ตอนที่ 139

ภูเขาชิงฟาง

ท้องฟ้าค่อยๆมืด ค่ำคืนปกคลุมป่าไผ่

ทะเลไผ่ส่งเสียวภายใต้ลมแรงยามค่ำคืน

ร่างในชุดขาวเหยียบอากาศ ทำลายความเงียบ

ซูสือเหยียบบนปลายไม้ไผ่"ควรเป็นที่นี่"

ตอนนี้ หยกจิตวิญญาณของสำนักผันผวน ซึ่งหมายความว่ามีคนจากสำนักยักษ์มารขุมนรกแถวนี้

สถานที่นี้ใกล้กับเมืองหลวง

คนจากวิถีมารไม่กล้าเข้าเมืองหลวงง่ายๆ

ในเมื่ออีกฝ่ายปลดปล่อยกลิ่นอายเอง มันก็ชัดเจนว่าอยากเจอเขา

"ซูเซิ่งจื่อ"

เสียงเกียจคร้านดังขึ้นในหูเขา

ซูสือหันไปมอง พบเห็นผู้หญิงยืนอยู่ด้านหลังเขา

แก้มของนางซีด ดวงตาสุขุม เสื้อผ้าสบายๆ แต่ก็ยังแผ่กลิ่นอายน่าเกรงขาม

"นักบุญตะวันออก?"

ซูสือตัวแข็ง"ทำไมเป็นท่าน?"

นางคือเป้าหมายหลักของราชสำนัก แต่ตอนนี้นางกลับมายังเมืองหลวง

นางพูด"ฝ่าบาทสั่งให้ข้ามาดูเจ้า"

พอพูดถึงครึ่งทาง นางก็หยุดชะงัก

จมูกของนางกระตุก ราวกับนางได้กลิ่นบางอย่าง

นางรีบเดินไปข้างตัวซูสือ สูดดมไล่ขึ้นคอเขา แก้มซีดของนางขึ้นสีเล็กน้อย

พอเห็นสภาพหลงใหลของหยูเจียวหลง ซูสือก็สับสน"นักบุญตะวันออก ท่านทำอะไร?"

ทำไมถึงทำตัวเหมือนแวมไพร์?

หยูเจียวหลงได้สติและถาม"เจ้าเพิ่งดื่มมาเหรอ?"

ซูสือพยักหน้า"ข้าดื่มมาค่อนข้างเยอะ"

"งี้นี่เอง ไม่น่าแปลก"

ดวงตาของหยูเจียวหลงฉายแววอิจฉา ราวกับนางอิจฉาเขามาก

ซูสือมองอีกฝ่าย

หยูเจียวหลงคือนักดื่มตัวยง แต่ตอนนี้มือนางกลับว่างเปล่า

ใบหน้านางซีดมาก นางดูไม่เหมือนคนเมาเลยสักนิด

เขาตระหนักถึงบางสิ่ง"ท่าน ดื่มไม่ได้ใช่ไหม?"

หยูเจียวหลงถอนหายใจ"ข้าถูกสั่งให้ปกป้องเจ้าระหว่างไปเมืองหวงหยวน แต่เจ้าเกือบบาดเจ็บ...ข้าเลยโดนสั่งห้ามดื่มครึ่งปี"

"ข้าเข้าใจแล้ว"

ซูสือเข้าใจ

ไม่น่าแปลกที่อีกฝ่ายจะทำตัวประหลาดๆ

มันคือคนขาดสุรานี่เอง

หยูเจียวหลงเสพติดสุรามาก การลงโทษนางไม่ให้ดื่มครึ่งปีร้ายแรงยิ่งกว่าการฆ่านางซะอีก

ซูสือสะบัดข้อมือ

ไหสุราปรากฏในมือเขา มันคือสุราเซียนที่ฮัวหมานโหลวมอบให้เขา

"ทำไมท่านไม่ดื่มดับกระหายหน่อยละ?ฝ่าบาทไม่รู้หรอก"

หยูเจียวหลงจ้องไหสุราตาไม่กะพริบ

นางฝืนทนอยู่นานก่อนสุดท้ายจะเบี่ยงสายตาด้วยความยากลำบาก

"ไม่ ไม่มีอะไรปกปิดจากฝ่าบาทได้หรอก"

"ถ้านางรู้ ข้าจะไม่สามารถดื่มได้เลยทั้งชีวิต"

หยูเจียวหลงก้มหัวอย่างวิตก

แม้นางจะฆ่าเกาฟานและหยุดตัวอ่อนปีศาจด้วยตัวเอง นางก็ยังล้มเหลวในการปกป้องซูสือ

มันสมเหตุสมผลแล้วที่นางจะโดนลงโทษ

"ก็ได้"

:ซูสือเก็บมันไปแล้วถาม"แล้วท่านมาหาข้าทำไม?"

หยูเจียวหลงพูด"ฝ่าบาทคิดถึงเจ้าและขอให้เจ้ากลับสำนักโดยเร็วที่สุด"

ซูสือเกาหัว

"คิดถึงข้า?แน่ใจนะว่าไม่ได้พยายามลวงข้าไปฆ่า?"

ก่อนไปชายแดนเหนือ เขาตบปากรับคำว่าจะไม่ไปเจอจิ้งจอกน้อย แต่เขากลับหลับในบ้านของนาง

หลังฟื้นฟูร่างกาย เขาดันไม่กลับสำนักทันที แต่มายังเมืองหลวงเพื่อกลายเป็นอ๋อง

พอคิดถึงจักรพรรดินีมารผู้แสนหึงหวงและโหดเหี้ยม...

ซูสือก็อดตัวสั่นไม่ได้

นี่เป็นเรื่องร้ายแรง!

แต่อีกครั้ง ในฐานะผู้นำศิษย์ของสำนัก เขาใช้เวลาในโลกภายนอกมานานเกินไปจริงๆ

หลังคิดเกี่ยวกับมัน ซูสือก็พูด"วันนี้ดึกแล้ว ทำไมเราไม่กลับกันพรุ่งนี้เช้าละ?"

"ไม่มีปัญหา"

หยูเจียวหลงพยักหน้า"ตัวตนของข้าอ่อนไหว ข้าไม่สามารถเข้าเมืองหลวงเว่ยหยางได้ ข้าจะรอเจ้าที่นี่"

"ตกลง"

หลังตกลงกัน ซูสือก็เตรียมไป

หยูเจียวหลงร้องเรียกเขา"ข้าขอไหสุรานั่นได้ไหม?"

ซูสือพูด"ไหนบอกว่าไม่อยากดื่ม?"

หยูเจียวหลงยักไหล่"มันกลิ่นดีมาก"

ซูสือส่ายหัว

คนติดเหล้า!

เขาโบกมือ และกองสุราก็ซ้อนทับกันเหมือนภูเขา กลิ่นหอมสุราคละคลุ้งไปทั่ว

"มาสิ ท่านจะได้สูดกลิ่นจนพอใจเลย"

หยูเจียวหลงเบิกตากว้าง มากขนาดนี้เชียวเรอะ?

...

ห้องนอน

แสงเทียนไหววูบ

เฟิงเฉาเกอนั่งบนเก้าอี้ ดวงตาเหม่อลอยไร้จุดหมาย ไม่รู้ว่านางกำลังคิดอะไร

เอี้ยด

ตอนนั้นเอง ประตูห้องถูกผลักเปิดและซูสือก็เดินเข้ามา

เฟิงเฉาเกอยังนั่งเหม่อ ราวกับนางไม่รู้ตัว

ซูสือนั่งข้างนางเงียบๆ

บรรยากาศเงียบสงบ ทั้งหมดที่ได้ยินคือเสียงของเทียน

หลังผ่านไปนาน เฟิงเฉาเกอก็พูด"นางมาที่นี่เพื่อพาเจ้ากลับใช่ไหม?"

ซูสือพยักหน้า"พรุ่งนี้นางจะพาข้ากลับ"

เขาไม่แปลกใจ

ด้านในและด้านนอกเมืองหลวง จะมีอะไรเล็ดรอดสายตาของจักรพรรดินีได้?

เป็นไปได้ว่าเฟิงเฉาได้คงได้รับข่าวตั้งแต่ตอนหยูเจียวหลงเหยียบที่ราบกลางแล้ว

เฟิงเฉาเกอเงียบไปนานก่อนถาม'เจ้ารู้ไหมว่าทำไมข้าถึงขอให้เจ้ามาเป็นผู้ตรวจการหลวง?"

ซูสือพยักหน้า"เพื่อกำราบเหล่าขุนนางใช่ไหม?"

"นั่นก็แค่เหตุผลหนึ่ง"

"เจ้าบอกว่าตอนเจ้าดื่มที่จวนสกุลฮัว เจ้าไร้ตำแหน่งจริงๆ"

"ตอนนี้้ข้าเลยมอบตำแหน่งที่ทรงอำนาจสุดให้เจ้าจริงๆ"

"แล้ว..."

เฟิงเฉาเกอมองเขา"แล้วเจ้าเต็มใจจะอยู่ไหม?"

พอมองในดวงตาคู่นั้น ซูสือกลับส่ายหัว"ต่อให้ข้าเต็มใจอยู่ มันก็ไม่ใช่เพราะตำแหน่งขุนนาง"

เฟิงเฉาเกอหยุดชะงัก"เจ้าหมายถึงเฉินชิงหลวน ใช่ไหม?"

ทั้งสองจูบกันบนถนน และนี่ก็พบเห็นโดยคนมากมาย

แน่นอน มันย่อมมาถึงหูนาง

ซูสือเกาหัว ไม่พูดอะไร

หัวใจของเฟิงเฉาเกอรู้สึกอึดอัด

นางลุกขึ้นและพูดเสียงเย็น"ข้าเหนื่อยแล้วและอยากพักผ่อนคนเดียว"

ซูสือกำลังจะพูด แต่สีหน้าก็ต้องเปลี่ยนไป

ระหว่างชุดหงส์ของนางที่สะบัด มันสามารถเห็นถุงน่องสีดำรอบข้อขานาง

ผิวของนางใสเหมือนหยกใต้ผ้าไหมผืนบางนั่น

คอของซูสือแห้ง"ท่านสวมมันจริงๆ?"

จักรพรรดินีสวมถุงน่องจริงๆ!

"ข้าจะสวมอะไรก็เรื่องของข้า ข้าต้องรายงานเจ้าหรือไง?"

"ทำไมเจ้ายังยืนอยู่อีก?รีบไปหาผู้ตรวจการหลวงเฉินของเจ้าสิ"

เฟิงเฉาเกอหันหลังให้เขา เสียงของนางไม่ผันผวนสักนิด

"อะแฮ่ม แล้วข้าจะมาที่นี่เพื่ออะไร?'

ซูสือกระแอมลำคอ พูดอย่างจริงจัง"ในเมื่อข้าตบปากรับคำว่าจะบริการท่านบนเตียง ข้าย่อมต้องทำจนกว่าเวลางานของข้าจะหมด"

เขาลุกขึ้น เดินไปที่เตียง

"มา มานอนกัน!'

ร่องรอยของความอายฉายผ่านตาของเฟิงเฉาเกอ หัวใจนางเต้นเร็ว'ข้าไม่อยากเชื่อเลยว่าข้าจะทำตัวเหมือนเด็กสาวแบบนี้!'

ภายในห้องนอน บรรยากาศเงียบสงบ

ครึ่งก้านธูปต่อมา แก้มของเฟิงเฉาเกอแดงเล็กน้อย นางกัดฟัน"ถ้าเจ้ากล้าขยับนิ้วอีก ข้าจะตัดนิ้วเจ้า!'

"ข้าแค่ตรวจสอบคุณภาพของมันเฉยๆ"

ซูสือยิ้มและปล่อยมือ ถุงน่องดีดกลับและส่งเสียงแปะ

ตัวของเฟิงเฉาเกอสั่น แก้มของนางแดงก่ำ

ซูสือลอบเกลียดมันในใจ

ถุงน่องนี่แปลกมาก มันไม่ยอมขาดเลย!