ซูสือตัวแข็งทื่อ
เขาจะได้ของขวัญอะไรกันนะ?
ตอนอวิ๋นฉีหลัวเห็นว่าเขาไม่พูดอะไร นางก็ขมวดคิ้ว"อะไร เจ้าไม่อยากได้?"
"ข้าอยากได้"
ซูสือพยักหน้า
เขาแค่ต้องรอในห้องนอนใช่ไหม?มันไม่ใช่ว่าเขาไม่เคยทำ
อวิ๋นฉีหลัวพ่นลม"ดี"
แม้นางจะเขินอาย แต่สิ่งที่เกิดขึ้นคืนก่อนก็มอบความรู้สึกวิกฤตให้นาง
ซูสือดึงดูดสาวๆได้เก่ง
แม้กระทั่งน้ำแข็งอย่างหยูเจียวหลงก็ยังละลาย
ถ้าตัวนางไม่ให้อะไรเขาบ้าง นางกลัวว่าเขาจะถูกแย่งไป!
บรรยากาศค่อยๆดี
ซูสือถาม'ฝ่าบาทมีความอยากหรือยัง?"
อวิ๋นฉีหลัวอ้าปาก"ข้าจะกิน"
'ดี"
ซูสือหยิบจานขึ้นมาและขณะที่กำลังจะคีบอาหารวางลงบนจาน เขาก็ได้ยินนางพูดด้วยเสียงไม่พอใจ
"ข้าไม่ได้จะกินแบบนี้'
"แล้วจะกินแบบไหน?"
ซูสือพลันเข้าใจและยื่นไปจ่อปากนาง"นี่ อ้า"
แก้มของอวิ๋นฉีหลัวขึ้นสี ปากของนางเปิดขึ้น
พอเห็นใบหน้านาง ซูสือก็กลืนน้ำลาย หัวใจเต้นเร็วขึ้น
คนอีกคนผุดขึ้นในหัวเขาอย่างเลี่ยงไม่ได้
ถ้าเฟิงเฉาเกอคือดอกไม้จากขุนเขาสูงที่เติบโตบนหน้าผาก งั้นอวิ๋นฉีหลัวก็คือดอกกุหลาบที่เบ่งบานท่ามกลางขวากหนาม อันตรายแต่มีเสน่ห์
"ทำไมถึงมองข้าแบบนั้น?"
อวิ๋นฉีหลัวโบกมือไปมาด้านหน้าเขา
ซูสือได้สติและส่ายหัว"มันเพราะฝ่าบาทสวยเกินไป"
"ฮึ่ม เจ้าปากหวานนักนะ"
อวิ๋นฉีหลัวมองเขาอย่างเขินอายและถาม"งั้นใครกันที่สวยกว่า ข้าหรือหยูเจียวหลง?"
ซูสือพูดโดยไม่ลังเล"ถ้าพูดถึงเสน่ห์แล้ว ฝ่าบาทเหนือกว่า"
หยูเจียวหลงสวยมาก
แต่จักรพรรดินีมารมีฐานะสูงและปกครองวิถีมาร บรรยากาศที่นางแผ่ออกมาไม่ใช่ที่ใครจะเทียบได้
มุมปากของอวิ๋๊นฉีหลัวยกโค้ง"ข้าเข้าใจแล้ว'
"แต่..."
ซูสือลูบคางและพึมพำ"นักบุญหยูหุ่นดีมาก เอวบาง ขายาว รวมถึงผิวขาวเนียนนุ่ม ข้ายังไม่ได้เห็นเรือนร่างของฝ่าบาท มันจึงสรุปได้ยาก..."
ก่อนเขาจะพูดจบ อวิ๋นฉีหลัวก็หยิกเอวเขาและกัดฟัน"เจ้าชอบเปรียบเทียบกับข้านักใช่ไหม?"
"โอ้ย โอ้ย"
ซูสืออยากร้อง"ก็ท่านถามเองนะ?"
"ข้าถามแต่เจ้ากล้าให้คำตอบเช่นนี้!เจ้ามีเวลาสาวินาทีเพื่อลืมหยูเจียวหลงไปซะ!"
ครึ่งก้านธูปต่อมา
สุดท้ายห้องอาหารก็กลับสู่ความเงียบ
อวิ๋นฉีหลัวจ้องเขาโกรธๆ"สามหาวนัก เจ้ากล้าเทียบข้ากับผู้อื่น!"
ซูสือรีบคีบอาหารเข้าปากนาง"ฝ่าบาท กินก่อน"
"ก็ได้"
อวิ๋นฉีหลัวเคี้ยวด้วยแก้มที่ป่อง"นี่มันแย่มาก!"
"ท่านอิ่มหรือยัง?"
"...อืม ข้ายังอยากกิน"
ซูสือป้อนนางต่อ
อวิ๋นฉีหลัวนั่งบนเก้าอี้ และรอคนป้อนอย่างเชื่อฟัง
จักรพรรดินีไม่สามารถหลับได้ตอนไม่มีเขา ส่วนจักรพรรดินีมารก็ไม่ชอบกินตอนไม่มีเขา
มันชัดเจนว่าทั้งสองคือคนที่มีอิทธิพลมาก แต่ในมุมมองของชีวิต พวกนางเหมือนเด็กที่ดูแลตัวเองไม่เป็น
"เป็นทั้งหมอนกับพี่เลี้ยงเด็กพร้อมกัน และทำหน้าที่เป็นเครื่องให้ความอุ่น..."
ซูสือถอนหายใจ"พลังอันยิ่งใหญ่มาพร้อมกับความรับผิดชอบอันใหญ่ยิ่ง ต้องใช้คำนี้สินะ?"
หลังกินเสร็จ คนก็มาเก็บจาน
ครั้งนี้ อวิ๋นฉีหลัวคิดอะไรได้และลุกขึ้น"เจ้ามากับข้าก่อน"
ซูสือตามนางไป
ทั้งสองเดินออกจากห้องและเดินไปทางหลังภูเขา มาถึงด้านหน้าประตูถูเขา
ด้านหน้าประตูมีชายสวมเกราะสีดำสองคนยืน ใบหน้าพวกเขาซ่อนใต้เงา ผแกลิ่นอายน่ากลัวเหมือนขุมนรกที่ทำให้รูม่านตาของซูสือหด ความรู้สึกที่ทหารสองคนนี้มอบให้เขานั้นไม่อ่อนแอไปกว่าสี่นักบุญ!
ทหารสวมเกราะดำคุกเข่าลงข้างหนึ่ง"น้อมพบฝ่าบาท"
อวิ๋นฉีหลัวพยักหน้า"เปิดประตู"
"ขอรับ"
ทหารทั้งสองลุกและหนึ่งในนั้นก็จับห่วงประตู
ประตูภูเขาเปล่งแสง และสิ่งก่อสร้างโบราณก็ปรากฏขึ้นจากอากาศ
มีแสงเจ็ดสีแผ่จากประตู และตัวอักษรสีดำที่เขียนว่า : หอหมื่นสมบัติ
หอหมื่นสมบัติ?
ฝ่าบาทพาข้ามาที่นี่?
ซูสือมึนงง
หอหมื่นสมบัติคือคลังของสำนักยักษ์มารขุมนรก ว่ากันว่ามันมีสมบัติสวรรค์นับไม่ถ้วน และมีแค่ผู้ที่ทำความดีความชอบให้แก่สำนักอย่างมหาศาลถึงเข้าไปเลือกสมบัติได้สักชิ้น
และเท่าที่เขารู้มา มันมีไม่เกินสิบคนที่มีสิทธิ์!
พอเขาตามอวิ๋นฉีหลัวเข้าไป ซูสือก็รู้สึกเหมือนตาตัวเองกำลังจะบอด
เขาเห็นชั้นวางมากมายด้านหน้า ทั้งหมดเป็นสมบัติจิตวิญญาณ เม็ดยาเซียนและเคล็ดบ่มเพาะมากมาย
ยังมีอาวุธรูปทรงต่างๆ และทุกชิ้นก็ล้วนเป็นสมบัติชั้นเลิศ
อย่างไรก็ตาม นี่แค่ชั้นแรกของหอหมื่นสมบัติ ยิ่งขึ้นไปสูง สมบัติยิ่งล้ำค่า!
"ก่อนหน้านี้ เจ้าไม่แข็งแกร่งพอ ข้าเลยไม่เคยพาเจ้ามา"
อวิ๋นฉีหลัวพูด"ตอนนี้ที่เจ้าเป็นเซิ่งจื่อและอาณาจักรบ่มเพาะก็เข้าสู่แก่นทองคำขั้นสมบูรณ์แล้ว เจ้าสามารถเลือกสมบัติชิ้นใดก็ได้ตามใจชอบ"
"เลือก?"
ซูสือตัวแข็ง
นี่ล่อลวงกันเกินไปแล้ว!
อวิ๋นฉีหลัวพูดอย่างไม่แยแส"ข้าบอกว่าข้าจะทำให้เจ้ามีทรัพยากรไร้สิ้นสุด เจ้าคิดว่ามันเป็นเรื่องโกหกหรือไง?"
ซูสือพยักหน้า"งั้นข้าจะไม่สำรวม.
เขาไม่มองสมบัติบนพื้นและเดินตรงไปทางบันได
ในเมื่อเลือกชิ้นไหนก็ได้ เขาก็ต้องเลือกชิ้นที่ดีสุด!
แต่ตอนเขาไปถึงบันได เขาก็ถูกกำแพงที่มองไม่เห็นขวางไว้
อวิ๋นฉีหลัวยิ้ม"ข้าลืมบอกเจ้าไปว่ามีเพียงผู้บ่มเพาะอาณาจักรวิญญาณแรกก่อตั้งถึงขึ้นไปชั้นสองได้ สำหรับชั้นสาม เจ้าต้องเป็นผู้บ่มเพาะอาณาจักรเทพสถิต"
มันปหนูที่หิวโหยมากมาย
โอกาสอยู่ด้านหน้า แต่เขาไม่อาจเอื้อมถึง
แน่นอนว่าอวิ๋นฉีหลัวสามารถพาซูสือขึ้นไปชั้นสามได้ และต่อให้เป็นสมบัติศักดิ์สิทธิ์ นางก็สามารถให้เขาเลือกได้
แต่ด้วยฐานบ่มเพาะปัจจุบันของเขา เขาจะไม่สามารถดึงพลังของสมบัติศักดิ์สิทธิ์ได้ และจะทำให้เกิดความโลภอีกด้วย
"ก็ได้"
ซูสือเดินกลับมาด้วยหัวที่ก้มต่ำอย่างหดหู่
อวิ๋นฉีหลัวมองอย่างขบขัน"เจ้าจะรีบไปไหน?เจ้าคือผู้สืบทอดของข้า ทั้งหมดนี้ก็จะเป็นของเจ้าอยู่แล้วในอนาคต"
ซูสือกะพริบตา"ไม่ใช่ว่าฝ่าบาทก็เป็นของข้าเหรอ?"
"อะไร เจ้าพูดเรื่องอะไร!"
อวิ๋นฉีหลัวหน้าแดง
ชายคนนี้ชักกล้าขึ้นเรื่อยๆ!
ซูสือค้นผ่านชั้นวาง และแสบตาไปหมด
สมบัติบนชั้นนี้อย่างเดียวก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าคลังสมบัติของเผ่าจิ้งจอกแล้ว!
นี่ช่วยยืนยันถึงพลังของสำนักยักษ์มารขุมนรกได้เป็นอย่างดี
ตอนนี้ แสงหนึ่งพลันคว้าความสนใจของซูสือ
"หือ?มีสิ่งนี้ด้วยเหรอ?"
Copyright © 2025 xxxxx.com, All Right Reserved