ในชั่วพริบตา ตีนเขาว่างเปล่า
ทุกคนไปภูเขาเพื่อสู้แย่งโอกาส และมีแค่ซูสือกับเซินอี้เหรินที่ยังไม่ไป
เซินอี้เหรินถาม"ทำไมเรายังไม่ไป?"
ซูสือส่ายหัว"ทำไมต้องรีบ?สมบัติไมได้ฉกมาง่ายๆ พวกที่รีบไปจะต้องลำบากกว่า"
ภูเขาเทียนฉวีเต็มไปด้วยสัตว์อสูร และพวกที่เข้าภูเขาไปก่อนจะโดนสัตว์อสูรจำนวนมากล้อม
ไม่ต้องพูดงถึงว่าต้องมีากรต่อสู้ระหว่างฝ่ายธรรมะและฝ่ายมาร
โฮก!
เสียงคำรามของสัตว์อสูรดังขึ้นทั่วภูเขา ตามด้วยเสียงร้อง
เซินอี้เหรินตัวสั่น
"ก็สมเหตุสมผลดี"
โอกาสมักมาพร้อมกับความเสี่ยง
ในเมื่ออยากไปคว้ามัน งั้นก็ต้องเตรียมตัวตาย
หลังผ่านไปนาน เสียงคำรามถึงหายไป
คลื่นสัตว์อสูรควรโดนผู้บ่มเพาะทั้งหลายไล่ไปแล้ว
"มันได้เวลาแล้ว ไปกัน"
ซูสือลุกขึ้น มุ่งหน้าไปทางภูเขา
เซินอี้เหรินตามเขาไปติดๆ
แม้นางจะรู้สึกหงุดหงิดชายคนนี้ นางก็ต้องยอมรับว่าเขาฉลาดและคิดรอบคอบมากกว่านาง
แต่ก่อนเขาจะได้ก้าวเดินมากกว่านี้ ซูสือก็หยุด
เขาพบเห็นชายชรายืนอยู่ด้านหน้าไม่ไกล
ผมของเขาเป็นสีขาว เครายาวถึงหน้าอก และเขาก็ไม่ใช่ใครนอกจากแขกจากสำนักเทียนอี้ที่เขาพบที่หอคณิกา
"ซูสือ ข้ามารอเจ้าที่นี่นานแล้ว"
ชายชราเครายาวลูบเคราและยิ้มเย็น
ซูสือขมวดคิ้ว"เจ้าอยากฆ่าข้า?"
ตอนนี้ จุดประสงค์ของอีกฝ่ายชัดเจน
"เจ้าได้คิดถึงผลที่ตามมาหรือยัง?สำนักเทียนอี้จะรับความพิโรธของฝ่าบาทไหวหรือ?"
ชายชราเครายาวแค่นเสียง"เจ้าไม่ต้องมาขู่ข้าดว้ยจักรพรรดินีมาร เพราะเจ้าจะตายในปากของสัตว์อสูร มันจะมาเกี่ยวอะไรกับสำนักเทียนอี้ของข้า?"
องค์จักรพรรดิเพิ่งออกประกาศห้ามผู้บ่มเพาะคนใดที่เหนือกว่าอาณาจักรวิญญาณแรกก่อตั้งเข้าภูเขา
ชายชราคิดว่าไม่มีโอกาส แต่มันกลายเป็นว่าซูสือไม่ยอมรีบเข้าไป
ตอนนี้ไม่มีใครแถวนี้ นี่จึงเป็นโอกาสที่สมบูรณ์แบบ!
"เจ้าไปก่อน ข้าจะรั้งเขาไว้เอง"
เซินอี้เหรินพูด"พอการต่อสู้เริ่ม เจ้าวิ่งตรงไปภูเขาเลย ตราบเท่าที่เจ้าเข้าภูเขา เจ้าจะปลอดภัย'
ซูสือขมมวดคิ้ว'แล้วเจ้าละ?"
เซินอี้เหรินหยิบกระบี่ยาวออกมาและยืนด้านหน้าเขาด้วยใบหน้าไม่เกรงกลัว"หน้าที่ของข้าคือปกป้องเจ้าให้ปลอดภัย อย่าลืมไปบอกพ่อข้าว่าเขาต้องกวาดล้างทั้งสำนักเทียนอี้ให้ได้!"
นางรู้ในใจว่าชายชราคนนี้คือวิญญาณแรกก่อตั้งขั้นปลาย นางไม่สามารถรับได้แม้แต่กระบวนท่าเดียวจากเขา
แต่นางก็ยังเต็มใจตาย!
ซูสือเงียบไป
ตอนนี้เอง เขาดูเหมือนจะเข้าใจความหมายที่ระบบบอกว่าเซินอี้เหรินผ่านการเปลี่ยนแปลง
ชายชรายิ้มดุร้าย"ไม่ต้องรีบ พวกเจ้าสองคนจะไม่ได้ไปไหนทั้งนั้น วันนี้ข้าจะแก้แค้นให้หลินฉวน!"
"พอข้าฆ่าพวกเจ้าทั้งสอง ข้าจะไปเอาชีวิตของเซินซิวต่อ!"
ซูสือเข้าใจ
ไม่น่าแปลกที่ชายชราจะมีจิตสังหารรุนแรงเช่นนี้
มันกลายเป็นว่ามันไม่ใช่เพราะอันหงโต้ว แต่เพราะหลินฉวน สมาชิกสำนักเทียนอี้ที่ตายในเมืองอวี่หลิน!
ซูสือไม่แยแส"เจ้าไม่สามารถฆ่าข้าได้"
ชายชราไม่ตอบ แต่ดวงตาเขาเต็มไปด้วยความอาฆาต"แม้เจ้าจะเป็นอัจฉริยะในรอบหมื่นปี เจ้าก็ยังเป็นแค่ผู้บ่มเพาะแก่นทองคำขั้นต้น ส่วนข้าเหนือกว่าเจ้าถึงหนึ่งอาณาจักรใหญ่ แค่ฆ่าเจ้าง่ายเหมือนเหยียบมดสำหรับข้า!"
บูม!
ชายชราก้าวไปข้างหน้า ม่านแห่งความมืดพลันแยกสถานที่นี้ออกจากโดยรอบ และแรงกดดันมหาศาลของผู้บ่มเพาะอาณาจักรวิญญาณแรกก่อตั้งก็ระเบิดออกมา!
เขาไม่ตั้งใจจะพูดให้เปลืองน้ำลายอีกต่อไป
ไม่ว่าซูสือจะเป็นอัจฉริยะที่ยิ่งใหญ่เพียงใด วันนี้เขาก็ต้องตายที่นี่!
ซูสือพูดด้วยใบหน้าไม่พอใจ"แล้วเจ้าดูการแสดงนี้พอหรือยัง?ถ้าเจ้ายังไม่รีบลงมือ ข้าจะไปบ่นกับฝ่าบาท!"
"หืม?"
คิ้วของชายชราขมวดเป็นปมและรู้สึกไม่ดีในใจ
"แควกก!"
เกิดเสียงแหลม และม่านแห่งความมืดก็พลันโดนเปลวไฟโหมกระหน่ำกลืนกิน!
วิหคเพลิงตัวโตลอยในอากาศ ตัวของมันลุกไหม้เหมือนดวงอาทิตย์ในท้องฟ้า!
เข่าของชายชรากลายเป็นอ่อนยวบและทรุดลงกับพื้นเสียงดังตุบ!
พอเห็นนกศักดิ์สิทธิ์ในอากาศ ตัวของเขาก็สั่นเล็กน้อย ดวงตาเต็มไปด้วยความกลัว
"มันเป็นเขา?"
"ท่านลุงเฟิง!"
ดวงตาของเซินอี้เหรินเป็นประกายและโบกมือไปมา
วิหคเพลิงสะบัดปีกมัน แปลงเป็นร่างสูงโปร่งท่ามกลางเปลวไฟลุกโหม
ตำแหน่งของเขาอยู่ต่ำกว่าจักรพรรดินีมารเท่านั้น เขาคือนักบุญใต้ เฟิงจงเฉวีย!
เฟิงจงเฉวียลอยลงจากอากาศและขมวดคิ้วใส่ซูสือ"เจ้ารู้ได้ไงว่าข้าอยู่ที่นี่?"
"ข้าแค่เดา'
ซูสือยักไหล่"ข้าคือสมบัติล้ำค่าของสำนัก ฝ่าบาทจะไม่ส่งคนมาปกป้องข้าได้อย่างไร?"
เฟิงจงเฉวียพูดไม่ออก
คนคนนี้ฉลาด ถึงแม้ข้าจะอยากใช้โอกาสนี้ดูพลังเขาก็ตาม..
ซูสือเหลือบมองชายชรา"ข้าบอกแล้วว่าเจ้าฆ่าข้าไม่ได้ ข้ามีคนคอยคุ้มครอง เจ้าเข้าใจหรือยัง?"
ชายชราเครายาวตัวสั่น
ชายคนนี้มีนักบุญแห่งวิถีมารคอยปกป้องเป็นการส่วนตัว?
ซูสือไม่สนใจเขาต่อ"ท่านนักบุญเฟิง ตรงนี้คงต้องรบกวนท่านแล้ว เราสองคนขอตัวเข้าภูเขาไปก่อน"
เฟิงจงเฉวียพยักหน้า"เอาเถอะ ข้าไม่สามารถเข้าภูเขาได้ พวกเจ้าสองคนดูแลตัวเองด้วย"
ประกาศิตของจักรพรรดิไม่ใช่เรื่องล้อเล่น
จักรพรรดินีมารสามารถเมินมันได้ แต่ไม่ใช่เฟิงจงเฉวีย
พอเขาเห็นทั้งสองเข้าภูเขาไป เฟิงจงเฉวียก็มองชายชราและพูดเสียงเย็น"พรุ่งนี้ สำนักเทียนอี้จะกลายเป็นประวัติศาสตร์"
อึดใจต่อมา เสียงไม่แยแสก็ดังขึ้นในอากาศ"ทางวังจะไม่ขอแทรกแซง แต่อย่าเอาผู้บริสุทธิ์มาเกี่ยวข้อง!"
มันเป็นเสียงลึกลับของม้ามังกรที่ลากรถมา
ตัวของชายชราสั่น ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง
"ผู้บริสุทธิ์?"
เฟิงจงเฉวียแค่นเสียง"ไม่มีใครในโลกนี้ที่บริสุทธิ์!'
ด้วยเหตุนั้น เขาก้าวเหยียบไปในสายลมและหายลับไป
บูม!
ตัวของชายชราระเบิดเป็นไฟและเปลี่ยนเป็นขี้เถ้า
ยอดฝีมืออาณาจักรวิญญาณแรกก่อตั้งขั้นปลายหายตัวไปโดยไม่อาจต่อต้าน
"โง่ คิดว่าซูสือจะฆ่าได้ง่ายๆหรือไง?"
เสียงลึกลับถอนหายใจ"จบความเกลียดชังเก่าและเริ่มความเกลียดชังใหม่ สำนักเทียนอี้ได้แตะเกล็ดย้อนของจักรพรรดินีมารเข้าแล้ว'
...
ซูสือกับเซินอี้เหรินเดินทอดน่องอยู่ท่ามกลางป่าทึบ
สัตว์อสูรด้านนอกล้วนโดนผู้บ่มเพาะที่เข้าภูเขามาก่อนล่อไปหมดแล้วและทั้งสองก็เดินทางแบบไร้อุปสรรค
แน่นอน นี่ยังหมายความว่ายิ่งพวกเขาเข้าใกล้ส่วนใน สถานการณ์ก็จะยิ่งอันตราย
พอนางมองดูต้นไม้ที่ล้มลงและเลือดที่สาดกระเซ็นรอบตัวนาง นางก็อดตัวสั่นไม่ได้ เหมือนได้เห็นนรกบนพื้นดิน
ซูสือพูด"เจ้ากลัวเหรอ?เมื่อกี้เจ้ายังกล้าหาญอยู่เลยนะ?"
เซินอี้เหรินบ่น"ใครบอกว่าข้ากลัว?"
แม้นางจะอารมณ์ร้อน นางก็แทบไม่เคยออกจากสำนักและไม่เคยเจอฉากน่าเศร้าเช่นนี้
ซูสือยื่นมือไปลูบหัวนาง"ไม่ต้องห่วง ข้าจะปกป้องเจ้าเอง"
ตัวของเซินอี้เหรินแข็งทื่อ นางจ้องเขาด้วยใบหน้าแดงก่ำ"ข้าไม่ต้องให้เจ้ามาปกป้อง!นอกจากนี้ อย่ามาลูบหัวข้า ข้าไม่ใช่ลูกสุนัข!"
'ข้าไม่ใช่ลูกสุนัข!'แม้ปากจะพูดนั้น แต่ในใจนางกลับรู้สึกอบอุ่นและความไม่สบายใจก็หายไป
ตอนนี้ เสียงดังขึ้นในหูของซูสือ
[แขกจากสำนักเทียนอี้ หวังมู่ตายแล้ว ส่งผลต่อโครงเรื่องต่อไป ได้รับสิบแต้มโครงเรื่อง]
แม้หวังมู่จะไม่ได้ถูกเขาฆ่า แต่ก็ตายเพราะเขา เขาจึงได้รับแต้ม
"โฮกก!"
ตอนนี้ เสือขาวตัวหนึ่งกระโจนมาหยุดด้านหน้าทั้งสอง ดวงตาสีแดงของมันจับจ้องทั้งงคู่อย่างหิวกระหาย!
ซูสือกำลังจะเตรียมลงมือ แต่เซินอี้เหรินก็วิ่งพุ่งตัดหน้าเขาไปพร้อมกระบี่ของนางแล้ว
"เจ้าจะมัวรออะไรอยู่?'
Copyright © 2025 xxxxx.com, All Right Reserved