“เซิ่งจื่อไม่ต้องห่วงเรื่องทางนี้ ข้าจะดูแลที่นี่ให้ดี” เชินซิวพูด
ซูสือพยักหน้า “ถ้าอย่างนั้นข้าขอรบกวนผู้อาวุโสเชินซิวด้วย”
หวู่หม่างและเงาได้รับบาดเจ็บสาหัส และตอนนี้ต้องนอนพักฟื้น ไม่สามารถดูแลกิจการของเมืองได้ระยะหนึ่ง
เดิมทีเขาต้องการให้เชินซิวส่งยอดฝีมืออาณาจักรแก่นทองคำมาช่วยดูแลเมือง
แต่โดยไม่คาดคิด อีกฝ่ายอาสาอยู่ต่อและดูแลเมืองเฟิงซาให้
เชินซิวพูดด้วยรอยยิ้ม “จะไปลำบากอะไรนักหนา เขตตะวันตกเฉียงใต้เป็นหน้าที่ของข้าอยู่แล้ว”
ซูสือพยักหน้าและพูดต่อว่า “เชินซิวได้ทำงานของเขาแล้ว ข้าจะบอกเรื่องนี้กับนักบุญเซิน”
เชินซิวยิ้มหว้างให้กับคำพูดของเขา
"ระวังตัวด้วยเซิ่งจื่อ"
เมื่อมองไปที่เรือบินที่บินออกไป เชินซิวก็โบกมือให้ ปากของเขายิ้มกว้างไปจนถึงกกหู
“พูดกับคนฉลาดนี่มันสนุกจริงๆ!”
เหตุผลที่เขาเสนอตัวที่จะอยู่ในเมืองเฟิงชา ในแง่หนึ่งก็เพื่อจะได้สนิทกับซูสือ
ในทางกลับกัน เขาก็หวังว่าอีกฝ่ายจะพูดถึงเขาดีๆ ต่อหน้าเซินไป่หู่
ในฐานะเซิ่งจื่อ คำพูดของซูสือมีน้ำหนักมาก
“ถ้านักบุญเซินไป่หู่พอใจและให้โอกาสข้ามากขึ้น บางทีข้าอาจจะทะลวงไปสู่อาณาจักรที่สูงขึ้นก็ได้!”
เชินซิวตื่นเต้นมาก
เขาอดดีใจไม่ได้ที่เขาไม่ได้มีความสัมพันธ์ไม่ดีกับซูสือตั้งแต่แรก
เชินซิวฮัมเพลงเบาๆ เอามือไพล่หลังเดินเข้าไปข้างใน
เมืองไม่ได้อยู่ในสภาพที่มีปัญหามากนักในตอนนี้ ดังนั้นนี่จึงไม่ต่างอะไรจากการมาพักร้อน
ในขณะนี้ เสียงที่ดังฟังชัดดังมาจากข้างหลังเขา “สวัสดี นี่คือจวนแม่ทัพเมืองเฟิงซาใช่หรือไม่?”
“หืม?”
เชินซิวหันกลับไปมอง
และเห็นเด็กสาวตัวน้อยยืนอยู่ตรงหน้าเขา
เสื้อคลุมสีดำตัวใหญ่มีผ้าคลุมสีดำปิดแก้มของนางเผยให้เห็นเพียงดวงตาที่ชุ่มน้ำ
เชินซิวขมวดคิ้ว “เจ้าเป็นใคร?”
“ราชินีองค์นี้......อะแฮ่ม ข้ามาที่นี่เพื่อตามหาซูเซิ่งจื่อ”
หญิงสาวเกือบจะพูดอะไรไม่ออก
เชินซิวส่ายหัว “เซิ่งจื่อไม่ได้อยู่ที่นี่ คุยกับข้าถ้ามีเรื่องอะไร”
"ไม่อยู่ที่นี่?"
หญฺงสาวอดไม่ได้ที่จะผิดหวังเล็กน้อยและหยิบจดหมายออกมาจากหน้าอก “ข้าขอฝากสิ่งนี้ให้ซูเซิ่งจื่อ เมื่อเขากลับมา”
เชินซิวเอื้อมมือไปรับมัน
ก่อนที่เขาจะทันได้พูดอะไร หญิงสาวก็หันหลังกลับและวิ่งหนีไป “เดี๋ยวก่อน!”
“เจ้ายังไม่ได้บอกเลยว่าเจ้าเป็นใคร”
เชินซิวเกาหัว
หรือว่านางเป็นเพื่อนของเซิ่งจื่อ?
###
หุบเขาโหยวโจว สำนักยักษ์มารขุมนรก
อวิ๋นฉีหลัวแอบนับวัน
“แปลก ตามความเร็วของพวกเขาสองคน พวกเขาน่าจะมาถึงสำนักเมื่อวานนี้”
“อาจมีความล่าช้าระหว่างทาง?”
“แต่มากับหยูเจียวหลงไม่น่าจะมีอะไรผิดพลาด....”
ทันใดนั้น ผู้ดูแลก็เข้ามา “ฝ่าบาทเซิ่งจื่อและนักบุญตะวันออกกลับมาแล้วขอรับ”
"จริงหรอ?!"
เมื่อเห็นอวิ๋นฉีหลัวลุกขึ้นกะทันหัน ดวงตาของผู้ดูแลแทบถลน
เขาพยักหน้าและพูดว่า “พวกเขากำลังเดินทางมาที่วังยักษ์มารแล้วขอรับ”
อวิ๋นฉีหลัวสงบลงและนั่งลงบนเก้าอี้ของนาง “บอกแค่ว่าข้าอยู่อย่างสันโดษและไม่สะดวกที่จะไปพบพวกเขา ให้พวกเขากลับไปก่อน”
“เอ่อ...ขอรับ”
ผู้ดูแลสับสนเล็กน้อย
เมื่อนางได้ยินว่าเซิ่งจื่อกลับมา เห็นได้ชัดว่านางดีใจ ทำไมนางถึงแสร้งทำเป็นไม่อยากพบ?
จมูกสวยของอวิ๋นฉีหลัวยับยู่และนางพ่นเสียงเบาๆ "ฮึ่ม ข้าไม่ใช่คนที่เจ้าจะพบเจอเมื่อไหร่ก็ได้"
“เจ้าไม่กลับมาตามเวลา คราวนี้ถึงคราวที่ข้าจะเอาคืนเจ้าบ้าง!”
“แต่จะนานแค่ไหนดีล่ะ?”
"เจ็ดวัน?"
“ดูเหมือนนานไปหน่อย ประมาณห้าวัน...”
ซูสือและหยูเจียวหลงเดินมาที่วังยักษ์มาร
ไป่ชิงไม่ได้มาด้วย พวกเขาทั้งสองคนต้องมาเข้าพบฝ่าบาท
“ข้าไม่ได้กลับมานาน และข้ายังได้เป็นขุนนางในเมืองหลวง ฝ่าบาทต้องโกรธมากใช่ไหม?”
เมื่อนึกถึงจักรพรรดินีมารที่ 'มีน้ำใจ' ใจของซูสือก็กังวลเล็กน้อย
“เซิ่งจื่อ......”
“มีอะไร?”
ซูสือมองไปที่หยูเจียวหลง
หยูเจียวหลงลังเลอยู่ครู่หนึ่งและพูดเสียงต่ำว่า “ท่านช่วยไม่บอกฝ่าบาทเรื่องที่ช่วยข้าปราบพิษเย็นได้หรือไม่?”
ซูสือพยักหน้า “ไม่มีปัญหา แค่คิดว่าเรากำลังแลกเปลี่ยนความลับกัน”
เขาหมายถึงเรื่องความรักของเขากับจ้านชิงเฉิง
หยูเจียวหลงถอนหายใจอย่างโล่งอก “เอาล่ะ ถือเป็นข้อตกลง”
ซูสือกล่าว "หากนักบุญหยูมีปัญหาในการระงับพิษเย็น ท่านสามารถขอความช่วยเหลือจากข้าได้ตลอดเวลา"
"ช่วย?"
ความตื่นตระหนกแผ่ซ่านไปทั่วดวงตาของหยูเจียวหลง ขณะที่นางพูดตะกุกตะกัก “ในกรณีนั้น เอ่อ มันไม่จำเป็น”
ตราบใดที่พิษเย็นไม่ระเบิด นางยังคงสามารถระงับมันได้ด้วยพลังยุทธ์ของนาง
แค่มันเจ็บปวด
“แม้ว่ามันจะสบายกว่า แต่ก็น่าอายเกินไป!”
เมื่อนึกถึงวิธีที่ทั้งสองกอดกันแน่น ไอน้ำก็ลอยขึ้นเหนือหัวของนาง....
มาถึงประตู
ผู้ดูแลโค้งคำนับและกล่าวว่า “สวัสดีเซิ่งจื่อและนักบุญตะวันตก”
ซูสือพยักหน้าและกล่าว “เรามาเพื่อขอเข้าพบฝ่าบาท”
ผู้ดูแลยิ้มและพูดว่า “ช่างบังเอิญเหลือเกิน ฝ่าบาททรงปิดด่านบ่มเพาะ ไม่สะดวกที่จะเสด็จมาพบท่านทั้งสอง”
“ปิดด่าน?”
ซูสือขมวดคิ้วและถาม “หรือว่าฝ่าบาทจะได้รับบาดเจ็บ?”
อวิ๋นฉีหลัวเป็นยอดฝีมือที่มีพลังสูงสุด การนั่งสมาธิและการบ่มเพาะไม่มีความหมายสำหรับนาง
นางจะปิดด่านบ่มเพาะได้อย่างไร?
เขาส่ายหัวและกล่าว “เซิ่งจือกังวลมากเกินไป ฝ่าบาทแค่ประสบกับการเห็นแจ้งบางครั้งเท่านั้น”
"โล่งอกไปที!"
ซูสือถอนหายใจอย่างโล่งอก “ถ้าเช่นนั้น ข้าจะกลับมาเข้าเฝ้าใหม่วันหลัง”
จากนั้นเขาและหยูเจียวหลงก็หันหลังกลับจากไป
ในห้อง
มุมปากของอวิ๋นฉีหลัวโค้งขึ้นเล็กน้อยและยิ้มอย่างสดใส
“ผู้ชายคนนี้ควรจะได้รู้ว่ามันรู้สึกอย่างไรที่รอนานเกินไปจนหงุดหงิด วิธีนี้จะทำให้เขาสนใจข้ามากขึ้น!”
“งั้นก็รอไปสักสามวันก็แล้วกัน”
หยูเจียวหลงดูเหมือนวิ่งหนีอะไรบางอย่าง
เมื่อนางได้ยินว่าฝ่าบาททรงปลีกวิเวก ร่างของนางก็หายไปในพริบตา
ซูสือเดินคนเดียวไปยังที่พักของเขา
เหล่าสาวกตามทางทักทายด้วยการโค้งคำนับ
ในสายตาของพวกเขามีมากกว่าความชื่นชม แต่ยังมีความรู้สึกที่อธิบายไม่ได้อีกด้วย
ตอนนี้ซูสือไม่ได้เป็นเพียงเซิ่งจื่อของสำนักเท่านั้น แต่ยังเป็นวีรบุรุษของมนุษยชาติ เป็นอ๋อง และเป็นที่โปรดปรานของจักรพรรดินีด้วย
การมีตัวตนหลากหลายทำให้ผู้คนรู้สึกแปลกเล็กน้อย
แต่ฝ่าบาทก็ทรงจัดการกับข่าวลือเหล่านั้น
เซิ่งจื่กำลังทำราชการลับ
"ซูสือ!"
ในขณะนี้ เสียงร้องตกใจดังขึ้นข้างหลังเขา
ซูสือหันไปมอง และเห็นร่างที่คุ้นเคยจ้องมองมาที่เขาด้วยความไม่เชื่อ
“ศิษย์พี่เซิน?”
“กลับมาแล้วจริงๆ หรอเนี่ย?”
เซินอี้เหรินขยี้ตา รู้สึกว่ามันต้องไม่จริงแน่
ตั้งแต่นางกลับมาจากเมืองหวงหยวน นางไม่เคยเจอซูสืออีกเลย
แม้ว่านางจะยังได้ยินข่าวของอีกฝ่ายเรื่อย แต่ความปรารถนาในใจของนางแทนที่จะลดลง มันกลับเพิ่มขึ้น
ออกจากเมืองหวงหยวน และไปที่เมืองหลวงเว่ยหยาง
ก็เหมือนกับออกจากปากเสือไปเข้าถ้ำหมาป่าไม่ใช่หรอ?
ฝีเท้าของเซินอี้เหรินชะงักเล็กน้อย
นางดูเหมือนจะต้องการเข้ามาหาเขา แต่นางก็ยืนอยู่ที่เดิมอย่างลังเล
ซูสือยิ้มและอ้าแขนออก “เราร่วมเป็นร่วมตายมาด้วยกัน เราควรจะมอบอ้อมกอดอันอบอุ่นให้กันก่อนไม่ใช่หรือ?”
เซินอี้เหรินฟึดฟัดเบาๆ “ใครร่วมเป็นร่วมตายไปพร้อมกับเจ้ากัน”
แม้ว่านางจะพูดเช่นนั้น แต่นางก็ยังกอดซูสือด้วยใบหน้าแดงก่ำ
“นี่ นี่คือคำขอบคุณที่ช่วยข้าไว้....”
เมื่อรู้สึกถึงความร้อนในร่างกาย ในที่สุดหัวใจที่ห่อห้อยของเซินอี้เหรินก็ได้ปล่อยวาง
“เขากลับมาแล้วจริงๆ!”
“ศิษย์พี่เซิน ท่านกอดข้าแน่นเกินไป ....”
Copyright © 2025 xxxxx.com, All Right Reserved