ตอนที่ 269

你以为苍雷神宗能庇护你?(三更)

ลู่อี้ผิงที่เตรียมจะกลับไปบ่มเพาะต่อ,ยันต์สื่อสารของถังปินก็สั่นไปมา,เวลานั้นถังปินเอ่ยคำรามด้วยความโกรธ”วังเทวะซั่งเฉียง,หยางติงเทียน!”

“เกิดอะไรขึ้นรึ?”ลู่อี้ผิงเอ่ยถาม.

“การประลองก่อนหน้านี้,หยางติงเทียนแข็งแกร่งมาก,ศิษย์พี่เหว่ยหมิงเขาหลงเจี้ยนแพ้เขาเพียงแค่หมัดเดียว.”ถังปินกล่าวด้วยความฉุนเฉียว”พี่สาวของข้าเองก็ได้รับบาดเจ็บจากฝีมือของเขาด้วย!”

“นอกจากนี้เขายังบอกว่าเขาจะจัดการศิษย์นิกายเทวะซั่งเหล่ยทั้งหมดด้วยตัวคนเดียวอีกด้วย!”

กล่าวจบ,ถังปินก็ลากลู่อี้ผิงไปยังเวทีประลองซิงเหล่ยทันที ”พี่ลู่,พวกเรารีบไปกันเถอะ!”

วัวกระทิงมังกรเขาทองคำและเช่อจื่อเผิงที่ก้าวตามไปเช่นกัน.

ระหว่างทาง,ถังปินที่เผยความกังวลเป็นอย่างมาก”ไม่รู้ว่าพี่สาวเป็นอย่างไรเวลานี้.”

“วางใจ,ไม่ควรเป็นอะไร.”ลู่อี้ผิงเอ่ย.

เพียงไม่นาน,พวกเขาก็มองเห็นวทีประลองซิงเหล่ยไกล ๆ.

ในเวลานั้น,หยางติงเทียนที่ยืนมือขัดหลังบนเวทีประลองซิงเหล่ย,ทว่าบนเวทีนั้นมีฟู่ปิงซานที่กระอักโลหิตออกมาอย่างต่อเนื่อง,ไม่จำเป็นต้องเอ่ยว่าฟู่ปิงซานเพิ่งพ่ายแพ้ไปนั่นเอง.

ฟู่ปิงซานดูเหมือนว่าจะเป็นหนึ่งในผู้เยาว์ที่แข็งแกร่งที่สุดอีกคนเช่นกัน.

ทว่ากับพ่ายแพ้เพียงสามกระบวนท่า.

หยางติงเทียนที่จ้องมองฟู่ปิงซาน,ส่ายหน้าไปมา”อ่อนแอ,อ่อนแอมาก,ศิษย์ผู้เยาว์นิกายเทวะซั่งเหล่ยมีพลังเท่านี้รึ? เดิมทีได้ยินมาว่าเป็นการประลองเปรียบฝีมือ,ข้าคาดหวังเป็นอย่างมาก,คิดว่าจะมีศิษย์นิกายเทวะซั่งเหล่ยรับมือข้าได้มากกว่าสิบกระบวนท่า,สักคนซะอีก.”

“น่าเสียดาย,กระบวนท่าที่สี่กับไร้ซึ่งปัญญาอย่างสิ้นเชิง.”

น้ำเสียงของหยางติงเทียนที่ดังก้องไปทั่วนิกายเทวะซั่งเหล่ย,ผู้ฝึกตนทุกคนของวังเทวะซั่งเหล่ย ใบหน้ากลายเป็นอัปลักษณ์กันไปหมด.

“ยังมีใครจะสู้อีก?”หยางติงเทียนที่กวาดตามองศิษย์ที่เหลืออยู่ของนิกายเทวะซั่งเหล่ย.

ทว่าเวลานี้ศิษย์นิกายเทวะซั่งเหล่ยกับไม่มีใครกล้าเอ่ยอะไรออกมาอีก.

หยางติงเทียนที่เห็นไม่มีใครกล้าส่งเสียงแล้ว,ก็หันหน้าไปยังฟ่านเซิ่ง”เจ้านิกายฟ่าน,ในเมื่อนิกายเทวะซั่งเหล่ยไม่มีศิษย์คนใหนกล้ารับการประลอง,การประลองเปรียบฝีมือระหว่างนิกายครั้งนี้,เป็นวังเทวะซั่งเฉียงเป็นฝ่ายชนะใช่ใหม?”

“เช่นนั้นขอให้เจ้านิกายฟ่านประกาศผลออกมาด้วย.”

บนที่นั่งใบหน้าของฟ่านเซิ่งกลายเป็นมืดครึ้ม.

ในเดียวกัน,ถังปินที่ลากลู่อี้ผิงมา,เห็นถังเสวี๋ยเหยาแผ่ไอทมิฬออกมาขณะกำลังนั่งสมาธิรักษาตน,เขาเอ่ยออกมาอย่างเร่งร้อน”พี่สาว,เป็นอะไรหรือไม่!”

ถังเสวี๋ยเหยาที่ลืมตาขึ้น,จ้องมองน้องชายถังปิน,ใบหน้าที่ซีดเซียวแต่ก็ยังเผยยิ้มออกมา”พี่ไม่เป็นอะไร” หยางติงเทียนมีสายโลหิตบรรพกาลสองสาย,หนึ่งในนั้นคือพลังเย็นสุดขั้ว,แม้นว่านางจะกินเม็ดยาฟื้นฟูแล้ว,ทว่าการจะรักษาให้หายสมบูรณ์,เกรงว่าจะต้องใช้เวลาอีกหลายวัน.

ลู่อี้ผิงนำต้นโสมที่ได้รับมาจากวังหมื่นทวยเทพออกมา.

ต้นโสมที่สูงหลายสิบเมตรลอยอยู่บนท้องฟ้า,ส่องประกายแสงวับวาว,แผ่ปราณโอสถที่รุนแรงออกมา,ส่งกลิ่นหอมฟุ้งนับสิบลี้.

ผู้คนทุกคนรอบ ๆ ล้วนแต่ตกใจ,จ้องมองไปตาม ๆ กัน,ฟ่านเซิ่งบนที่นั่งคนดู,ถังชิง,กระทั่งหยางติงเทียนที่ได้กลิ่นของต้นไม้โสมยังต้องหันหน้ามามอง.

เมื่อทุกคนเห็นต้นโสมสูงกว่าสิบเมตร,ก็ตื่นตะลึงไปเลย.

ฟ่านเซิ่งเจ้านิกายเทวะซั่งเหล่ยมีประสบการณ์มากมาย,ทว่านี่เป็นครั้งแรกที่พบโสมใหญ่โตเช่นนี้.

โลกนี้มีโสมสูงหลายสิบเมตรด้วยรึ?

นอกจากนี้ยังเปล่งรัศมีแสงสีทองออกมาโดยสมบูรณ์! แสงสีทองที่ไหลเทลงมาราวกับสายน้ำ!

นอกจากนี้,โสมต้นไม้ดูเหมือนว่าจะเป็นรูปลักษณ์ของมนุษย์ต้นไม้ไปแล้ว.

“นี่มันโสมอะไรกัน? ในสวรรค์และปฐพีนี้ยังมีโสมเช่นนี้อีกรึ?”

“ไม่กี่ปีก่อนข้าเคยเห็นราชาโสมอายุหนึ่งล้านปี จัดประมูลที่หอการค้าเทียนจี,แต่เมื่อเทียบกับโสมต้นนี้,ราชาโสมกับกลายเป็นเพียงต้นหอมไปเลย.”

ไม่รู้ว่าทำไมต้นโสมต้นนี้กับเปล่งแสงสีทองเจิดจรัสแสบตาเป็นอย่างมาก.

ถังเสวี๋ยเหยาที่งงงวย,เวลานั้นต้นไม้โสมลอยอยู่บนศีรษะของนาง,ปราณโสมดั่งน้ำตกเทลงอาบไปทั่วร่างของนาง.

ถังเสวี๋ยเหยารู้สึกร่างกายสดชื่นขึ้นมาทันที,ความหนาวเย็นที่มีก่อนหน้านี้ได้มลายหายไปหมด,บาดแผลบนร่างกายก็ได้รับการเยียวยา,ไม่เพียงแค่ฟื้นฟู,นางยังพบว่าร่างกายของนางเปี่ยมล้นด้วยพลังชีวิต,กระทั่งทรงพลังยิ่งกว่าเดิม.

ร่างกายของนาง,เปี่ยมล้นด้วยพลังอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน.

ถังปินยืนอยู่ข้างถังเสวี๋ยเหยา,สัมผัสได้ถึงปราณยาจากโสมต้นไม้ด้วย,ร่างกายของเขาเองก็ส่องแสงเหมือนกับมนุษย์ทองคำเช่นกัน.

เมื่ออาการบาดเจ็บของถังเสวี๋ยเหยาหายดีแล้ว,ลู่อี้ผิงก็เก็บโสมต้นไม้ไป.

ทุกคนที่หัวใจสั่นไหว.

ถังชิงได้สติ,ก้าวมาด้านหน้าลุ่อี้ผิงอย่างรวดเร็ว,ประสานกำปั้นเอ่ยด้วยความซาบซึ้ง,”ขอบคุณคุณชายลู่ที่ช่วยรักษาเสวี๋ยเหยา.”

ถังเสวี๋ยเหยาที่ลุกขึ้น,เอ่ยต่อลู่อี้ผิงเช่นกัน”ขอบคุณคุณชายลู่.”

“เรื่องเล็กน้อย.”ลู่อี้ผิงส่ายหน้าไปมา.

ทุกคนรอบ ๆ เวลานี้เริ่มได้สติ,ศิษย์วังเทวะซั่งเฉียงคนหนึ่งก้าวไปด้านหน้า,เอ่ยต่อหยางติงเทียน”ศิษย์พี่ลู่,เจ้าเด็กนั่นแซ่ลู่! บางที่อาจจะเป็นคนที่พวกเราค้นหาอยู่ก็ได้!”

หยางติงเทียนและศิษย์วังเทวะซั่งเฉียงทุกคนต่างก็ตกใจ,ทันใดนั้นหยางติงเทียนก็เข้าใจคำพูดของศิษย์คนดังกล่าวได้,หลายวันก่อน,เขาได้ข่าวว่าอาวุโสสูงของวังเทวะซั่งเฉียงสิบคนถูกคนแซ่ลู่จากพิภพโม่เหอสังหารไป.

หลังจากนั้นเขาก็ได้ข่าวว่าคนแซ่ลู่ได้ออกจากพิภพโม่เหอแล้ว,หลายวันมานี้พวกเขาต่างก็คอยสืบข่าวของอีกฝ่ายเช่นกัน.

หยางติงเทียนที่กระโดดลงจากเวทีประลองซิงเหล่ย,ก้าวมาอยู่ด้านหน้าลู่อี้ผิง,จ้องมองลู่อี้ผิงในชุดน้ำเงิน”เจ้าคือลู่อี้ผิงอย่างงั้นรึ? เป็นคนที่สังหารอาวุโสจงหยวนและพวกสิบคนใช่ใหม?”

ฟ่านเซิ่งเจ้านิกายเทวะซั่งเหล่ย,ถังชิงและคนอื่น ๆ ต่างก็ตื่นตะลึง.

ลู่อี้ผิงจ้องมองหยางติงเทียน,เอ่ยอย่างไม่แยแส,”ถูกต้อง.”

หยางติงเทียน ไม่คาดคิดแม้แต่น้อย ว่าอีกฝ่ายจะยอมรับง่าย ๆ,เขากวาดตามองฟ่านเซิ่ง,ถังชิงและคนอื่น ๆ พร้อมกับกล่าวหยัน”หลายวันมานี้,วังเทวะซั่งเฉียงกำลังหาเจ้าอยู่,แท้จริงก็มาซ่อนอยู่ในนิกายเทวะซั่งเหล่ยนี่เอง!”

“เจ้าคิดว่าคนของนิกายเทวะซั่งเหล่ยจะคุ้มกะลาหัวเจ้าได้รึ?”

เวลานั้นหยางติงเทียนได้ต่อยไปยังลู่อี้ผิงทันที,หมัดแสงสว่างซั่งเฉียงที่เล็งไปยังหน้าอกลู่อี้ผิง”ถึงเจ้าจะซ่อนอยู่สุดขอบฟ้า,วังเทวะซั่งเฉียงของพวกเราก็จะไล่บดขยี้เจ้า!”

“ตายไปซะ!”

พลังของหยางติงเทียนที่ดังกระหึ่มแสงที่ส่องสว่างเจิดจ้ากระจายไปทั่วทุกสารทิศ.

แม้นว่าเขาจะไม่ใช้ตราประทับ,ไม่ใช้สายโลหิต,พลังหมัดของเขานั้น แม้แต่เทพโบราณสองตราประทับก็ยังไม่อาจต้านทานได้.

ฟ่านเซิ่งที่ไม่คาดคิดแม้แต่น้อยว่าหยางติงเทียนจะลงมือทันที,แม้นต้องการปกป้องก็ไม่มีเวลาแล้ว,หมัดของหยางติงเทียนที่พุ่งตรงไปถึงลู่อี้ผิง,อย่างไรก็ตามมีอะไรบางอย่างที่รวดเร็วยิ่งกว่าหมัดของหยางติงเทียนอีก.

เวลานั้นทุกคนเห็นปลาตัวน้อยถูกฟาดออกมา.

รวดเร็วจนทุกคนแทบไม่ทันตั้งตัว,ปลาตัวน้อยเวลานี้ได้ฟาดเข้ากับพลังหมัดของหยางติงเทียน,พลังอำนาจที่แข็งแกร่งทำลายหมัดของเขาหายไปนอกจากนี้ยัง,พุ่งผ่านไปจนถึงหน้าอกของหยางติงเทียน.

ตูมมมมมมมม!

หยางติงเทียนที่ถูกหวดลอยพุ่งออกไปด้วยความเร็วจนน่าขนลุก,กระแทกเวทีซิงเหล่ย,เกิดเสียงดังกึกก้อง,เศษหินดินทรายของเวทีซิงเหล่ยที่เวลานี้แตกกระเซ็น,แม้แต่เกิดประกายไฟ,ปกคลุมไปทั่ว,เวทีซิงเหล่ยที่กำลังแตกร้าว.

ทุกคนที่กลายเป็นชงักงัน,ขณะจ้องมองวัวกระทิงมังกรเขาทองคำ,ที่ถือปลาน้อยอยู่ในมือ,ผมของเขาที่เป็นสีทองสะท้อนกับแสงตะวัน ดูแสบตาเป็นอย่างมาก.