเผ่าโม่เหออี,ก็เอ่ยออกมาว่า”ศิษย์เจ้าหนู เถิงเจี่ยต้องการค้นหาความลับส่วนสุดท้ายของหมัดเทวะแห่งการเวลากับจู่เหริน,ช่างไม่รู้จักไตร่ตรองเลยจริง ๆ!”

มารเฒ่าแห่งกาลเวลามีนามว่าเถิงเจี่ยนั่นเอง.

“เผ่าทะเลค้นหาจูเหริน,ดูเหมือนว่าจะต้องการแก้แค้น?”วัวกระทิงมังกรเขาทองคำเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชา.

“ไปยังเทือกเขาเห่ยเสวี๋ยก่อน.”ลู่อี้ผิงเอ่ย.

ทั้งสองที่บินตัดอากาศ,หายลับของฟ้าไปในทันที.

เทือกเขาเห่ยเสวี๋ย,อยู่ทางทิศเหนือของพิภพสวีกง,เป็นสถานที่มีหิมะสวีดำทมิฬปกคลุมตลอดปี,อากาศหนาวจัด,ดังนั้นจึงมีคนเข้าไปน้อยมาก.

เมื่อลู่อี้ผิงและวัวกระทิงมังกรเขาทองคำไปถึงเทือกเขาเห่ยเสวี๋ย,บรรยากาศรอบ ๆ ได้กลายเป็นมืดครึ้มและยังเป็นเวลากลางคืน,ทำให้หิมะสีดำที่กำลังตกหนาแน่นรุนแรงกว่าเดิม.

จ้องมองแต่ไกล,จะพบว่าในพื้นที่เทือกเขาเห่ยเสวี๋ยนั้นมืดครึ้มดำทมิฬ.

ภายในเทือกเขาเห่ยเสวี๋ยนั้น,น้อยครั้งที่จะเห็นต้นไม้ใบหญ้า,สภาพแวดล้อมเลวร้ายเป็นอย่างมากจนไม่มีพืชพรรณใด ๆ มีชีวิตอยู่.

ลู่อี้ผิงที่รับรู้ทิศทาง,บินตรงยังทิศทางหนึ่ง.

เทือกเขาเห่ยเสวี๋ยนั้นกว้างขวางมาก,พื้นที่เรียบโลน,เต็มไปด้วยหิมะสีดำทมิฬ แม้แต่สัตว์อสูรยังไม่มีให้เห็น.

“สถานที่บัดซบเช่นนี้,หากเป็นข้าแม้แต่วันเดียวก็ไม่อยากอยู่.”วัวกระทิงมังกรเขาทองคำได้แต่ส่ายหน้าไปมา,เขาที่เหมือนกับดวงตะวันที่เฉิดฉาย,ชอบที่อยู่ในพื้นที่มีแสงสว่างสาดส่อง,ไม่ชอบพื้นที่มืดมิดและเย็นยะเยือกแม้แต่น้อย.

ก่อนที่จะมาถึงยอดเขาแห่งหนึ่ง,ลู่อี้ผิงที่หยุดและต่อยออกไปทันที.

ตูมมมมม

เกิดระเบิดเสียงดังกึกก้อง,ยอดเขาดังกล่าวพังทลายลงในทันที.

ด้านล่างเทือกเขา,ปรากฏร่างหลายร่างที่บินขึ้นมา,ทันใดนั้นปราณทมิฬก็พวยพุ่งทะยานสูงเสียดฟ้า.

แต่ละร่าง,มีกลิ่นอายที่น่าอัศจรรย์ใจ,ทุกคนล้วนแต่เป็นเทพโบราณกันทั้งหมด.

เทพโบราณ 20 กว่าคน.

ยอดฝีมือเผ่าจื่อจีที่จ้องมองด้วยความประหลาดใจ,เขาพบว่าวัวกระทิงมังกรเขาทองคำที่นำปลาน้อยออกมาพร้อมกับเหวี่ยงฟาดไปยังยอดฝีมือเผ่าปิศาจจื่อจีอย่างรวดเร็ว.

“ตูมมมม!”

“คนที่สอง!”

...

วัวกระทิงมังกรเขาทองคำที่หวดออกไปไม่หยุด.

26 เทพโบราณถูกฟาดลอยกระเด็น,แต่ละร่างที่กระแทกยอดเขาร่างกายแตกระเบิดเป็นลูกแตงโมถูกทุบ.

ไม่มีใครสามารถต้านทานได้เลยแม้แต่คนเดียว.

ลู่อี้ผิงที่ร่อนลงพื้น,เห็นเพียงพื้นที่ใต้ดินปรากฏหลุมขนาดใหญ่,หลังจากเข้าไป ด้านในนั้นเป็นมิติแยก,มิติดังกล่าวมีแสงที่ส่องสว่างงดงาม,เป็นพื้นที่ราบที่กว้างขวาง.

บนพื้นที่ราบนั้น,มีวัตถุดิบต่าง ๆ มากมาย,ทั้งวัสดุหลอมอาวุธ,หลอมเม็ดยา,และยังมีเรือเหาะที่เพิ่งหลอมเสร็จอีกด้วย.

นอกจากนี้บนพื้นที่ราบ,ยังมีตำหนักสิบแห่ง,แต่ละแห่งนั้นเป็นเรือนที่พักเพื่อบ่มเพาะของยอดฝีมือเผ่าปิศาจจือจี.

“เจ้าพวกนี่เก็บสะสมได้มากจริง ๆ.”วัวกระทิงมังกรเขาทองคำเผยยิ้ม.

ท้ายที่สุด,ลู่อี้ผิงก็พบตำหนักที่เก็บเจี้ยนมู่.

เป็นไปตามที่ยอดฝีมือเผ่าปิศาจจื่อจีก่อนหน้านี้เอ่ย,มีชิ้นส่วนเจี้ยนมู่กว่า 90 ชิ้น,แต่ละชิ้นค่อนข้างใหญ่,เล็กสุด 1-2 เมตร,ใหญ่สุด 7-8 เมตร.

ลู่อี้ผิงที่เห็นเจียนมู่ที่ถูกวางเรียงรายเต็มตำหนัก,เขาก็เริ่มผสานชิ้นส่วนเจี้ยนมู่ดังกล่าวทันที.

ตอนนี้เจี้ยนมู่ของเขาสูงกว่า 220 เมตร,หลังจากผสานทั้งหมดในห้องโถงแห่งนี้,ควรจะสูงเกิน 300 เมตร.

เมื่อสู่สามร้อยเมตร,วิชาบ่มเพาะจากเจี้ยนมู่ก็ควรจะสมบูรณ์.

หลังจากต้นเจี้ยนมู่ผสานชิ้นส่วนต่าง ๆ เขามา,มันก็เติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว.

230 เมตร, 240, 250......

ท้ายที่สุด,ก็เติบโตสูงกว่า 290 เมตรแล้ว.

เมื่อผสานชิ้นส่วนสุดท้าย,เจี้ยนมู่ก็สูงเลย 300 เมตรในที่สุด,ในเวลานี้มันเปล่งรัศมีแสงที่รุนแรงออกมา,ลมปราณปฐมกาลฮุ่นตุ้นที่เทกระหน่ำราวกับน้ำตก,ทำให้พื้นที่รอบ ๆ สั่นไปมา,ริ้วแสงมากมายที่ส่องแสงวับวาวเจิดจ้า,สัญลักษณ์บนใบของมันราวกับว่ามีชีวิต.

สัญลักษณ์วายุที่จ้องมองเห็นแต่ไกล,อักขระรวมตัวขึ้นบนกิ่งก้านของมัน.

ท้ายที่สุดวิชาบ่มเพาะก็ปรากฏออกมา.

ลู่อี้ผิง,เริ่มตรวจสอบอ่านอักขระดังกล่าว,อย่างระมัดระวัง.