ซูสือค่อยๆตื่น
เขาเห็นว่ากำลังนอนบนเตียงหรูหรา มีผ้าม่านไหมลายหงส์ด้านหน้าเขา อากาศเต็มไปด้วยกลิ่นหอมสดชื่น
"นี่คือที่ไหน?"
เขาพยายามนั่ง แต่ความเจ็บปวดกลืนกินตัว
เขาจำต้องนอนลง
พอสัมผัสได้ถึงตันเถียนกับเส้นปราณที่ว่างเปล่า ซูสือก็ได้แต่ส่ายหัวและยิ้มขมขื่น
"ไม่เหลือสักหยด"
"ข้าแค่เคาะระฆัง แต่ใช้พลังปราณหมดเลยเนี่ยนะ?"
ผนึกโบราณบนระฆังจริงๆแล้วมาจากแหล่งเดียวกับเคล็ดผสานเก้าวัฏจักรแห่งฟ้าดิน
เขาถูกชี้นำโดยพลังที่บรรยายไม่ได้ และเข้าใจวิชาลับของมันโดยไม่รู้ตัว
หยินและหยางแปรผัน
การใช้พลังแห่งการสรรค์สร้างกับตัวเอง ถ่ายเทพลังแห่งฟ้าดิน ระเบิดพลังที่เหนือกว่าอาณาจักรตัวเอง!
ราคาคือพลังปราณในตัวเขาจะหมดลง
"สรุปได้ว่าอาณาจักรข้าต่ำไป ด้วยฐานบ่มเพาะแก่นแท้ทองคำ มันยังไม่มีพลังพอจะใช้วิชาลับเช่นนี้"
"แต่ระฆังโบราณนั่นค่่อนข้างมีประโยชน์ต่อข้า"
ตอนแรก ซูสือใช้สามร้อยแต้มเพื่อเรียนรู้เคล็ดผสานเก้าวัฏจักรแห่งฟ้าดิน
แต่ด้วยอาณาจักรปัจจุบัน เขาเพิ่งเข้าใจได้แค่วัฏจักรแรก
ระฆังเก้าลึกล้ำได้พัฒนาความเข้าใจต่อเคล็ดผสานของเขา
ตอนนี้เขาเข้าใจวัฏจักรแรกแล้ว เขาเพิ่งแตะธรณีของวัฏจักรที่สอง
ซูสือขมวดคิ้ว"วิชานี้ได้รับจากมรดกของจักรพรรดิโบราณ ส่วนระฆังเก้าลึกล้ำคือสมบัติตั้งแต่ก่อตั้งสำนัก"
"มีการเชื่อมโยงอะไรกัน?"
ทั้งสองเกี่ยวข้องกัน?
บท่านได้รับการแต่งตั้งเป็นเซิ่งจื่อแห่งวิถีมาร ชื่อเสียงของสำนักยักษ์มารขุมนรกเพิ่มขึ้น ได้รับห้าสิบแต้มโครงเรื่อง]
[ซือคงหลานเยวี่ยประสบกับการเปลี่ยนแปลงบางอย่างในใจนาง ส่งผลต่อโครงเรื่องต่อไป ได้รับสี่แต้ม]
ซูสือตกตะลึง
เขาสามารถเข้าใจชื่อเสียงของสำนักที่เพิ่มขึ้นได้
แต่ซือคงหลานเยวี่ยเกี่ยวอะไรด้วย?
"หรือว่าความปั่นป่วนที่เกิดจะมากจนทำให้นางอยากฆ่าข้า?"
ซูสือครุ่นคิดเงียบๆ
นักพรตหญิงผู้นี้ไม่ใช่คนที่จะยุ่งด้วยได้
แม้จิตสังหารนางจะไม่รุนแรงเท่าจักรพรรดินีมาร ฐานบ่มเพาะนางก็ไม่อ่อนแอเลย
ยังมีจักรพรรดินีหลินหลางที่ปกครองอาณาจักรในฝ่ามือและนั่งอยู่บนท้องฟ้า
ถ้าเขาเลือกยืนข้างอวิ๋นฉีหลัว งั้นทั้งสองก็จะกลายเป็นศัตรูของเขา
"ไม่ว่ายังไง ข้าก็ต้องเพิ่มพลังของข้าให้เร็วที่สุด"
เปิดแผงระบบ
[เจ้าของ : ผู้สังหารบุตรฟ้าประทาน ซูสือ]
[สถานะ : พลังปราณแห้งเหือด]
[พรสวรรค์ : ศักดิ์สิทธิ์ขั้นสมบูรณ์]
[ฐานบ่มเพาะ : แก่นทองคำขั้นปลาย]
[เคล็ดบ่มเพาะ : เคล็ดผสานเก้าวัฏจักรแห่งฟ้าดิน(วัฏจักรแรก) พระสูตรสวรรค์(สมบูรณ์) เคล็ดลมหายใจแห่งขุมนรก(สำเร็จอย่างมาก) เคล็ดบ่มเพาะเทพขุมนรก(สำเร็จเล็กน้อย)]
[แต้มโครงเรื่อง : 110แต้ม]
"แม้สภาพข้าจะดูจน แต่ข้ามีแต้มโครงเรื่องเยอะ"
ซูสือถูมือด้วยกันและตัดสินใจเปิดกล่องสุ่มก่อน
วงล้อรางวัลหมุน และแสงก็สาดส่อง
"มาเลยลูกพ่อ!"
เขาตะโกน
แสงเบ่งบานและกล่องก็เปิด
[ได้รับ : ชุดลายหงส์และดอกโบตั๋น]
"???"
ซูสือถือชุดผ้าสีแดงในมือ เครื่องหมายคำถามเขียนทั่วหน้า
มันเนียนนุ่ม มีผิวสัมผัสที่ละเอียดละออสมบูรณ์แบบและยังมีกลิ่นหอมติดผ้าด้วย
"นี่มันบ้าอะไร?"
"ข้าได้รับสิ่งนี้แลกกับสิบแต้ม?"
โกง!
พอแล้ว ไม่มีของดีเลย นี่มันกับดัก!
ใบหน้าของเขาดำมืด
[ชุดเหมียนฟู่ : ชุดคลุมนี้ปักด้วยลายหงส์กับดอกโบตั๋น และเต็มไปด้วยพลังลี้ลับ เพียงสวมมัน ท่านจะมักรู้สึกเหมือนคนรวยและมีอำนาจ ท่านจะมักเมตตา สดใสและมีความสุข]
คิ้วของซูสือเลิกคิ้ว
ไร้สาระชัดๆ!
โกง!
ต่อให้มันใช้งานได้จริง ก็ไม่มีทางที่เขาจะสวมมัน
นี่มันน่าอายเกินไป!
"เจ้าตื่นแล้วรึ?"
ตอนนี้ เสียงเท้าดังขึ้นและเสียงคุ้นเคยก็เข้ารูหู
จักรพรรดินีมาร?
ซูสือตกตะลึง
ถ้าจักรพรรดินีมารเห็นสิ่งนี้ เขาต้องตายแน่!
แต่พลังปราณของเขาแห้งจนไม่สามารถเปิดแหวนมิติได้ เขาจึงได้แต่ยัดมันใต้ผ้าห่มอย่างตื่นตระหนก
อวิ๋นฉีหลัวยกผ้าม่าน ถือชามซุปและยาในมือ
นางมองซูสือที่เหงื่อแตกอย่างเลิ่กลั่ก และพูดอย่างเป็นห่วง"ทำไมเจ้าถึงหน้าซีดนัก?เจ้าไม่สบายหรือ?'
ซูสือปาดเหงื่อเย็นและยิ้มแห้ง'ไม่มีอะไร ข้าแค่รู้สึกอ่อนแอ.."
"เป็นปกติ"
อวิ๋นฉีหลัวพูด"เจ้าฝืนใช้วิชาลับ และพลังปราณในตัวเจ้าก็หมดลง โชคดี รากฐานไม่เสียหาย"
นางพูดบ่น"ข้าแค่จะให้เจ้าแสดงวิชาเล็กน้อย ใครใช้ให้เจ้าเอาจริงขนาดนั้น?"
ซูสือส่ายหัว"ฝ่าบาทเชื่อใจข้า ข้าย่อมไม่มีทางทำให้ท่านอับอาย"
อวิ๋นฉีหลัวยิ้ม"อืม เจ้าพูดจาหวานน่าฟังจริงๆ"
ซูสือไม่ทำให้นางขายขี้หน้าจริง
เขากลับทำให้ทั้งสำนักตื่นเต้น
เสียงของระฆังดังไปทั่วเก้าภูมิภาค และพลังของสำนักยักษ์มารขุมนรกก็พุ่งไปอีกระดับ
พอเห็นรอยยิ้มงดงามของนาง คอของซูสือก็แห้ง"รอยยิ้มของฝ่าบาทหวานขึ้นเยอะเลย."
ใบหน้างามของอวิ๋นฉีหลัวเปลี่ยนเป็นสีแดง
นางดูอายและแค่นเสียงเย็น"คนสารเลว คำพูดของเจ้ามีแต่จะรังแกข้าเรื่อยๆ"
"งั้น ข้าจะไม่พูดอีกแล้ว"
"ขะ ข้าไม่ได้หมายความเช่นนั้น.."
พอเห็นว่าเขากลั้นยิ้ม อวิ๋นฉีหลัวก็จ้องเขาเขม็ง
เด็กนี่!
"นี่คือเม็ดยาทองคำเก้าวัฏจักร ควบคู่กับแก่นโลหิตพันหยาง ดื่มซะแล้วเจ้าจะหายในไม่ช้า"
นางยกถ้วยซุปขึ้น ใช้ช้อนตักและแทงเข้าปากเขา
ซูสือเกาหัว"ข้าไม่กล้ารบกวนฝ่าบาท ข้ากินเองได้"
อวิ๋นฉีหลัวจ้องเขา"เจ้าไม่อยากอยู่กับข้า?"
"ไม่ ข้าย่อมอยากอยู่กับท่าน"
"งั้นก็อ้าปาก"
ซูสือกินซุปและยาอย่างเชื่อฟัง
เขาจำได้ว่าครั้งก่อนเขาก็ถูกจ้านชิงเฉิงป้อนแบบนี้...
"อ้าปาก อ้ามมม"
ผลของยาที่จักรพรรดินีมารต้มด้วยตัวเองพิเศษมาก
ผลมันช่างน่าทึ่ง เพียงไม่กี่อึดใจ ตันเถียนของเขาก็เอ่อล้นด้วยพลังปราณและเส้นปราณก็มีพลังปราณไหลเวียนจนแทบะรเบิด
เขารู้สึกสดชื่น
ซูสือบิดตัว."ขอบคุณฝ่าบาท"
อวิ๋นฉีหลัวส่ายหัว"ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร"
"แล้วก็ ข้าจัดเตรียมที่พักใหม่ของเจ้าไว้ให้แล้ว"
ในเมื่อเขาเป็นศิษย์สืบทอดแล้ว เขาจึงไม่สามารถอยู่กับศิษย์ชั้นในพวกนั้นได้อีก
แต่ทว่า ซูสือกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย ดูลังเล
อวิ๋นฉีหลัวพูด"ข้ารู้ว่าเจ้าห่วงไป่ชิง ต่อให้นางจะไม่ได้เข้าร่วมสำนัก เจ้าก็ยังพานางมาสำนักได้ และตำแหน่งแม่ทัพเมืองเฟิงซาก็จะยังเป็นของเจ้า"
ซูสือถอนหายใจโล่งอก พูดอย่างซาบซึ้ง"ฝ่าบาท ท่านดีต่อข้านัก"
มุมปากของอวิ๋นฉีหลัวยกโค้ง"รู้ตัวก็ดี"
ตอนนั้น ดวงตาของนางไหววูบ นางเห็นชายผ้าสีแดงใต้ผ้าห่ม
"หืม?นี่อะไร?"
รูม่านตาของซูสือหดลง"รอเดี๋ยว!"
แต่ช้าไป อวิ๋นฉีหลัวดึงผ้าออกไปแล้ว
พอมองผ้าสีแดงในมือนาง ริมฝีปากนางก็เผยอเล็กน้อย รูม่านตาสั่นคลอน ใบหน้างามแดงก่ำ
แม้กระทั่งแดงเสียยิ่งกว่าสีของผ้า!
"ซู สือ!'
ซูสือก้มหัว ไม่รู้ว่าจะร้องไห้ดีไหม
มันจบแล้ว!
ปล.ชุดเหมียนฟู่เป็นชุดพิธีบรมราชาภิเษก เป็นชุดที่มีแต่จักรพรรดิ เจ้าชาย คนในราชวงศ์จะใส่กัน เป็นชุดที่ใส่ร่วมพิธี
Copyright © 2025 xxxxx.com, All Right Reserved