ใบหน้าของบรรพชนกวางเฒ่าน่าเกลียดมาก
เขารู้ว่าเรื่องของเผ่าเสือจะไม่จบลงด้วยดี และเผ่าอื่นในแดนคนเถื่อนจะถูกอาณาจักรหลินหลางแก้แค้น
แต่เขาไม่คิดว่าความกระหายเลือดของเฟิงเฉาเกอจะมากมายขนาดนี้!
สามร้อยลี้ไม่ได้กว้างเท่าไหร่ และเมื่อเทียบกับอาณาจักรคนเถื่อนทั้งหมดแล้ว มันเป็นพื้นที่เพียงนิ้วเดียวเท่านั้น
แต่มันหมายถึงการประนีประนอมและการยอมจำนนจากคนภายนอก!
“แน่นอนว่าเผ่าเสือเป็นฝ่ายผิด แต่พวกเขาก็ชดใช้ด้วยสมาชิกทั้งเผ่าไปแล้ว!”
บรรพชนกวางเฒ่าขมวดคิ้ว “อาณาจักรหลินหลางทำเกินไป!”
ดูเหมือนว่าหยูเจ๋อจะคิดไว้อยู่แล้วว่าอีกฝ่ายพูดแบบนี้และส่ายหัว “เผ่าเสือถูกกวาดล้างโดยจักรพรรดินีมารขุมนรกเพื่อล้างแค้นให้เซิ่งจื่อของนาง ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับราชวงศ์”
"เจ้า!"
บรรพชนกวางเฒ่าโกรธจัด
นี่ไม่ใช่ข้อโต้แย้งที่เกินจริง!
"ข้าไม่เห็นด้วย! คนนอกเผ่าอื่นก็ไม่เห็นด้วยเช่นกัน!”
หยูเจ๋อส่ายหัว “ข้าไม่ได้มาที่นี่เพื่อคุย องค์จักรพรรดินีตัดสินใจแล้วว่าใครก็ตามที่กล้าขัดขวางการผลักป้อมปราการจะถูกประหารชีวิตทันที!”
ตาของบรรพชนกวางเฒ่าหรี่ลงเล็กน้อย “อวดดี เจ้าคิดจริงๆ หรือว่าข้าไม่กล้าฆ่าเจ้า?”
กลิ่นอายของเขาระเบิดออกมาราวกับเหวลึก!
ฟ้าดินถูกบดบังในทันใด!
ในฐานะที่เป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในหมู่คนนอก ไม่มีใครกล้าคุกคามเขา!
นับประสาอะไรกับมนุษย์จากแดนมนุษย์!
ถึงกระนั้นหยูเจ๋อก็ไม่กลัว
“เจ้าคิดว่าในอาณาจักรหลินหลางไม่มีคนที่แข็งแกร่งเลยหรือไง?”
“แม้ว่าเจ้าจะฆ่าทหาร 200,000 นายของเราทั้งหมด แต่อาณาจักรหลินหลางของเราก็ยังมีผู้คนนับพันล้าน!”
บูม!
ทหารสองแสนนายก้าวออกมา ระเบิดพลังจนพื้นดินสั่นสะเทือน!
จิตวิญญาณแห่งความกล้ารวมตัวและทำให้เมฆบนฟ้ากระจายออกทันที!
แต่ละคนเป็นยอดฝีมือของอาณาจักรหลินหลาง
ทหารกล้าที่ไม่กลัวความตาย!
ใบหน้าของบรรพชนกวางเฒ่าเปลี่ยนไปเล็กน้อย
เขารู้อยู่แก่ใจว่าถ้าเขาเคลื่อนไหว มันจะทำให้เกิดสงครามอย่างแน่นอน
เขาจะฆ่าแม่ทัพนี่ได้ยังไง!
หากทำอย่างนั้น มันจะกลายเป็นสงครามระหว่างเผ่าด้วยซ้ำ!
“เฟิงเฉาเกอ นังบ้า!”
เฟิงเฉาเกอ ในฐานะผู้ปกครองแห่งอาณาจักรหลินหลาง เจ้าแห่งฟ้าดินผู้ดำรงตำแหน่งจักรพรรดินีถือครองหมัดเหล็ก!
นอกเหนือจากทักษะของจักรพรรดินีแล้ว ตัวนางเองก็เป็นคนที่แข็งแกร่งที่สุด
เมื่อรวมกับยอดฝีมือจากสำนักเหล่านั้น หากพวกเขาต่อสู้กันจริงๆ พวกนั้นคงไม่กลัวอาณาจักรคนนอก!
“ฮึ่ม อาณาจักรหลินหลางของเจ้ากำลังมีปัญหาทั้งภายในและภายนอก และไม่สามารถดูแลตัวเองได้”
“สำนักยักษ์มารขุมนรกกำลังกระจายอำนาจไปทั่วเก้าภูมิภาคและพยายามที่จะยึดครองที่ราบกลาง เฟิงเฉาเกอมีทัศนคติที่แข็งแกร่ง ดูเหมือนว่านางต้องการแสดงอำนาจของนางและขัดขวางกองกำลังทั้งหมด!”
บรรพชนกวางเฒ่ายิ้มอย่างเย็นชา
เขามองทะลุความคิดของเฟิงเฉาเกอได้ชัดเจน
ในขณะนี้ ร่างสีขาวปรากฏจากระยะไกล
หยูเจ๋อจ้องมองและดวงตาของเขาก็สว่างวาบ ในขณะที่เขาตะโกนเสียงดัง "ซูเซิ่งจื่อ!"
“ซูเซิ่งจื่อ?”
ผู้คนต่างพากันเงยหน้าขึ้นมอง
ซูสือบินอยู่เหนือทุ่งหญ้าที่แห้งแล้ง
เมื่อนึกถึงท่าทีขี้อายและไม่มีแรงขัดขืนของอวี่เหรินเอ๋อร์ หัวใจของเขายังเต้นแรงไม่ยอมหยุด
เห็นได้ชัดว่าดวงตาของนางไร้เดียงสามาก แต่รูปร่างหน้าตาของนางดูเจ้าเล่ห์และมีเสน่ห์มาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากสวมห่วงอสูร
“นี่มันกำลังฆ่าข้า!”
“ทดสอบข้าด้วยอะไรแบบนี้หรอ? นี่ไม่ใช่การท้าทายจุดอ่อนของข้าหรือยังไง!”
หากไม่ใช่เพราะอวี่หยวนที่จ้องมองเขาจากด้านข้าง เขาคงจะรู้สึกมึนเมาจากความรู้สึกอ่อนโยนนั้น
ในขณะนี้ซูสือแข็งเล็กน้อย
เขามองไปที่ทหารมนุษย์จำนวนมากที่เรียงรายอยู่ด้านล่าง หันหน้าไปทางคนนอก
แม่ทัพที่เป็นผู้นำตะโกนและโบกมือให้เขา
“สถานการณ์เป็นอย่างไรบ้าง?”
ซูสือเคลื่อนตัวผ่านก้อนเมฆและลงบนพื้นช้าๆ
ดวงตาของบรรพชนกวางเฒ่าจริงจังขึ้น
นี่คืออัจฉริยะผู้ยิ่งใหญ่ที่ช่วยเมืองหวงหยวนไว้หรือ?
การที่สามารถทำลายค่ายกลสังหารโลหิตได้ในอาณาจักรแก่นทองคำนั้น ความแข็งแกร่งนี้ช่างน่ากลัวจริงๆ!
ควบคู่ไปกับการบ่มเพาะของจักรพรรดินีมารขุมนรก เกรงว่าในอนาคตจะไม่มีใครสามารถหยุดยั้งเขาได้!
“ซูเซิ่งจื่อ!”
ดวงตาของหยูเจ๋อตกตะลึง “ท่านไม่เป็นอะไรจริงๆ!”
ซูสือขมวดคิ้วและพูดว่า “ท่านรู้จักข้า?.
หยูเจ๋อกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ซูเซิ่งจื่อช่วยทุกคนจากหายนะ ท่านคือวีรบุรุษผู้ยิ่งใหญ่ของมนุษย์เรา ใครบ้างจะไม่รู้จักท่าน”
“ฝ่าบาทส่งข้าไปช่วยเมืองหวงหยวน แต่ข้าไปพบซูเซิ่งจื่อสายเกินไป”
“ตอนนี้เรารู้สึกโล่งใจมากที่เห็นซูเซิ่งจื่อไม่เป็นอันตราย”
ทหารโดยรอบมองมาที่ซูสือด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความชื่นชม
การกระทำของซูสือถูกเผยแพ่ออกไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งชื่อเสียงในกองทัพนั้นสูงมาก เมื่อเทียบกับความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ของเขา ตัวตนของเขาในฐานะผู้บ่มเพาะวิถีมารดูเหมือนจะไม่สำคัญไปเลย
ซูสือไม่ได้มีความรู้สึกที่ไม่ดีอะไรต่อทหารเหล่านี้
ยกเว้นขุนนางที่ตีสองหน้า แม่ทัพและทหารส่วนใหญ่ที่ต่อสู้ในแนวหน้าต่างมีจิตใจที่บริสุทธิ์
ยกตัวอย่างเช่น หวังเหมา แม่ทัพรักษาชายแดน
แม้ว่าพวกเขาจะยืนกันอยู่คนละฝ่าย แต่ก็ไม่ได้หยุดเขาจากการชื่นชมชายคนนี้
"จริงสิ"
หยูเจ๋อจำบางอย่างได้และพูดว่า “ฝ่าบาทต้องการให้ท่านไปเข้าเฝ้า”
ซูสือเงียบไปครู่หนึ่ง “มันดูไม่เหมาะสมหรือเปล่า?”
เขาเป็นศิษย์ของสำนักยักษ์มารขุมนรกดังนั้นในสายตาของจักรพรรดินีเขาจึงควรจะเป็นกบฏ
หยูเจ๋อเกาหัว “ฝ่าบาทบอกว่าควรให้รางวัลด้วยตัวเองสำหรับความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ที่ท่านทำ”
“อย่างนั้นหรือ?”
ซูสือลูบคาง
ไม่น่าจะมีเล่ห์เหลี่ยมอะไรหรอกใช่ไหม?
เมื่อเห็นบรรยากาศที่มืดมนรอบตัวเขา ซูสือก็ลังเล “แล้วตอนนี้ท่านกำลังทำอะไรอยู่?”
หยูเจ๋อไม่ปิดบังและกล่าวว่า “เผ่าเสือบุกเมืองหวงหยวน ฝ่าบาททรงโกรธมากและต้องการผลักป้อมปราการไปทางเหนือสามร้อยลี้”
ซูสือพยักหน้า “ถ้าอย่างนั้นพวกท่านก็เร่งมือเถอะ ข้าขอตัวก่อน”
“ขอรับ เชิญท่านตามสบาย”
หยูเจ๋อยิ้มและโบกมือให้
เมื่อเห็นพวกเขาสองคนพูดคุยกันราวกับว่าไม่มีใครอยู่รอบๆ ใบหน้าของบรรพชนกวางเฒ่าก็บิดเบี้ยวมากกว่าเดิม
“เฟิงเฉาเกออนุญาตให้ซูสือไปที่วังจริงๆ หรือ?”
“เป็นไปได้ไหมว่าความสัมพันธ์ระหว่างราชวงศ์กับสำนักยักษ์มารขุมนรกคลี่คลายลงแล้ว”
เมื่อนึกถึงวันนั้นที่อวิ๋นฉีหลัวกวาดล้างเผ่าเสือ หัวใจของบรรพชนกวางเฒ่าก็เย็นวาบ
มันโหดร้ายเกินไป!
ถ้าจักรพรรดินีมารเข้ามาแทรกแซงด้วย สถานการณ์จะยิ่งแย่!
เมื่อมองไปที่กองทัพมนุษย์ที่อยู่ตรงหน้าเขา ดวงตาของบรรพชนกวางเฒ่าก็สั่นไหว เขาลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะพูดว่า “วันนี้ข้าจะยอมถอย ไว้ค่อยคุยกันทีหลัง!”
นี่เป็นเรื่องที่สำคัญมาก ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถตัดสินใจได้ด้วยตัวเองและต้องขอความเห็นจากผู้อาวุโสคนอื่นๆ
หลังจากพูดจบ เขาก็โบกเสื้อคลุมและหายไปในอากาศ
แม้ว่าคนนอกคนอื่นจะดูไม่เต็มใจ แต่พวกเขาก็ทำอะรไม่ได้ ดังนั้นพวกเขาจึงได้แต่ถอย
หยูเจ๋อถอนหายใจโล่งอก
เป็นไปไม่ได้ที่จะบอกว่าไม่มีแรงกดดันทางจิตใจเมื่อเผชิญหน้ากับบรรพชนกวางเฒ่า
“ซูเซิ่งจื่อเพิ่งมาและพวกเขาก็ยอมถอย?”
หยูเจ๋อแย้มยิ้ม “ใครบอกว่าซูเซิ่งจื่อเป็นดาวมาร? ข้าคิดว่าเขาเป็นคนมีชื่อเสียงที่ได้รับพรจากราชวงศ์ของเราอย่างแน่นอน!”
เขาหยิบแผ่นหินขึ้นมาและเดินไปข้างหน้า
การเปิดพรมแดน นี่เป็นเกียรติสูงสุดสำหรับแม่ทัพ!
####
เมืองหวงหยวน
จ้านชิงเฉิงและเฉินชิงหลวนนั่งอยู่บนกำแพงเมือง เท้าของพวกนางแกว่งไปมาเบาๆ
“ชิงเฉิงเจ้าคิดว่าซูสือเขา...ประสบอุบัติเหตุจริงหรือเปล่า?”
เฉินชิงหลวนถามเสียงเบา
คิ้วของจ้านชิงเฉิงขมวดเล็กน้อย “ไร้สาระ เขาน่าจะสบายดี”
เสียงของเฉินชิงหลวนขาดหายไป “แต่ทำไมถึงไม่มีข่าวนานขนาดนี้ ...”
จ้านชิงเฉิงมองแกไปไปไกล การจ้องมองของนางดูสิ้นหวัง
“คนสารเลว เจ้าไปอยู่ที่ไหนกัน...”
ในขณะนั้น เสียงที่คุ้นเคยดังขึ้นข้างหลังพวกนาง “พวกเจ้ากำลังมองหาข้าอยู่หรือเปล่า?”
ร่างกายของทั้งสองแข็งทื่อ
จากนั้นพวกนางก็หัวควับไปมอง
"ซูสือ!"
Copyright © 2025 xxxxx.com, All Right Reserved