ตอนที่ 44

ดินแดนแห่งเมฆา

"เจ้าพูดอะไร?"

ซือคง หลานเยวี่ยพูดด้วยเสียงแปลกใจ“แน่ใจหรือว่าเป็นพรสวรรค์ระดับศักดิ์สิทธิ์ขั้นสมบูรณ์?!”

นักพรตเต๋าในชุดสีเทาที่ยืนอยู่ข้างหน้านางตอบว่า “ขอรับ ข้ากลับมาจากงานทดสอบพรสวรรค์ของสำนักมารที่ซึ่งหยกรับรู้วิญญาณระเบิดต่อหน้าสาธารณชนและกลายเป็นดาวกระจายบนท้องฟ้า เป็นสัญลักษณ์ของระดับศักดิ์สิทธิ์ขั้นสมบูรณ์”

ซือคง หลานเยวี่ยตกอยู่ในความเงียบ

เมฆรอบตัวนางเหมือนคลื่นปั่นป่วน

พรสวรรค์ระดับศักดิ์สิทธิ์ขั้นสมบูรณ์

ด้วยธรรมชาติของนาง นางเข้าใจว่ามันหมายถึงอะไร

สมบูรณ์และไร้ที่ติ ด้วยกฎของเต๋าในปากของเขา เขาเกิดมาเป็นบุตรแห่งเต๋า

แม้แต่จ้านชิงเฉิงที่มีพรสวรรค์ระดับสุดยอดขั้นสมบูรณ์ก็ยังพบว่ามันยากที่จะมอง

นี่คือพรสวรรค์ในตำนาน แต่ตอนนี้มันได้ปรากฏขึ้นในโลกจริงแล้ว และเป็นคนของสำนักมาร?

“ตัวตนของบุคคลนั้นได้รับการตรวจสอบอย่างชัดเจนแล้วหรือยัง?”

ซือคง หลานเยวี่ยถามเสียงดัง

นักพรตเต๋าในชุดสีเทาตอบว่า “เรียบร้อยแล้วขอรับ ไม่ใช่ใครอื่นแต่เป็นซูสือที่เอาชนะเฉินชิงหลวนเมื่อสองสามวันก่อน”

ซือคง หลานเยวี่ยตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง “เป็นเขาจริงๆ หรือ?”

นางคิดว่าเป็นศิษย์ที่เพิ่งเข้าร่วมสำนัก คาดไม่ถึงเลยว่าจะเป็นแม่ทัพตัวน้อยของภูมิภาคตะวันตกเฉียงใต้!

เขามีพรสวรรค์ระดับศักดิ์สิทธิ์ขั้นสมบูรณ์จริงๆ!

“ไม่น่าแปลกใจที่จักรพรรดินีมารไม่ลังเลที่จะออกประกาศิตสังหารทมิฬ”

ความคิดของซือคง หลานเยวี่ยเปลี่ยนไป และเย้ยหยัน “ซ่อนอัจฉริยะไว้ในถิ่นทุรกันดารเป็นเวลาสิบปี ความคิดของอวิ๋นฉีหลัวค่อนข้างลุ่มลึก”

ในสายตาของชาวโลก แม้ว่าฝ่ายมารจะทรงพลัง แต่ก็ไม่ได้มีพลังมากมายอยู่เบื้องหลัง

ตำแหน่งศิษย์สืบทอดว่างมาหลายปีแล้ว และไม่มีผู้มีความสามารถระดับสูงอย่างจ้านชิงเฉิงหรือเฉินชิงหลวนในกลุ่มคนรุ่นใหม่

ทุกคนคิดว่าตราบใดรุ่นของจ้านชิงเฉิงเติบใหญ่ เกล็ดแห่งชัยชนะจะชี้นำฝ่ายธรรมะอย่างแน่นอน

แต่ที่น่าแปลกใจคือ นี่เป็นภาพมายาที่สร้างขึ้นโดยฝ่ายมาร!

สุดยอดอัจฉริยะที่จักรพรรดินีมารฝึกฝนอย่างลับๆ ได้ถือกำเนิดขึ้นแล้ว!

นักพรตเต๋าในชุดสีเทาพูดด้วยน้ำเสียงทุ้มว่า “ถ้าเราปล่อยให้ซูสือเติบโต ข้าเกรงว่าจะเกิดปัญหาไม่รู้จบข้างหน้า เราควรตัดไฟเสียตั้งแต่ต้นลม ก่อนที่ปัญหาจะใหญ่ขึ้น”

ซือคง หลานเยวี่ยส่ายหัว “จักรพรรดินีมารไม่ใช่คนโง่ อัจฉริยะเช่นนี้ต้องมียอดฝีมือชั้นยอดคอยปกป้องเขา ไม่ใช่คนที่เราสามารถฆ่าเพียงเพราะต้องการได้”

“แม้ว่าเราจะสามารถฆ่าเขาได้ แต่เราก็จะเผชิญกับความโกรธแสนน่ากลัวของจักรพรรดินีมาร ศาลาเทียนจีอาจไม่กลัว แต่ผู้คนบนโลกนี้ล่ะ?”

ด้วยธรรมชาติของอวิ๋นฉีหลัว ซือคง หลานเยวี่ยกลัวว่านางจะทำให้เก้าภูมิภาคกลายเป็นทะเลเลือด!

นักพรตเต๋าในชุดสีเทาขมวดคิ้ว “แต่ถ้าซูสือโตขึ้น เขาจะกลายเป็นจักรพรรดิมารองค์ต่อไปในอนาคต และผู้คนจะยังคงต้องทนทุกข์ทรมานเช่นกัน”

ซือคง หลานเยวี่ยจะไม่เข้าใจความจริงข้อนี้ได้อย่างไร?

นางลังเลอยู่นาน และหลังจากชั่งน้ำหนักตัวเลือกในใจของนางแล้ว นางก็กล่าวว่า “พรสวรรค์เป็นสิ่งสำคัญในเส้นทางแห่งการบ่มเพาะ แต่โอกาส หัวใจ และความพยายามก็ขาดไม่ได้เช่นกัน”

“ข้าเชื่อในชิงเฉิง ในอนาคตนางอาจจะไม่อ่อนแอกว่าซูสือ”

แม้ว่านักพรตเต๋าในชุดเทาจะไม่ยอม แต่ก็ไม่มีอะไรที่เขาสามารถทำได้

ในใจของเขา เขาแอบคิดว่าเจ้าสำนักไม่มีเหตุผล!

ศิษย์สืบทอดจ้านเป็นอัจฉริยะอย่างแท้จริง แต่อีกด้าน เหนือฟ้ายังมีฟ้า!

คนหนึ่งอยู่บนยอดเขา อีกคนอยู่บนท้องฟ้าอันกว้างใหญ่!

มันจะเปรียบเทียบกันได้อย่างไร?

ขณะที่นักพรตเต๋าชุดเทาถอยออกไป ซือคง หลานเยวี่ยก็ถอนหายใจเงียบๆ

มีเหตุผลอื่นที่นางไม่ได้พูด

หากซูสือวางมือบนนางแล้วจริง งั้นอวิ๋นฉีหลัวจะไม่มีทางปล่อยจ้านชิงเฉิงไป!

นางไม่ต้องการเอาชีวิตลูกศิษย์ที่นางรักไปเสี่ยง

“หวังว่าข้าจะตัดสินใจถูกนะ......”

......

เมืองหลวงเว่ยหยาง

ด้านนอกประตูหลักของหน่วยปราบมาร ร่างในชุดสีเขียวซ่อนตัวอยู่หลังกำแพงและตรวจสอบลาน

ไม่ใช่ใครอื่นนอกจากเฉินชิงหลวน

ด้วยความเร็วของนาง นางควรจะกลับมาถึงตั้งนานแล้ว

เพียงแค่นางล่าช้าและเสียเวลาไปมากบนท้องถนน

นับตั้งแต่ที่นางออกเดินทางเพื่อต่อสู้กับมารตอนอายุสิบสี่ปี นางไม่เคยแพ้การต่อสู้เลยแม้แต่ครั้งเดียวในรอบสิบปี และเป็นที่รู้จักในฐานะผู้ไม่เคยพ่ายของหน่วยปราบมาร

ตอนนี้ไม่เพียงแต่นางจะแพ้ซูสือที่ไม่เป็นที่รู้จักเท่านั้น แต่นางยังถูกจับตัวไปหลายวัน......

“มันน่าอายจริงๆ!”

เฉินชิงหลวนเอามือปิดหน้าผากของนาง “พวกเขาจะต้องหัวเราะเยาะข้าอย่างแน่นอน!”

นางลังเลอยู่นอกประตูเป็นเวลานานก่อนจะรวบรวมความกล้าเขย่งเท้าเข้าไปในห้องทำงานของผู้ตรวจการหลวงที่ใกล้กับกำแพงสุด

แต่ก่อนที่นางจะก้าวขา เสียงตะโกนตกใจก็ดังขึ้นข้างหลังนาง

“ผู้ตรวจการหลวงเฉิน?!”

เฉินชิงหลวนตัวแข็งทื่อและหันกลับไปช้าๆ

นางเห็นข้ารับใช้จ้องมองมาที่นางด้วยท่าทางตื่นเต้น “ผู้ตรวจการหลวงเฉิน ท่านกลับมาแล้วหรือ?”

มุมปากของเฉินชิงหลวนกระตุก “จิ๊ ......”

“อะไรนะ? ผู้ตรวจการหลวงเฉินกลับมาแล้วหรอ?!”

"นางอยู่ที่ไหน?"

“ผู้ตรวจการหลวงเฉินกลับมาแล้วจริงๆ!”

ฝูงชนตกใจกับเสียงนั้น และแห่กันเข้ามาในลาน

บรรยากาศครึกครื้นและอลเวงอยู่พักหนึ่ง

นี่เป็นความอัปยศอย่างมาก!

เฉินชิงหลวนก้มหน้าด้วยความพ่ายแพ้ พร้อมที่จะเผชิญหน้ากับการเยาะเย้ยของพวกเขา

“ท่านเฉินมาแล้ว!”

มีคนตะโกนและฝูงชนที่ส่งเสียงดังก็เงียบลงทันที

ฝูงชนถอยห่างและแหวกทางในขณะที่ชายวัยกลางคนที่มีหนวดเคราสีขาวเล็กน้อยค่อยๆ เดินเข้ามาหานาง

เฉินหวังฉวน

ผู้บัญชาการของมือปราบมารและเสนาบดีผู้รับผิดชอบการคุ้มกันขบวนรถขององค์จักรพรรดิ!

ฝ่าบาทยังต้องเรียกเขาว่า'อาจารย์'

"ท่านพ่อ"

เฉินชิงหลวนก้มหน้าลง “ข้าไร้ความสามารถ......”

“ชิงหลวน เจ้าทำได้ดีมากแล้ว”

เฉินหวังฉวนตบไหล่ของนาง และยิ้มอย่างเป็นมิตร

เฉินชิงหลวนตัวแข็งทื่อ

พ่อของนางมักจะมีใบหน้าแข็งกร้าวอยู่เสมอ แม้ว่านางจะอยู่ในหน่วยปราบมารมามากว่าสิบปี แต่นางก็ไม่เคยได้ยินเขาชมนางเลยแม้แต่ครั้งเดียว

ตอนนี้นางล้มเหลว เขากลับบอกว่านางทำได้ดี?

นางถามอย่างระมัดระวัง “การปิดล้อมครั้งนี้ล้มเหลวและข้าก็แพ้...ทำไมท่านถึงไม่วิจารณ์ข้าล่ะ?”

“ชัยชนะและความพ่ายแพ้เป็นเรื่องธรรมดาในกองทัพ”

เฉินหวังฉวนส่ายหัว “ยิ่งไปกว่านั้น เจ้าเผชิญหน้ากับซูสือ มันเป็นเรื่องดีมากแล้วที่เจ้าสามารถป้องกันตัวเองได้”

เฉินชิงหลวนเกาหัว “หือ?”

“เจ้ายังไม่รู้เหรอ? มารซูนั้นมีพรสวรรค์ระดับศักดิ์สิทธิ์ขั้นสมบูรณ์ เป็นอัจฉริยะระดับสูงที่ซ่อนอยู่ในวิถีมารมานานกว่าสิบปี!”

เฉินหวังฉวนชมเชย “ในบรรดาผู้ที่ไปปิดล้อม มีเพียงเจ้าเท่านั้นที่สามารถหลบหนีได้โดยไม่ได้รับบาดเจ็บ สมกับเป็นลูกสาวของข้า!"

“สมกับเป็นผู้ตรวจการหลวงเฉิน!”

ฝูงชนกล่าวเสริม

ดวงตาของเฉินชิงหลวนแข็งทื่อ

มารวิตถารคนนั้นมีพรสวรรค์ระดับศักดิ์สิทธิ์ขั้นสมบูรณ์จริงๆ!

แก้มของนางแดงไหม้เล็กน้อยขณะที่นางฟังคำชื่นชมจากผู้คนรอบตัวนาง

นางรู้อยู่ในใจของนางเองว่าไม่มีสิ่งที่เรียกว่าการหลบหนีได้โดยไม่ได้รับบาดเจ็บ นางถูกซูสือปล่อยตัวออกมา......

นางถูกผู้ชายคนนั้นจีบอย่างไม่ใส่ใจด้วยซ้ำ ......

เมื่อนางนึกถึงคำสาบานที่นางให้ไว้ ดวงตาของเฉินชิงหลวนก็เต็มไปด้วยความสับสน

นี่......การล้างแค้นยังมีโอกาสเกิดขึ้นได้อีกหรือไม่?

......

ภาคตะวันตกเฉียงใต้ เมืองเฟิงซา

เมื่อมองไปที่เมืองเล็กๆ ที่มีทรายและฝุ่นอยู่ข้างหน้า เซินอี้เหรินก็อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว

“ เจ้าไม่ได้บอกว่าเราจะไปภูเขาเทียนฉวีหรอกหรือ? เสียเวลามาที่ห่วยๆ แบบนี้เพื่ออะไร?”

ซูสือชำเลืองมองนาง “เจ้าจะกลับบ้านก็ได้ ถ้าไม่อยากมา”

เซินอี้เหรินพูดด้วยความโกรธ “ซูสือรักษามารยาทด้วย+ ข้าเป็นศิษย์พี่ของเจ้า! พูดแบบนั้นได้ยังไง?!”

ซูสือยักไหล่ “แต่นักบุญตะวันตกให้คำมั่นกับช้าว่าตอนนี้เจ้าเป็นเพียงผู้คุ้มกันของข้าเท่านั้น”

"เจ้า!"

“ข้าสั่งให้เจ้าเงียบ”

“......”

“ข้าสั่งไม่ให้มองข้า”

“......”

“และห้ามแยกเขี้ยว”

“อย่า อย่ามาไร้เหตุผล!”