ตอนที่ 217

到时寿宴上,你们谁都不许出手(二更)

อย่างไรก็ตาม,เฉาหัวไม่กล้าเอ่ยอะไรออกมา,ก่อนที่จะบินตัดอากาศจากไป.

อ้ายอี้เสวียนจ้องมองเฉาหัวที่บินจากไป,พร้อมกับฝืนยิ้มออกมา.

ที่จริงตั้งแต่เฉาหัวนำบัตรเชิญมาก่อนหน้านี้,เขาก็พอจะคาดเดาผลทั้งหมดได้แล้ว.

เฉาหัวจากไป,ลู่อี้ผิงหาได้สนใจ,ยังคงตระหนักรู้หยกเจาหัวและวิชาลับอมตะต่อ.

เช้าวันถัดมา,ลู่อี้ผิงและวัวกระทิงมังกรเขาทองคำได้ออกจากแดนศักดิ์สิทธิ์เทียนหลง,มุ่งตรงสู่เมืองร้างภายในแดนปิศาจโบราณ,ตามที่ได้รับข้อมูลจากวังถามสวรรค์เพื่อสืบหาร่องรอยของโหลวสุ่ย.

หลังจากค้นหาอยู่พักหนึ่ง,แต่กับไม่พบสิ่งใด.

ท้ายที่สุด,ลู่อี้ผิงจึงได้จากไปอย่างผิดหวัง.

หลังจากจากไปแล้ว,ลู่อี้ผิงและวัวกระทิงมังกรเขาทองคำก็เดินทางไปยังวังถามสวรรค์อีกครั้ง,ได้จ้างวางให้อีกฝ่ายค้นหาศิลาสีเงินต่อ.

วังตามสวรรค์ที่รับคำขอดังกล่าวเอาไว้.

หลังจากนั้น,ลู่อี้ผิงและวัวกระทิงมังกรเขาทองคำก็ผ่านช่องมิติแดนเทวะ,ออกจากพิภพเหิงหยวน,มุ่งตรงสู่ทะเลดารา.

ระหว่างพิภพนั้น,จะมีทะเลดาราที่กว้างใหญ่ไพศาล.

ลู่อี้ผิงจ้องมองแม่น้ำดาราที่อ้างว้าง,สาตาของเขาที่กวาดตามอง,เห็นเพียงความว่างเปล่าที่กว้างใหญ่สุดลูกหูลูกตา,ดูเหงาหงอย,มีเสียงของสายลม,พายุดาราที่โบกเป่ารุนแรง.

แม่น้ำดาราที่กว้างใหญ่ไพศาล,ไม่เพียงแค่มีพายุดารา,ยังปรากฏสัตว์ร้ายใหญ่ยักษ์ปรากฏขึ้นเป็นระยะ ๆด้วย.

ดังนั้น,การข้ามแม่น้ำดารานั้น,หากไม่มีความแข็งแกร่งเพียงพอ,ก็ไม่ต่างจากการฆ่าตัวตาย.

กล่าวตามตรง,มีเพียงแค่ยอดฝีมือที่เหนือกว่าจ้าวพิภพเท่านั้น,ถึงจะกล้าข้ามแม่น้ำดารา.

เป็นครั้งคราว,จะมีเทพสวรรค์ขั้นปลายท้าย,ที่สามารถข้ามแม้น้ำดาราได้,ทว่า,อันตรายที่ซ่อนไว้นั้นสูงมาก,เทพสวรรค์ขั้นปลายท้ายที่ข้ามแม่น้ำดารา,มีความเป็นไปได้ที่จะตกตายสูงมาก.

“มองดูแม่น้ำดาราแล้ว.”วัวกระทิงมังกรเขาทองคำ ถอนหายใจยาว”กว้างใหญ่,ว่างเปล่า,ลึกล้ำ,ไม่อาจคาดเดา.”และต่อท้ายด้วย”เหมือนจิตใจสตรี.”

เห่ยเซี่ย,หลงกู่,ฉื่อเยว่,ปาเต๋า ทั้งสี่ที่ตะลึงไปตาม ๆ กัน.

ลู่อี้ผิงนำเรือเหาะออกมา.

เรือเหาะ,มีความยาวหนึ่งพันจั้ง,ลำตัวเป็นสีดำสนิท,ที่ด้านข้างมีลวดลายของมังกรทมิฬยักษ์สลักอยู่,มันใหญ่โตแทบจะประทับจากต้นไปจนถึงปลายเรือ.

นี่คือยานเหาะเผ่ามังกรทมิฬยุคโบราณนั่นเอง.

“ไป.”ลู่อี้ผิงที่กระโดดขึ้นไปบนเรือเหาะ,พวกเห่ยเซี่ยทั้งสี่ที่ชงัก,ก่อนที่จะกระโดดขึ้นตามหลังวัวกระทิงมังกรเขาทองคำไป.

ลู่อี้ผิงที่นำชีพจรวิญญาณเสวียนเทียนออกมา,ก่อนที่จะใส่เข้าไปในตาค่ายกล,เมื่อกระตุ้นเปิดใช้งาน,ทันใดนั้น,เรือเหาะก็เปล่งรัศมีแสงสีดำปกคลุมลำเรือ,พร้อมกับบินตัดอากาศออกไป.

ความเร็วที่มากมายมหาศาล,ทำให้พวกเห่ยเซี่ยทั้งสี่ตะลึงไปตาม ๆ กัน.

เมื่อพบพายุดารา,เรือเหาะดังกล่าวไม่จำเป็นต้องหลบแม้แต่น้อย,มันพุ่งทะลวงผ่านด้วยพลังที่แข็งแกร่งน่าเกรงขาม.

เกิดเสียงระเบิดติดต่อกัน,ฉีกสะบั้นพายุให้แหลกเป็นเสี่ยง ๆ,พายุดาราที่แม้แต่จ้าวพิภพขั้นปลายท้าย,หรือแม้แต่ผู้บัญชาภพขั้นต้นยังได้รับบาดเจ็บไม่อาจสั่นคลอนมันได้ กับพังทลายลงอย่างง่ายดาย.

บนยานเหาะ,เห่ยเซี่ยและพวกทั้งสี่ที่ยืนมองพายุดาราที่หายไปลุกแล้วลูกเล่า,ด้วยความหวั่นเกรง.

เรือเหาะลำนี้เป็นสมบัติจิตวิญญาณสวรรค์ขั้นสูงอย่างงั้นรึ?

ไม่นานหลังจากนั้น,บนแม่น้ำดาราก็มีหมอกสีขาวมากมายที่ด้านหน้า,พวกเห่ยเซี่ยสามารถมองเห็นได้,หมอกแม่น้ำดารานี้,แม้แต่จ้าวพิภพหรือผู้บัญชาภพสามารถกลายเป็นรูปปั้นน้ำแข็งแทบจะทันที.

ทว่า,ยานเหาะลำนี้กับพุ่งผ่านได้อย่างง่ายดาย.

ขณะเรือเหาะพุ่งทะลวงทุกสิ่งทุกอย่าง,แม้แต่พื้นที่หมอกรัศมีหลายหมื่นลี้ยังไม่ส่งผลอะไร,ช่างเป็นเรื่องที่น่าอัศจรรย์ใจเป็นอย่างมาก.

เรือเหาะที่ผ่านพื้นที่หมอกน้ำแข็งไปอย่างง่าย ๆสบาย ๆ.

ขณะที่พวกลู่อี้ผิงบังคับเรือเหาะมุ่งสู่พิภพจิ่วซิง,เวลานั้นเฉาหัวก็กลับมาแล้ว,เวลานี้คุกเข่าอยู่ในตำหนักจิ่วซิง,บรรยากาศดูน่าอึดอัดแทบไม่กล้าหายใจแรง.

คนที่ยืนอยู่ด้านหน้าของเขา,เป็นบุรุษที่น่าเกรงขาม,สวมชุดที่โอ่อ่าหรูหรามีดวงดาราเก้าดวงประดับอยู่,ร่างกายแผ่คลื่นอำนาจดาราราวกับคลื่นในทะเล,ดั่งผู้ปกครองของทะเลดวงดาว.

ทำเนียบเทพลำดับ 14!

จ้าวจิ่วซิง,หยวนเจี่ยหง!

แม้นว่าหยวนเจี่ยหงจะยังไปไม่ถึงทำเนียบสิบอันดับ,ทว่าต่อให้เป็นหนึ่งในสิบอันดับก็ไม่กล้าท้าทายหยวนเจี่ยหง,เพราะว่าเบื้องหลังของหยวนเจี่ยหงนั้นลึกล้ำเกินหยั่ง.

หยวนเจี่ยหงที่ยืนมือขัดหลัง,ใบหน้าไม่ได้มีความโกรธใด ๆ,แววตาที่ลึกล้ำจดจ้องมองไปยังขอบฟ้า”เจ้าบอกว่าลู่อี้ผิงไม่เพียงแค่ไม่รับบัตรเชิญของข้า,ทว่ายังให้ลิ่วล่อของตัวเองเหยียบทำลายบัตรเชิญของข้าด้วยอย่างงั้นรึ?”

เฉาหัวที่ก้มหน้า,เอ่ยออกมาอย่างลึกล้ำ,”เรียนต้าเหริน,ผู้น้อยไม่กล้าโกหกแม้แต่คำเดียว,นอกจากนี้เขายังเอ่ยว่าหากต้าเหรินกล้าเข้ามาจัดการเรื่องแดนศักดิ์สิทธิ์เจิ้นยวีอีก,เมื่อถึงเวลางานวันเกิด,เขาจะมาเด็ดหัวต้าเหรินในวันนั้น.”

ในเวลานั้นแววตาของหยวนเจี่ยหงที่กลายเป็นประกายดาบแลบขึ้นมาทันที.

เขาส่ายหน้าไปมา,เอ่ยออกไปว่า”ทุกวันนี้,เหล่าคนรุ่นหลังช่างโอหังและโง่งมยิ่งนัก,ในอดีตซ่งอี้บอกว่า ต้องการกุดหัวข้า,สุดท้าย,แม้แต่หมัดเดียวก็ไม่อาจรับได้.”

“ไม่เพียงไม่อาจรับได้,แม้แต่ร่างกายยังถูกอสูรยักษ์ซิงกงของข้ากินจนเกลี้ยง.”

ซ่งอี้ยอดฝีมือทำเนียบเทพลำดับ 33 ที่เคยท้าทายหยวนเจี่ยหงในอดีตนั่นเอง.

ในเวลานั้น,ผู้เยาว์คนหนึ่งที่สวมชุดโอ่อ่า,เอ่ยปากออกมา”ต้าเหริน,ต้องการให้ข้าไปยังโลกเทวะสั่งสอนลู่อี้ผิงหรือไม่?”

ผู้เยาว์คนนี้,คือผู้ใต้บังคับบัญชาของหยวนเจี่ยหง,หลินอี้ตง,ยอดฝีมือทำเนียบเทพลำดับที่ 57.

หยวนเจี่ยหงที่โบกมือไปมา,เอ่ยออกไปว่า”เรื่องเล็กน้อยเกินกว่าจะพูดถึง,ให้เขาได้ตื่นเต้นดีใจกับการที่คิดว่าสังหารฟู่ซ่างเซิงได้แล้ว,มีคุณสมบัติท้าทายข้า,ให้มันมีเวลาโอหังสักหน่อย! ไว้ถึงงานวันเกิดข้า,ให้มันเข้ามา,ข้าจะเด็ดหัวของมันด้วยตัวเอง.”

หลินอี้ตงพยักหน้ารับ.

หยวนเจี่ยหงเปลี่ยนหัวข้อไป,เอ่ยสอบถาม”คนของเกาะเซียนกง,และคนของทะเลหลวนซิง,มาถึงรึยัง?”

เกาะเซียนกง,เป็นกลุ่มอิทธิพลอันดับสองของพิภพสวีกง,รองจากเผ่าโม่เหออี,ส่วนทะเลซิงหลวน,เป็นกลุ่มอิทธิพลอันดับสามของพิภพซิงกง.

งานวันเกิดของเขาครั้งนี้,ได้เชิญยอดฝีมือเกาะสวีกงและทะเลซิงหลวนมาด้วย.

“ควรใกล้ถึงแล้ว,น่าจะใช้เวลามากสุดสามวัน.”หลินอี้ตงเอ่ยตอบ.

“อืม,ถึงเวลานั้นเจ้าต้องออกไปต้อนรับ,อย่าให้ขายหน้าเด็ดขาด.”หยวนเจี่ยหงเอ่ย.

เมืองจิ่วซิงที่กำลังเตรียมงานวันเกิดของจ้าวจิ่วซิง,หยวนเจี่ยหงอย่างขะมักเขม้น,บนท้องฟ้าทิศเหนือของพิภพจิ่วซิง,ทันใดนั้นก็กลายเป็นมืดครึ้มขึ้นมา,จากนั้นเรือเหาะลำหนึ่งได้ฉีกกำแพงพิภพ,ปรากฏขึ้นบนท้องฟ้า,เป็นยานเหาะมังกรทมิฬของลู่อี้ผิงนั่นเอง.

ลู่อี้ผิงที่เก็บเรือเหาะมังกรทมิฬ,ก่อนที่จะปรับทิศทาง,และนำวัวกระทิงมังกรและคนอื่น ๆ บินตัดอากาศออกไป.

มุ่งสู่เมืองไหล่เต๋า,สืบข้อมูลเส้นทางไปยังป่ารกร้าง,จากนั้นลู่อี้ผิงก็นำคนอื่น ๆ มุ่งตรงไปยังป่ารกร้างทันที.

หลังจากผ่านไปคืนหนึ่ง,พวกลู่อี้ผิงก็มาถึงทางเข้าป่ารกร้างในที่สุด.

ภายใต้ความมืด,ป่าของรกร้างเต็มไปด้วยหมอกหนา,มีเสียงของสัตว์ร้ายมากมายดังก้องออกมาจากในป่าลึก,นอกจากเสียงของสัตว์ร้ายแล้ว,ยังมีเสียงแปลก ๆ มากมาย.

ลู่อี้ผิงที่เข้าไปในป่าร้าง,จากนั้นก็พบว่าด้านหน้ามีกองไฟ,ขณะจ้องมองออกไปก็ประหลาดใจ,พบว่าเป็นกลุ่มของคนเผ่าจิ้งจอกเจ็ดวิญญาณที่กำลังนั่งล้อมวงย่างเนื้อดื่มกินอย่างเอร็จอร่อย.

กลุ่มของยอดฝีมือเผ่าจิ้งจอกเจ็ดวิญญาณ,ไม่นับว่าอ่อนแอ,มีบางคนอยู่ในขอบเขตเทพวิญญาณ,บางคนอยู่ในขอบเขตเทพแท้จริง,จำนวนกว่า 30-40 คน.

คนของเผ่าจิ้งจอกเจ็ดวิญญาณไม่คาดคิดว่าจะมีคนเข้ามาเช่นกัน,พวกเขาที่ยืนขึ้นเต็มไปด้วยความระมัดระวัง.