"หูข้า แดง?"
เฟิงเฉาเกอเอามือไปแตะมันโดยไม่รู้ตัว
"อุ้ฟ"
เสียงหัวเราะดังมาจากซูสือ
เฟิงเฉาเกอรู้ตัวและพูดเสียงเย็น"เจ้าแกล้งข้างั้นเหรอ?"
"ข้าน้อยมิกล้า"
ซูสือส่ายหัว แต่ก็ยังขบขัน
จักรพรรดินีผู้นี้มีท่าทางเย็นชา แต่จริงๆแล้ว นางซ่อนความประหม่าเอาไว้
แม้นางจะเจ้าแผนการ แต่มันก็ดูเหมือนว่านางจะไม่เคยติดต่อกับชายใด
มันชัดเจนว่านางคาดเดาได้ยาก แต่บางครั้งนางก็ดูไร้เดียงสา
"เราจะทำอะไรกัน?"
ซูสือถาม"ดื่มต่อเหรอ?"
เฟิงเฉาเกอส่ายหัว"วันนี้ข้าไม่อยากดื่ม"
แม้การเมาจะรู้สึกดี นางก็ยังชินกับการทำให้ตัวเองตื่น
และนางยังอยากยืนยันสิ่งหนึ่ง
มันคือผลของฤทธิ์สุราที่ทำให้นางหลับสบาย หรือเพราะอ้อมกอดของซูสือนั้นวิเศษ?
"เอาล่ะ งั้นไปนอนกัน"
ซูสือลุกขึ้น เหยียดเส้นสาย
หลังฝึกมาทั้งวัน เขาก็เหนื่อยจริงๆ
ตอนนี้ เขาพลันคิดถึงบางสิ่งและมองเฟิงเฉาเกออย่างระแวง"ว่าแต่ ตอนนี้ท่านอยู่ในร่างของจักรพรรดินี หรือร่างของสาวน้อยผู้อ่อนโยนกัน?"
เฟิงเฉาเกอสับสน"สาวน้อยผู้อ่อนโยนอะไร?"
ซูสืออธิบาย"ท่านปิดผนึกฐานบ่มเพาะปัจจุบันหรือไม่?"
ผู้หญิงตรงหน้าเขาทรงพลังมาก
แม้จะไม่มีเจตนาร้าย แค่การกระทำแบบเผลอเรอก็อาจทำให้เขาตายได้
มันดีกว่าที่จะระวัง
"อืม'
เฟิงเฉาเกอยกนิ้วเรียวขึ้นแตะหน้าผาก
แสงสว่างวาบและแรงกดดันน่าเกรงขามก็ลดลง
ไม่เย็นชาและโดเดี่ยว แต่กลับสดใสและงดงาม
เฟิงเฉาเกอสวมใบหน้าจริงจัง"ตอนนี้ ข้าอ่อนโยนแล้ว"
ซูสืออดพยักหน้าไม่ได้"ข้าชอบท่านในสภาพนี้นะ'
นี่มอบความประทับใจที่ว่านางไม่เย็นชาและกลายเป็นอ่อนหวาน
เฟิงเฉาเกอแค่นเสียงเย็น"ข้าต้องสนหรือไงว่าเจ้าชอบไหม?"
นางยืนขึ้น ชุดหงส์ตัวหรูลากกับพื้น และนางก็เดินไปทางห้องนอนของนาง
ขณะที่แผ่นหลังนางหันให้ซูสือ มุมปากของนางก็ยกยิ้ม
บนเตียง
เฟิงเฉาเกอขดตัวในอ้อมแขนของซูสือ "ข้ามั่นใจแล้ว"
ซูสือถามอย่างอยากรู้"มั่นใจว่าอะไร?"
เฟิงเฉาเกอพูดเสียงเบา"ข้าชอบถูกเจ้ากอด"
"แค่ก!'
ซูสือเกือบสำลักน้ำลาย
มันเห็นได้ชัดว่านางยังพูดจาหยาบๆอยู่เลย การเปลี่ยนแปลงนี้เร็วไปไหม?
ใบหน้าสวยของเฟิงเฉาเกอขึ้นสีเล็กน้อย
นางไม่อยากยอมรับมัน
แต่ไม่ว่ายังไง ซูสือก็มีพลังวิเศษเช่นนั้นจริง
แค่นอนในอ้อมแขนของเขา มันก็เหมือนนางได้แช่บ่อน้ำพุร้อนแสนอบอุ่น รูขุมขนนางเปิด ร่างกายกับจิตใจนางผ่อนคลาย วิญญาณนางยังเหมือนลอยล่อง
กลิ่นกายของผู้ชายและเสียงหัวใจเต้นทำให้นางรู้สึกสบายใจมาก
ความโดดเดี่ยวอ้างว้างทั้งหมดหายไป
นางไม่ใช่จักรพรรดินีที่นั่งบนบัลลังก์เย็นเฉียบอีก แต่กลายเป็น'เฟิงเฉาเกอ'
"ข้า-"
ซูสือกำลังจะพูด แต่ก็ถูกมือเรียวเอามาปิดไว้
เฟิงเฉาเกอหลับตา"ข้าง่วงแล้ว เจ้าไม่ได้รับอนุญาตให้พูด"
"โอ้"
ซูสือเงียบไป
หลังจากนั้นไม่นาน
เฟิงเฉาเกอก็ตัวสั่น หน้านางพลันเปลี่ยนเป็นสีแดง นางลืมตาจ้องเขาเขม็งด้วยความอายและโรกธ
ราวกับนางจะอยากกัดเขา
ซูสือค่อยๆดึงมือออกจากชุดหงส์ของนางและพูดอย่างอึดอัด"มือข้ามันลื่น มือข้ามันลื่น"
เฟิงเฉาเกอกัดฟัน"ห้ามพูด ห้ามขยับ!"
ซูสือขมวดคิ้ง"ที่นี่ข้าไม่มีสิทธิ์อะไรเลยงั้นเหรอ?"
"ไม่ ข้าเผด็จการ"!
สองสามวันต่อมา ซูสืออยู่แค่สองที่ จวนสกุลเฉินกับวังหลวง
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ซูสืองุนงงคือเฉินหวังฉวนดูเหมือนจะเลี่ยงเขา เอาแต่อยู่ที่หน่วยปราบมารทุกวันและวิ่งหนีตอนเห็นหน้าเขาจากระยะไกล
"ดูเหมือนว่าข้าจะเบาปัญญาไป ประมุขเฉินเลยไม่ชอบ"
ซูสืออายเล็กน้อย
ในเมื่อเขาไม่สามารถเจอหน้าเฉินหวังฉวนได้ เขาเลยฝึกกระบี่กับเฉินชิงหลวน
ระหว่างวัน เขาประกระบี่กับเฉินชิงหลวน ส่วนตอนกลางคืน เขาจะไปวังเพื่ออุ่นเตียงให้จักรพรรดินี
ชีวิตแสนสุขของอ๋องเรียบง่ายมาก
คดีของฉูหยินปิดลงแล้ว
ภายใต้การไต่สวนของสามหน่วย หน่วยปราบมาร ผู้บังคับใช้กฏหมาย และวิหารต้าหลี่ การป้องกันของฉูหยินจึงล่มสลาย!
พูดได้ว่าเขาสารภาพหมดเปลือก
แต่ ไม่มีข่าวออกไปโลกภายนอกเกี่ยวกับว่าคำสารภาพคืออะไร
เหล่าเสนาบดีที่เคยรวมหัวกับองค์ชายต่างตื่นตระหนก
เมืองหลวงตกอยู่ในความเงียบ
แต่ทุกคนรู้ว่านี่คือความสงบก่อนพายุจะมา
ใครจะอ่านใจจักรพรรดิออก?
วังจ้าวเทียน
หลังซูสือกับเฟิงเฉาเกอกินข้าวเช้า สาวใช้ก็นำอาหารที่เหลือออกไป
ซูสือถาม"ท่านแน่ใจนะ?"
"แน่ใจ'
เฟิงเฉาเกอพยักหน้า"ฉูหยินต้องตาย"
ด้วยบาปที่ฉูหยินก่อ เขาควรถูกตัดหัวไปนานแล้ว
นางปล่อยมานานขนาดนี้เพราะนางคิดถึงสิ่งที่นางรับปากไว้กับจักรพรรดิพระองค์ก่อน
แต่อีกฝ่ายไม่ไว้หน้านาง
นางจะไม่ยอมทนถ้ามันเป็นเรื่องของสงครามระหว่างสองเผ่าและอะไรที่จะส่งผลต่อเผ่ามนุษย์
ซูสือถาม"แล้วสมาชิกคนอื่นของจวนองค์ชายเล่า?"
เฟิงเฉาเกอพูดอย่างไม่แยแส"จะไม่มีใครรอดสักคน"
หากอยากตัดต้นไม้ มันต้องถอนรากถอนโคนให้หมด
บริสุทธิ์?
ทุกคนจากตระกูลเกาบริสุทธิ์ไหม?คนในเมืองหวงหยวนเป็นผู้บริสุทธิ์กันหมดไหม?
ในเมื่อพวกเขาเพลิดเพลินกับความรุ่งโรจน์และความมั่งคั่งที่นำมาโดยอำนาจ พวกเขาก็ควรแบกรับความรับผิดชอบ
ซูสือไม่พูดอะไร
บาปของฉูหยินร้ายแรงจริงๆ
ตอนนี้ ขุนนางหญิงเดินเข้ามา ถือกล่องหยกในมือ ภายในเป็นชุดที่พับอย่างเรียบร้อย
"ฝ่าบาท ชุดทางการของท่านอ๋องพร้อมแล้วเจ้าค่ะ"
ซูสือยิ้ม"ชุดทางการของข้า?"
เฟิงเฉาเกอพูด'ในเมื่อเจ้าเป็นอ๋อง เจ้าก็ต้องมีชุดขุนนาง มันควรมอบให้เจ้านานแล้ว แต่ข้าเดาว่าเจ้าคงไม่สวม"
ซูสือเกาหัว
เหนือสิ่งอื่นใด เขาคือเซิ่งจื่อของวิถีมาร
การสวมชุดขุนนางของจักรวรรดิค่อนข้างแปลก
"นั่นทำให้ข้าสั่งทำชุดใหม่ให้เจ้า"
เฟิงเฉาเกอหยิบชุดออกจากกล่องหยก
ชุดด้านหน้าเขาเป็นสีขาวเงิน ดูเหมือนแสงดาวอ่อนๆเวลาต้องแสง และมีงูห้ากรงเล็บเก้าตัวปักอยู่บนหน้าอกกับแผ่นหลัง ขอบของชายผ้าคลุมเย็บด้วยผ้าไหมสีทอง
มันหรูหราและสูงส่งมาก
"มันถักทอด้วยไหมปราณ ซึ่งทนต่อคมดาบคมกระบี่ ทนน้ำทนไฟ"
"ลายงูบนนั้นจะปรากฏตอนถ่ายพลังปราณลงไปเท่านั้น ปกติแล้วมันจะดูเหมือนเสื้อผ้าทั่วไป"
"แบบนี้ เจ้าคงยอมรับมันได้ง่ายกว่าใช่ไหม?"
ซูสือยื่นมือไปรับมัน
ผิวของผ้าเย็นมาก และมีกลิ่นหอมอ่อนๆ
แม้เฟิงเฉาเกอจะไม่พูด ซูสือก็รู้ว่านางต้องทุ่มเทความคิดลงไปมากกับการออกแบบชุดของเขา
เพราะปกติเขาชอบสวมชุดขาว นางเลยเปลี่ยนชุดขุนนางสีม่วงเป็นขาวเงิน
ซูสือเงยหน้าและถาม"ข้าขอเปลี่ยนชุดเลยได้ไหม?"
ดวงตาของเฟิงเฉาเกอเต็มไปด้วยความตื่นเต้น"เจ้าอยากเปลี่ยนก็เปลี่ยนสิ จะมาขออนุญาตจากข้าทำไม?"
ซูสือขยับมือ เตรียมถอดเสื้อทันที
"หยุด!"
เฟิงเฉาเกอร้องหยุดทันควัน หันไปมองขุนนางหญิง พูดเสียงเย็น"อะไร เจ้าอยากดูหรือไง?"
จากนั้นขุนนางหญิงถึงได้สติและรีบพูด"ข้าน้อยมิกล้า"
นางรีบก้มหัวและถอยไป
นางยังปิดประตูอย่างชาญฉลาด
มีแค่ทั้งสองที่อยู่ในห้อง
เฟิงเฉาเกอมองซูสือ แก้มของนางขึ้นสีชมพู นางพยักหน้า"เปลี่ยนสิ"
ซูสือ"..."
Copyright © 2025 xxxxx.com, All Right Reserved