ตอนที่ 53

จ้านชิงเฉิงกับเฉินชิงหลวนโชคดี

การเดินทางราบรื่น ราวกับสัตว์อสูรทั้งหมดหายไป พวกนางมาถึงใกล้อนุสรณ์หินโดยไม่ต้องลงแรงมาก

แต่ทว่า หลังมาถึงไม่นาน กลุ่มคนจากวิถีมารก็มาถึงทีละคน

บรรยากาศกลายเป็นตึงเครียด

"แม่นางจ้าน เราล้วนมาที่นี่เพื่อมรดก เราไม่จำเป็นต้องสู้และฆ่าฟันกันใช่ไหม?"

พระอ้วนยิ้ม

เขาอ้วนและตัวมันเยิ้ม และแม้จะสวมชุดพระ เขาก็ไม่มีคราบของพระชาวพุทธสักนิด แต่กลับเหมือนมารตัณหา

อารามหวนซี พระมารสืออวิ๋น!

มีสำนักมารมากมายในโลก ทั้งเล็กและใหญ่ แต่ทว่ามีแค่สำนักยักษ์มารขุมนรกที่ใหญ่โตสุดจนสำนักอื่นโดนกลบ

แต่จริงๆแล้ว มันเป็นสำนักอื่นต่างหากที่กระทำชั่วทั้งหมด แต่สาดน้ำสกปรกใส่จักรพรรดินีมาร

อารามหวนซีคือสำนักชั้นหนึ่ง และศิษย์สืบทอดก็คือสืออวิ๋น ผู้บ่มเพาะแก่นทองคำ

เขาดังจนติดรายนามสวรรค์ของวิถีมาร

"ใช่ ดีกว่าที่เราจะหาสมบัติกันก่อน"

คนของวิถีมารประสานเสียง แต่ก็ล้อมพวกนางไว้ตรงกลาง

ตอนนี้มีแค่ทั้งสองที่มาถึงจากวิถีธรรมะ แม้จะเป็นอัจฉริยะ แต่สองมือไม่อาจเอาชนะสี่มือ เป็นไปได้ว่าพวกนางจะไม่มีโอกาส!

ถ้าไล่ทั้งสองไปได้ โอกาสของพวกเขาจะเพิ่ม!

คนของฝ่ายมารตื่นเต้นมาก

มีแค่ร่างบางสวมผ้าคลุมหน้าสีดำที่ยืนตรงมุมถึงมองด้วยสายตาเย็นชา

พอมองใบหน้าน่าเกลียดมากมายด้านหน้านาง จ้านชิงเฉิงก็ขมวดคิ้ว ดวงตาเย็นชาเต็มไปด้วยความรังเกียจ

นยางคิดว่าซูสือได้รักษาความเกลียดชังผู้ชายในตัวนางไปแล้ว..

นางไม่คิดว่าพอเห็นชายอื่นนอกจากซูสือ มันจะยิ่งเพิ่มความขยะแขยง

เฉินชิงหลวนเงียบ นิ้วโป้งนางแตะฝักกระบี่

สืออวิ๋นครุ่นคิดเงียบๆ

แม้อีกฝ่ายจะมีแค่สองคน พลังก็แข็งแกร่งมาก

นี่ยังไม่ใช่สถานการณ์ชี้ชัด!

ขณะที่เขากำลังลังเล เขาก็เห็นคนในชุดขาวเดินมา

"เขาก็มาที่นี่ด้วย?!"

"แม่ทัพซู!"

คนเหล่านี้มีความสุขมากพอเห็นซูสือเดินเข้ามา

เขามาแล้ว!

งั้นทุกอย่างก็ได้ข้อสรุป!

ซูสือเห็นการเผชิญหน้านี้และพูด"พวกเจ้า..."

"แม่ทัพซูมาได้ทันเวลาพอดี ตอนนี้เป็นเวลาที่สมบูรณ์แบบบที่จะโค่นจ้านชิงเฉิงกับเฉินชิงหลวน!"

"โค่น..จ้านชิงเฉิง"?"

"ถูกต้อง!"

สืออวิ๋นพูดอย่างตื่นเต้น"เฉินชิงหลวนที่เคยแพ้ให้ท่านจะเป็นคู่ต่อสู้ของท่าน ส่วนจ้านชิงเฉิงเราจะจัดการเอง!"

"ขณะที่พวกฝ่ายธรรมะยังมาไม่ถึง เราสามารถเตะพวกนางออกไปได้ก่อน และถ้าเราผนึกกำลังกัน โอกาสนี้จะต้องอยู่ภายใต้การควบคุมของเราเป็นแน่!"

"และหลังจากนั้น ถ้าแม่ทัพซูสนใจ..ฮี่ๆ ด้วยฝีมือของอาตมา แม้กระทั่งภิกษุณีผู้บริสุทธิ์ก็จะเชื่อฟังและอยากกอดท่าน!"

ถ้าข้าเดาไม่ผิด ผู้หญิงข้างซูสือก็เป็นผู้บ่มเพาะแก่นทองคำ

ตอนนี้สถานการณ์เป็นที่แน่ชัด มันไม่ต้องลังเลย!

รอยยิ้มของสืออวิ๋นยิ่งดุร้าย

แต่ทว่า วินาทีต่อมา รอยยิ้มของเขาก็ต้องแข็งค้าวง

ปราณดาบคลั่งถาโถมใส่เขาเหมือนกาแล็กซี่ อัดแน่นด้วยแรงกดดันมหาศาล!

สืออวิ๋นกำลังจะเคลื่อนไหว แต่ก็ตระหนักว่าเงาใต้เท้าเขากลายเป็นสิ่งเกาะยึดเท้าเขาไว้กับพื้น และเขาก็ไม่สามารถขยับตัวได้!

ซวบ!

ลมหนาวดูเหมือนจะพุ่งผ่านคอเขาไป

โลกหมุนกลับ และมือของเขาก็สั่นเล็กน้อย

สืออวิ๋นเห็นสายตาหวาดผวาของคนรอบตัว และสับสนเล็กน้อย

เกิดอะไรขึ้น?

จากนั้นภาพด้านหน้าของเขาก็มีแค่ความมืดมิดไร้สิ้นสุด

ทั้งสถานที่กลายเป็นเงียบ

สืออวิ๋นที่ปากแซ่นก่อนหน้านี้ยืนนิ่งเหมือนรูปปั้น สิ่งที่เขากำลังถืออยู่ก็คือหัวของเขาเอง!

ดาบน้ำแข็งเขียวในมือซูสือสั่นเบาๆ การชักดาบนั้นเร็วจนเลือดยังไม่ทันไหล

พุฟ

ศพของสืออวิ๋นล้มลงกับพื้น

เขาตายสนิท

ตายในการฟันครั้งเดียว!

เหมือนฟ้าผ่ากลางวันแสกๆ กระดูกสันหลังของทุกคนเย็นเฉียบและพวกเขาก็ตกอยู่ในความกลัว!

ผู้บ่มเพาะแก่นทองคำตายทั้งอย่างนั้น?

"ซู แม่ทัพซู ท่านทำอะไร?สืออวิ๋นเป็นพวกเรานะ!'

คนของวิถีมารทั้งกลัวและสับสน

ไม่เข้าใจว่าทำไมซูสือถึงทำแบบนี้

"งั้นเหรอ?"

ซูสือแค่นเสียง"งั้นทำไมพวกเจ้าไม่ถอยไปและทิ้งสมบัติไว้ให้ข้าละ แค่ข้าคนเดียว"

พวกเขามองหน้ากัน

ถอย?

จะเป็นไปได้ไง!

เมื่อมีสมบัติ แม้แต่ญาติพี่น้องก็ยังฆ่ากันได้ลง นับประสาอะไรกับคนแปลกหน้าที่ไม่เคยพบ!

บางคนพูด"แต่ถ้าเราร่วมมือกันและขับไล่คนฝ่ายธรรมะไปก่อน.."

ซูสือพูดอย่างดูหมิ่น"เจ้าเป็นตัวอะไรถึงสมควรมาร่วมมือกับข้า?"

คนเหล่านั้นหน้าแดง แต่ไม่มีใครกล้าสบตาเขา

อีกฝ่ายมีต้นทุนให้คุยโว

สำนักยักษ์มารขุมนรก อัจฉริยะระดับศักดิ์สิทธิ์ขั้นสมบูรณ์

นอกจากนี้ การฆ่าพวกเขาไม่ง่ายกว่าการฆ่าจ้านชิงเฉิงและเฉินชิงหลวนหรือ?

หลังคิดเช่นนี้ คนของฝ่ายมารก็เบือนหน้าหนีเงียบๆ

เขาคือจอมมารตัวจริง!

โหดเหี้ยม ไร้ปราณี ฆ่าโดยไม่กะพริบตา!

แปะ แปะ แปะ

เสียงปรบมือดังขึ้น

หญิงสาวชุดดำที่ไม่เข้าร่วมก่อนหน้านี้เดินเข้ามา

นางหุ่นดี สวมผ้าคลุมหน้าสีดำ และดวงตาใสก็มองซูสือด้วยความสนใจ

"ฆ่าอย่างเด็ดขาด ไม่แบ่งปันอะไรกับผู้อ่อนแอ สมกับเป็นแม่ทัพซู"

"ข้าสนใจในตัวแม่ทัพซูมาก ข้าสงสัยว่าข้าขอเข้าร่วมกับท่านได้หรือไม่?"

นางขยิบตา และเสียงก็ไพเราะ"พลังของข้าไม่อ่อนแอเลย ถ้าไม่เชื่อ ก็มาตรวจสอบเองได้"

ลมพัดกระโปรงนางขึ้นเล็กน้อย เผยให้เห็นขาอ่อน

ความจริงคือนางอยากอวด แต่ก็ยังปกปิดเล็กน้อยเพื่อให้คนอยากค้นหาเพิ่ม

ซูสือพูดอย่างไม่แยแส’ไสหัวไป”

สีหน้าของนางเปลี่ยนไป”หะ?”

“เจ้ามีเวลาสามลมหายใจเพื่อไสหัวไปให้พ้นสายตาข้า”

“..”

อุฟ

เฉินชิงหลวนหลุดหัวเราะ

หน้าอกของผู้หญิงคนนั้นพองขึ้นยุบลง ดวงตานางเปลี่ยนเป็นเย็นชา เสียงของนางไม่มีเสน่หาอีก’ดี ข้าจะจำวันนี้ไว้”

พอพูด นางก็สะบัดก้นเดินออกไป

บรรยากาศจากตอนเริ่มต้นของการเผชิญหน้าแหลกสลาย ทุกคนต่างมองกันด้วยสายตาระแวง

‘พันธมิตร’แสนเปราะบางถูกทำลายด้วยการฟันเพียงครั้งเดียวของซูสือ

เฉินชิงหลวนมองซูสืออย่างสงบ แก้มนางแดงขึ้นเล็กน้อยและนางก็สับสน

เขาช่วยข้าแก้แค้นเรื่องเมื่อคืนก่อน?

หรือว่าเขา…

หัวใจของเฉินชิงหลวนเต้นกระหน่ำ ไม่กล้าคิดต่อ

ดวงตาของจ้านชิงเฉิงเต็มไปด้วยความลุ่มหลง นางแทบอดใจไม่ไหวที่จะกระโดดกอดซูสือ

แม้นางจะไม่กลัวคนพวกนี้ แต่ความรู้สึกของการถูกปกป้องก็ช่างดี!

“ซูสือ”

..

เวลาผ่านไป

คนจากฝ่ายธรรมะและฝ่ายมารมาถึงทีละคน

พวกเขาแต่ละคนมีคราบเลือดบนตัว เห็นได้ชัดว่าผ่านการต่อสู้กับสัตว์อสูรมา

ตอนพวกเขาเห็นศพบนหน้า หน้าพวกเขาก็เปลี่ยนสี

เห็นได้ชัดว่าเกิดการปะทะก่อนพวกเขาจะมาถึง!

ตอนนี้ เย่เซียวลากสังขารออกจากป่าและทรุดตัวลงกับพื้น

เสื้อผ้าของเขายับเยิน ตัวปกคลุมด้วยเลือด ใบหน้าขาวซีดเหมือนกระดาษและก่นด่า”ใคร…ล่อคลื่นสัตว์อสูรมา?!”