ตอนที่ 77

ซูสือกัดฟัน แม้นักเล่าเรื่องชราจะทำให้เขาอับอาย แต่'หน้าเขียวกับเขี้ยว' ก็ฟังดูเกินจริงไปหน่อยไหม?

นางจิ้งจอกน้อยนี่!

อวี่เหรินเอ๋อร์ยิ้ม"ข้าแค่พูดเล่น พี่ชายซูสือหล่อจะตาย แถมยังอ่อนโยนมาก ท่านเป็นผู้ชายที่งดงามสุดในโลกแล้ว!"

ซูสือแค่นเสียง"จริงๆแล้วเจ้าพูดถูก ข้าชอบกินคนจนไม่เหลือกระดูก โดยเฉพาะเนื้อจิ้งจอกน้อยๆ!"

ใบหน้างามของอวี่เหรินเอ๋อร์เปลี่ยนเป็นสีแดง มือของนางปิดด้านหลังตัวเองและพูดตะกุกตะกัก"ไม่นะ ท่านจะกินจิ้งจอกน้อยไม่ได้นะ!"

ครั้งก่อนที่นางถูกแตะต้องคือในอาณาจักรลับ มันชัดเจนว่าเขาทิ้งเงาไว้ในใจนาง

ซูสือจับไหล่นางและพูดอย่างไม่พอใจ"ข้าช่วยชีวิตเจ้า แต่เจ้ากลับมาพูดจาให้ร้ายข้าลับหลังเนี่ยนะ?"

"แน่นอนว่ามันไม่ใช่ความจริง!ข้ารู้ว่าท่านเป็นคนดี และก็มักซาบซึ้ง"

ซูสือถาม"งั้นก่อนหน้านี้คืออะไร?"

อวี่เหรินเอ๋อร์ลังเล จากนั้นก็พูดเสียงเบา"ข้าแค่ไม่พอใจตอนเห็นคนโง่พวกนั้น'

ซูสือเชิดคางนาง"หรือว่า เจ้าจะชอบข้า?"

แก้มของอวี่เหรินเอ๋อร์แดงระเรื่อ นางกระทืบเท้านาง"ไม่ ข้าแค่กำลังสู้เพื่อผู้นำจ้าน!"

ซูสือตัวแข็ง"มันเกียวอะไร?"

"ไม่ใช่ว่าท่านมีความสัมพันธ์กับผู้นำจ้านหรือไง?"

"หนึ่งคืออัจฉริยะวิถีมาร อีกหนึ่งคืออัจฉริยะวิถีธรรมะ ทั้งสองถูกแยกจากกันโดยสำนักและโลก แต่ก็ยังมุ่งมั่นที่จะอยู่ด้วยกัน ช่างเป็นเรื่องราวความรักที่งดงามอะไรขนาดนี้ พวกแฟนๆกระจอกเหล่านี้จะมายุ่งได้ไง?"

อวี่เหรินเอ๋อร์ชูกำปั้นและดวงตาก็เป็นประกาย"ความรักของท่านจะต้องเป็นข้าที่ดูแลเอง"

ตุบ!

ซูสือเคาะหัวนาง"ข้าขอบใจเจ้า แต่โปรดดูแลตัวเองเถอะ"

สมองของยัยเด็กนี่เพี้ยนไปแล้ว!

อวี่เหรินเอ๋อร์ลูบหน้าผากและพูดอย่างน่าสงสาร"งั้นก็ช่วยหยุดโกรธก่อนได้ไหม พี่ชายซูสือ?"

ซูสือพูดอย่างไม่พอใจ"เลิกเรียกข้าว่าพี่ชายได้แล้ว มันต้องใช้เวลาอย่างน้อยร้อยปีเพื่อให้จิ้งจอกอย่างเจ้าเติบโตไม่ใช่หรือไง?บางทีเจ้าอาจเป็นย่าของข้าด้วยซ้ำไป"

อวี่เหรินเอ๋อร์พูดด้วยใบหน้าภาคภูมิใจ"ข้าไม่ใช่ภูตจิ้งจอก แต่เป็นจิ้งจอกขาวจากชิงฉิว!ข้าเพิ่งอายุ18!''

คนนอกกับสัตว์วิญญาณมีรากฐานแตกต่างกัน

สัตว์วิญญาณคือปีศาจที่แปลงกายหลังสะสมพลังบ่มเพาะมานานนับปี

สัตว์อสูรทั่วไปไม่มีสติปัญญาและมีแต่สัญชาตญาณเพื่อฆ่าเท่านั้น ขณะที่สัตว์อสูรที่ทรงพลังบางตัวสามารถใช้พลังปราณพวกมัน แต่มันยากที่จะเดินบนวิถีบ่มเพาะ

คนนอกเกิดมาในร่างมนุษย์ แต่มีลักษณะของสัตว์อสูร

สติปัญญาของพวกเขาเท่ากับมนุษย์ และยังเข้าใจการบ่มเพาะได้ดีกว่า

ดังนั้น ในการทดสอบแผ่นหินของจักรพรรดิโบราณ พรสวรรค์ของอวี่เหรินเอ๋อร์จึงเท่ากับอัจฉริยะมนุษย์

"โอ้ ใช่"

ซูสือสับสน"หลังออกจากภูเขาเทียนฉวี เจ้าไม่ตรงกลับไปดินแดนคนเถื่อนเหรอ?ทำไมถึงมาที่นี่?"

นี่อยู่ไกลจากภูมิภาคเหนือมาก และก็มีเมืองมนุษย์ตามทางมากมาย นางมาที่นี่ได้ไง?

"เรื่องมันยาว"

อวี่เหรินเอ๋อร์ถอนหายใจ

ตอนนางกำลังจะไป ภูเขาเทียนฉวีถูกทหารหลวงปิดล้อม นางจึงต้องหลบซ่อนในป่า

มันยากที่จะรอจนกว่าทหารหลวงจะถอย แต่จากนั้นความขัดแย้งก็ปะทุในดินแดนคนเถื่อนและพรมแดนก็ถูกจักรวรรดิปิด

นางไม่มีทางเลือกนอกจากเดินตามแม่น้ำเฟิงเจียงมทางใต้ พยายามอ้อมกลับไปผ่านทะเลทรายตะวันตก

ใบหน้าของนางขมขื่น"โชคดี ข้ามีเรือสมบัติวิเศษ ข้าเลยสามารถใช้ทางน้ำได้ ไม่งั้น ข้าคงโดนจับจริงๆ"

การปกปิดลักษณะของคตนนอกจะผลาญพลังปราณอย่างต่อเนื่องและความประมาทสักนิดจะทำให้ตัวตนถูกเปิดเผย ในภูมิภาคตะวันตกเฉียงใต้ที่ฝ่ายมารควบคุม ถ้าตัวนางถูกเปิดเผย มันจะเป็นหายนะ

"ข้าน่าสงสารมาก พี่ชายซูสือ"

"นางไม่ณู้ว่านางสนิทกับซูสือพอหรือยัง แต่นางคว้าชายเสื้อซูสือไว้และร้องไห้

เขาพูด"เจ้ากล้าทะเลาะกับคนในร้านอาหาร ตอนนี้เจ้ารู้ถึงอันตรายของที่นี่แล้วหรือไง?"

นางสะอื้น"เพื่อความรักของท่าน ข้า.."

"เงียบ"

พอมองฝูงชนด้านนอกตรอก ซูสือก็พูดอย่างหน่ายใจ"ช่างมัน เจ้าควรตามข้ามาก่อน"

ทั้งสองผ่านประสบการณ์เป็นตายมา และมันก็ไม่ดีที่จะทิ้งนางไว้ที่นี่คนเดียว

"ท่านใจดีมาก พี่ชายซูสือ'

อวี่เหรินเอ่อร์ยิ้ม

ซูสือส่ายหัว

แม้สมองของเด็กนี่จะไม่ค่อยดี ปากนางก็ยังหวานฉ่ำ

ตึกไป่เฟิง

นี่คือที่ที่จะจัดงานประมูล

มีคนมากมายที่ประตู ทั้งหมดคือขุนนาง พ่อค้าที่ร่ำรวยและผู้บ่มเพาะ

เฉาเจียยืนที่ทางเข้าพร้อมคนของเขา เหล่าแขกทักทายเขาอย่างเคารพ

แต่เขาทำได้แค่พยักหน้า ใบหน้าของเขาเคร่งขรึม ราวกับเขากำลังรอคนใหญ่คนโต ตอนนั้นเอง เกี๊ยวสีทองก็ค่อยๆเข้ามาหยุดด้านหน้าประตู

ข้ารับใช้ยกผ้าม่านและชายหนุ่มสวมชุดตัวหรูก็ก้าวออกมา

ใบหน้าของเขาขาวไร้หนวดเครา ดวงตาเรียวยาว เขาไม่น่าเกลียด แต่แผ่ความเย็นชาเหมือนอสรพิษ

"ท่านลุงเฉา"

ชายหนุ่มทักทายเขาด้วยรอยยิ้ม

เฉาเจียเองก็ยิ้ม"หลานเองก็มาที่นี่ด้วยหรือ?"

คนคนนี้คือหลี่หยู บุตรชายคนโตสุดของตระกูลหลี่ในเมืองเฉียนหยาง

ตระกูลหลี่เป็นตระกูลเก่าแก่ในเมืองเฉียนหยาง พลังมันหยั่งรากลึกในเมือง

หลี่หยูพูด"ข้ามาร่วมสนุกและแสดงการสนับสนุนท่านลุงเฉา'

เฉาเจียพยักหน้า"หลานใจดีมาก ถ้าเจ้ามีเรื่องอะไรอยากขอ ก็พูดมาได้เลย"

ทั้งสองคุยกันหน้าประตู ดึงดูดสายตาคนมากมาย

พวกเขาคิดว่าหลี่หยูคือคนที่เฉาเจียมารอ

เขาพูดด้วยรอยยิ้ม"ท่านลุงเฉา อย่ายืนที่หน้าประตูเลย เข้าไปคุยกันข้างในเถอะ"

แต่เฉาเจียกลับส่ายหัว"ข้าไม่รีบ หลานเข้าไปก่อนเถอะ"

หลี่หยูแปลกใจ

เขากำลังจะพูดบางอย่าง แต่เฉาเจียก็ทิ้งเข้าไปแล้วและรีบก้าวเดินไปข้างหน้า

"หือ?"

เขามองอย่างสับสน

เขาเห็นเฉาเจียก้มหัวเล็กน้อยและยืนต่อหน้าชายหนุ่มผู้หนึ่งด้วยรอยยิ้ม

"แม่ทัพซู ท่านมาแล้ว การประมูลกำลังจะเริ่มเลยขอรับ ข้าจะพาท่านเข้าไป'

แม่ทัพซู?

ผู้คนตกตะลึง

มีแม่ทัพกี่คนที่แซ่ซูในภูมิภาคตะวันตกเฉียงใต้?

และถ้าเขาทำให้เฉาเจียถ่อมตัวได้ขนาดนี้ ตัวตนของเขาก็ชัดเจน

"ซูสือ!"

"มันเป็นซูสือ!"

"เขามาที่นี่ด้วย!"

ผู้คนสูดอากาศเย็นเข้าปอด

นี่คือความภาคภูมิใจของหมู่มาร สุดยอดอัจฉริยะที่ทำลายจ้านชิงเฉิง เขามาเมืองเฉียนหยางจริงๆ?!

พอมองเด็กสาวลึกลับที่สวมผ้าคลุมหน้าข้างซูสือ เฉาเจียก็สับสน"แม่ทัพซู นี่คือ..."

ซูสือพูดอย่างไม่แยแส"ข้าเก็บนางมาจากข้างถนน"

เฉาเจีย".."