ตอนที่ 266

客卿太上长老?杨顶天到来(四更)

“นิกายของข้าได้ล่มสลายไปแล้ว.”เช่อจื่อเผิงส่ายหน้าไปมา.

ล่มสลายแล้วอย่างงั้นรึ?

ทุกคนเผยความประหลาดใจ.

อย่างไรก็ตาม,หลายต่อหลายคนก็ลอบส่ายหน้าไปมา,หากเช่อจื่อเผิงเป็นยอดฝีมือจริง ๆ,นิกายจะล่มสลายอย่างงั้นรึ?

ดังนั้นทุกคนจึงไม่สนใจเช่อจื่อเผิงอีกต่อไป.

ทุกคนต่างก็พูดคุยกับลู่อี้ผิงถึงเรื่องต่าง ๆ.

หรวนเจิ้น,เหล่าเจียง,สวีเถิง,โจวฉานและคนอื่น ๆ ที่พูดคุยกับลู่อี้ผิงด้วยเรื่องไม่เป็นเรื่องมากมาย.

ฟังแล้วดูคล้ายจะเป็นเรื่องที่น่าสนใจ.

อย่างไรก็ตามพวกเขาแทบไม่อาจละสายตาลอบมองสิบถังวารีดาราฮุ่นตุ้นไม่หยุดหย่อนเช่นกัน.

หลังจากพูดคุยกันได้ไม่นาน,ประธานหอการค้าหรวนเจิ้นก็นำคนของเขาจากไป,ก่อนจากไป,หรวนเจิ้นเอ่ยต่อลู่อี้ผิง”ข้าจะใช้กำลังหอการค้าทั้งหมดค้นหาแผ่นหยกให้คุณชายลู่,รวมทั้งท่อนไม้และศิลาด้วย.”

ลู่อี้ผิงเผยยิ้ม”ข้าจะรอฟังข่าวดีจากประธานหรวน.”

อย่างไรก็ตามขณะจะก้าวออกมา,หรวนเจิ้นก็สอบถามออกมา”ไม่รู้ว่าคุณชายลู่แต่งงานหรือยัง?”

พริบตานั้น,สตรีทั้งหมดของนิกายเทวะซั่งเหล่ยต่างก็เงี่ยหูฟังกันทุกคน.

ลู่อี้ผิงส่ายหน้าไปมา”ยังไม่มีแผนการในเวลานี้.”

เหล่าสตรีมากมายต่างก็รู้สึกผ่อนคลายลงอย่างชัดเจน.

หรวนเจิ้นเผยยิ้ม”สองสามวันก่อนคุณชายลู่ไปยังหอการค้าเทียนจี,บุตรสาวของข้าเหรวนฮุ่ยเห็นคุณชายลู่แล้วเอ่ยว่า คุณชายลู่ช่างภูมิฐานหล่อเหลา,กล่าวชมคุณชายลู่ต่อหน้าข้าไม่หยุดเลย.”

ทุกคนได้ยิน,ต่างก็เผยใบหน้าแปลก ๆ ออกมา.

หรวนเจิ้นคิดจะขายบุตรสาวให้ลู่อี้ผิงอย่างงั้นรึ?

หรวนเจิ้น,ประธานหอการค้าเทียนจี,มีบุตรสาวที่มากพรสวรรค์หรวนฮุ่น,ทั้งความแข็งแกร่งและความงามเป็นที่โจษจันทั่วพิภพฮุ่นหลวน,มีคุณชายจากนิกายใหญ่มากมายต่างก็ต้องการผูกสัมพันธ์,ทว่าไม่เคยได้ยินว่าหรวนเจิ้นเห็นด้วยเลย.

ตอนนี้,เพิ่งรู้จักลู่อี้ผิงไม่นาน,กับคิดจะผูกสัมพันธ์กับลู่อี้ผิงแล้วรึ?

ลู่อี้ผิงเผยยิ้ม”ขอบคุณประธานหรวนเจิ้นที่ปรารถนาดี,ข้ายังไม่มีแผนในตอนนี้จริง ๆ.”

หรวนเจิ้นที่ไม่เอ่ยอะไรต่อ,เผยยิ้มออกมา”หลังจากนี้หากคุณชายลู่มีเวลา,ก็มาเที่ยวชมคฤหาสน์ของข้าได้,พวกเรายังมีสมบัติมากมายที่น่าสนใจ.”

จากนั้นพวกเขาก็กล่าวลาและจากไป.

สวีเถิง,โจวฉานและคนอื่น ๆ เองก็นั่งอยู่ไม่นาน,จากนั้นก็กลับดินแดนบรรพชน,บ่มเพาะเช่นกัน.

ลู่อี้ผิงที่ได้รับหยกเจาหัวชิ้นที่ห้า,กลับที่พักตัวเอง,เริ่มหลอมรวมหยกเจาหัวชิ้นที่ห้าทันที.

ขณะที่ลู่อี้ผิงกำลังหลอมหยกเจาหัว,เจียงซินและถังชิงเองก็กำลังพูดคุยกันเกี่ยวกับเรื่องของลู่อี้ผิง.

เจียงซินเอ่ย”เจ้ารู้สึกอย่างไรกับลู่อี้ผิง?”

ถังชิงที่ตกใจ,เอ่ยออกมาอย่างลังเล”นิสัยถ่อมตน,สุภาพ,สงบ,มั่นคง,ลึกล้ำ,แผ่กลิ่นอายที่ยากจะอธิบายเป็นคำพูดออกมาได้.”

น้อยครั้งนักที่เขาจะชื่นชมผู้คน.

หลายวันก่อน,แม้นว่าลู่อีผิ้งจะอยู่ในยอดเขาซิงเยว่,ทว่าพวกเขาก็ไม่คิดที่จะติดต่อแต่อย่างใด,ทว่าในวันนี้พวกเขาที่พบว่า ถึงแม้นว่าลู่อี้ผิงจะเผชิญหน้ากับหรวนเจิ้น,เจียงเหล่า,สวีเถิง,โจวฉานและคนอื่น ๆ,ทว่าก็ยังพูดจาอย่างมั่นใจ,สุขุม,ราวกับไม่ได้รับผลอะไรต่อหน้ายอดฝีมือมากมาย.

ถึงจะเป็นเขายังไม่อาจทำได้,อย่าว่าแต่เขา,กระทั่งเจ้านิกายของเขาก็ทำไม่ได้เช่นกัน.

ดวงตาคู่งามของเจียงซินที่เผยความชื่นชม,เอ่ยออกมาว่า”ข้าคิดว่าลู่อี้ผิงผู้นี้โดดเด่นเป็นอย่างมาก,หากว่าเขาได้คู่กับเสวี๋ยเหยา,จะเป็นเรื่องดีมาก.”

“ลู่อี้ผิงผู้นี้หล่อเหลาและชาญฉลาด,ทั้งท่าทางและนิสัยก็โดดเด่น,แม้แต่ประธานหรวนเจิ้นก็ดูเหมือนจะพึงพอใจ,ด้วยสายตาของประธานหรวนเจิ้น,ผู้เยาว์ทั่วทั้งพื้นที่ดาราเป่ยหวง,มีสักกี่คนกันที่เข้าตาเขา?”

ถังชิงเผยยิ้ม”ข้าเองก็คิดให้เขาและเสวี๋ยเหยาสนิทกัน,แต่เจ้าก็รู้ว่า,สายตาบุตรสาวของเจ้านั้นสูงมาตลอด,นอกจากนี้ลู่อี้ผิงผู้นี้,ยังไม่บอกด้วยซ้ำว่าชื่นชอบบุตรสาวสุดหวงของเจ้าหรือไม่?”

เจียงซินที่ถมึงตาใส่ในทันที”จะมีใครไม่ชอบบุตรสาวของข้ากัน? บุตรสาวของข้าเป็นหนึ่งในหกเทพธิดาของพิภพฮุ่นหลวน,รูปร่างหน้าตาและความสามารถโดดเด่น,มีผู้คนมากมายที่ไล่ตามบุตรสาวของข้า,เพียงแค่บุตรสาวของข้านั้นไม่ชื่นชอบใครเท่านั้น.”

จากนั้นนางก็เอ่ยออกมาว่า”ลู่อี้ผิงผู้นี้ร่ำรวยแล้วอย่างไร,โลกนี้มีคนรวยมากมาย,หล่อเหลาแล้วอย่างไร,หล่อเหลาก็กินไม่ได้,แม้นว่าเขาจะเป็นเทพโบราณ,ทว่าข้าคิดว่าเขาเพิ่งรวมตราประทับได้เท่านั้น,เขาไม่อาจเอาชนะบุตรสาวของข้าได้แน่,หากบุตรสาวของข้ามีใจ,มีรึที่เขาจะปฏิเสธ!”

ถังชิงที่เห็นท่าทางอีกอฝ่ายตื่นเต้นดีใจของอีกฝ่ายก็พูดไม่ออก,เอ่ยออกมาด้วยรอยยิ้ม”ข้าเพียงแค่เปรยออกมาเท่านั้น,เจ้าตื่นเต้นอะไรกัน,เรื่องราวยังไม่เกิดขึ้นสักหน่อย.”

“เรื่องของเสวี๋ยเหยานั้น,พวกเราไม่อาจเข้าไปยุ่งได้,ปล่อยให้มันดำเนินไปเอง.”

ในเวลานั้น,ยันต์สื่อสารของเขาก็สั่นไหว,ก่อนที่จะนำออกมาดู,เป็นเจ้านิกายฟ่านเซิ่งส่งมานั่นเอง.

เห็นข้อความดังกล่าวแล้ว,ก็ทำให้เขารู้สึกแปลก ๆ ไปเช่นกัน.

“มีอะไรอย่างงั้นรึ?”เจียงซินเอ่ยถาม.

“เมื่อวาน,ข้าและเจ้านิกายพูดคุยเรื่องตราประทับสองอันให้ลู่อี้ผิงและเสี่ยวจินเข้าไปบ่มเพาะในตำหนักลึกล้ำ,เจ้านิกายได้ปฏิเสธ,ตอนนี้กับส่งสารมาว่าให้ข้าไปพูดคุยเรื่องตราเข้าตำหนักลึกล้ำอีกครั้ง.”ถังชิงเผยยิ้ม.

เห็นชัดเจนว่า,ฟ่านเซิ่งนั้นเปลี่ยนความคิด,มอบตราผ่านให้เขาแล้ว.

“เฒ่าจิ้งจอกผู้นี้,ตอนนี้เห็นค่าของลู่อี้ผิงแล้ว,ดังนั้นจึงต้องการเอาใจลู่อี้ผิงรึ?”เจียงซินแค่นเสียง.

ถังชิงเอ่ย”เป็นเรื่องธรรมดา,เขาคือเจ้านิกาย,ต้องคิดถึงผลประโยชน์นิกายก่อน,ตอนนี้ข้าไปยังห้องโถงก่อนละกัน.”จากนั้นเขาก็ลุกขึ้น,ก่อนมุ่งตรงไปยังห้องโถงนิกาย.

หลังจากมาถึงห้องโถง,ฟ่านเซิ่งได้เตรียมตราผ่านทางไว้จริง ๆ,นอกจากนี้ยังมีถึงสามชิ้น,มอบให้ลู่อี้ผิง,วัวกระทิงมังกรเขาทองคำและเช่อจื่อเผิง.

จากนั้น,ฟ่านเซิ่งก็เอ่ยออกมาว่า”ถังชิง,ข้าได้ยินมาว่าคุณชายลู่คือเทพโบราณอย่างงั้นรึ?”

ถังชิงที่พยักหน้ารับ,ไม่รู้ว่าฟ่านเซิ่งคิดจะทำอะไร.

“ข้าต้องการเชิญคุณชายลู่เป็นอาวุโสสูงคนนอกของนิกายเทวะซั่งเหล่ย.”ฟ่านเซิ่งเอ่ยอย่างมั่นใจ”เจ้ากลับไป,นำคำพูดของข้าเป็นตัวแทนนิกายเอ่ยเชื้อเชิญคุณชายลู่.”

ความหมายของฟ่านเซิ่ง ถังชิงพอจะคาดเดาได้ไม่เพียงแค่เป็นความต้องการของฟ่านเซิ่งเท่านั้น,คงจะได้รับอนุญาตจากสวีเถิง,โจวฉานและคนอื่น ๆ แล้วเช่นกัน.

หลังจากกลับยอดเขาซิงเยว่,ถังชิงได้นำตราผ่านทางตำหนักลึกล้ำสามอันไปมอบให้ลู่อี้ผิงและกล่าวเชื้อเชิญตามคำพูดของฟ่านเซิ่ง.

“เป็นอาวุโสสูงคนนอกนิกายเทวะซั่งเหล่ยอย่างงั้นรึ?”ลู่อี้ผิงได้ยิน,ก็คาดไม่ถึงเช่นกัน,จากนั้นก็กล่าวปฏิเสธ.

“เจ้านิกายเอ่ย,ให้คุณชายลู่ครุ่นคิดสักสองสามวันยังไม่ต้องรีบร้อนตอบก็ได้.”ถังชิงเอ่ยด้วยรอยยิ้ม

“ไม่จำเป็นต้องคิด.”ลู่อี้ผิงส่ายหน้าไปมา,ดูเหมือนว่าฟ่านเซิ่งและคนอื่น ๆ จะคิดว่าเขาเป็นเพียงขอบเขตเทพโบราณทั่วไป.

หลังจากที่ถังชิงจากไป,ลู่อี้ผิงก็นั่งบ่มเพาะใต้ต้นเจี้ยนมู่,หลังจากหลอมรวมหยกเจาหัวชิ้นที่ห้าแล้ว,เขาก็เริ่มตระหนักรู้มหาเต๋าทันที.

หยกเจาหัวชิ้นที่ห้านั้น,มี 100 มหาเต๋า,หลัก ๆ เป็นมหาเต๋าคำสาป,มหาเต๋าทำลายล้าง.

ในเวลาเดียวกัน,ศิษย์ของวังเทวะซั่งเฉียงที่แจ้งว่าจะมาเทียบประลองฝีมือกับนิกายเทวะซั่งเหล่ยก็ปรากฏขึ้นที่ด้านหน้าประตูทางเข้านิกายเทวะซั่งเหล่ย.

ผู้นำศิษย์มาในครั้งนี้,คือบุรุษร่างกายใหญ่โต,ที่หน้าผากมีสัญลักษณ์เทพเปลวเพลิง,เขาคือบุรุษที่รวมตราประทับได้ 80 ลี้,หยางติงเทียนนั่นเอง.

เวลานี้,ศพของจ้าวปิศาจซิวซายังคงห้อยอยู่บนเสาศิลาหน้าลานกว้าง.

ศพของเทพโบราณนั้น,ถึงจะห้อยเอาไว้ร้อยปี พันปีก็ไม่เน่าสลาย,ดังนั้น,ผ่านมาไม่กี่วัน,ศพของจ้าวปิศาจซิวซาจึงยังไม่เปลี่ยนแปลง.

หยางติงเทียนที่จ้องมองศพของจ้าวปิศาจซิวซา,แค่นเสียงเย็นชา,เอ่ยออกมาว่า”นิกายเทวะซั่งเหล่ยสังหารจ้าวปิศาจซิวซาได้,นำมาห้อยเอาไว้ที่นี่,เพื่ออวดอ้างต่อพวกเราอย่างงั้นรึ? อวดดีขนาดนี้เลย?”