ตอนที่ 104

เมืองหลวงเว่ยหยาง

วังจ้าวเทียน

ตัววัง ซึ่งเคยเต็มไปด้วยเสียงโวยวายตอนนี้เงียบจนน่าขนลุก

สายตาของขุนนางและทหารทั้งหมดจับจ้องคนตรงกลางโถงหลัก

"ผู้น้อย หวังเหมา ผู้บัญชาการกองทัพปกป้องชายแดนเหนือน้อมพบฝ่าบาท"

หวังเหมาคุกเข่าลงกับพื้น

"เงยหน้าขึ้น'

"ขอบพระทัย ฝ่าบาท"

เสียงของเฟิงเฉาเกอเบา"ข้าได้ยินรายงานของแม่ทัพหยูถึงเรื่องของเมืองหวงหยวนแลว"

"เผ่าเสือมีเจตนาชั่วร้าย คิดหลอมพลเมืองในเมือง โชคดีที่แม่ทัพหวังกับเหล่าทหารกล้าได้สู้จนตัวตาย ทำให้คนในเมืองหวงหยวนปลอดภัย"

'ข้าได้ตัดสินใจมอบตำแหน่ง'วีรบุรุษ'ให้แม่ทัพหวัง และจะตบรางวัลเขาด้วยที่ดิน2500 ไร่ จวนหนึ่งหลัง และเลื่อนเป็นขุนนางชั้นสาม"

"เจ้าหน้าที่กับทหารคนที่เข้าร่วมสงครามจะได้รับรางวัลเป็นที่ดิน 250 ไร่ และหินปราณพันก้อน"

คนในวังปรบมือ

"ฝ่าบาทใจกว้างยิ่งนัก สมกับเป็นมังกรแห่งจักรวรรดิหลินหลางของเรา!"

"มันนับเป็นพรจากสวรรค์จริงๆที่ไม่มีคนตายสักคนในเมืองหวงหยวน!'

"ฝ่าบาทคือผู้แบกรับประสงค์แห่งสวรรค์ โชคลาภของอาณาจักรเราจึงเติบโต!"

"แม่ทัพหวังสมกับเป็นมังกรท่ามกลางคนจริงๆ เขาสมควรกับตำแหน่งวีรบุรุษแล้ว"

"แม่ทัพหวัง ท่านจะยืนเฉยอยู่ทำไม ทำไมยังไม่รีบขอบคุณฝ่าบาทอีก?"

ขณะฟังเสียงชมจากผู้คน หวังเหมากลับยืนนิ่งไม่พูดสักคำ

ทั้งโถงค่อยๆเงียบ

เฟิงเฉาเกอพูด"ถ้ามีคำขออื่นใดจากแม่ทัพหวัง โปรดพูด ข้าจะทำให้เจ้า"

หวังเหมาเงยหน้า"ข้ามีแค่คำขอเดียว ขอให้ฝ่าบาทถอนรางวัลคืน"

ทุกคนเงียบ

พวกเขาคิดว่าหวังเหมาจะขอรางวัลเพิ่ม แต่เขากลับอยากขอคืนรางวัล?

ดวงตาของเฟิงเฉาเกอสั่นไหว"แม่ทัพหวังหมายความเช่นไร?"

"เพราะข้าไม่คู่ควร!"

หวังเหมาพูดเสียงดัง"ข้าไม่รู้ว่าแม่ทัพหยูรายงานเรื่องนี้อย่างไร แต่เหตุผลที่ผู้คนในเมืองหวงหยวนปลอดภัยไม่เกี่ยวกับข้าและเหล่าทหารเลย'

"นี่เป็นฝีมือของซู..ซู...."

คำพูดหยุดแค่ตรงนี้ เขาไม่สามารถพูดได้มากกว่านี้

ไม่ว่าเขาจะพยายามแค่ไหน เขาก็ไม่สามารถพูดชื่อได้ ราวกับเขาเสียเส้นเสียงไป

พอมองร่างสูงตรงหน้า หัวใจของหวังเหมาก็เย็นเฉียบ

เขาเข้าใจแล้ว

มันไม่ใช่ว่าแม่ทัพหยูไม่ได้รายงาน แต่ฝ่าบาทจงใจกลบฝังความดีความชอบของซูสือ!

สำนักยักษ์มารขุมนรกคือสำนักมาร เป็นศัตรูของคนทั้งโลก!

นางจะยอมให้อีกฝ่ายกลายเป็นวีรบุรุษได้ไง?

กบฏจะคู่ควรกับคำชมได้ไง?

ทั้งหมดนี้ก็เพื่อจักรวรรดิ!

เฟิงเฉาเกอถามอีกครั้ง"เจ้ามีอะไรอยากพูดงั้นหรือ แม่ทัพหวัง?"

ด้วยคำพูดเหล่านี้ สุดท้ายหวังเหมาก็มีความสามารถจะพูดใหม่

แต่เขารู้ว่าในโถงวังแห่งนี้ คำว่า'ซูสือ'จะไม่มีวันเปล่งออกมาได้!

ตัวของหวังเหมาสั่น ดวงตาเศร้าเสียใจขณะที่พูดเสียงต่่ำ"วิญญาณทั้งสองแสนดวง! ข้าไม่คู่ควรกับความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่เช่นนี้ ข้าไม่สามารถยอมรับได้"

"ข้า ข้าละอายใจ ละอายใจต่อตัวเขา ละอายใจต่อทหารของข้า ละอายใจต่อผู้คนแห่งเมืองหวงหยวน!"

"ถ้าไม่ใช่เพราะเขา ข้าคงตายไปแล้ว และในเมื่อข้าไม่สามารถทำเพื่อเขาได้ ข้า ก็จะยอมตายเพื่อแสดงความมุ่งมั่นของข้า!"

ความมุ่งมั่นฉายผ่านดวงตาของหวังเหมา

เขาออกแรงทั้งหมดและฟาดฟัวของเขาเข้ากับเสาวัง!

เขาอยากใช้การตายของเขาเพื่อประท้วง ใช้เลือดที่กระเซ็นในโถงวังเพื่อทวงความยุติธรรมให้ซูสือ!

แต่ความเป็นจริงช่างโหดร้าย

หวังเหมาถูกจับตรึงกับที่ ไม่สามารถขยับได้แม้แต่นิว

จักรพรรดินีมารไม่ยอมให้เขาพูดอะไร แล้วนางจะยอมให้เขาตายที่นี่ได้อย่างไร?

"แม่ทัพหวังผ่านศึกหนักมา ดูเหมือนจะเหนื่อยเล็กน้อย มาพาตัวแม่ทัพหวังไปพัก"

เสียงของเฟิงเฉาเกอดังขึ้น

หวังเหมาดูเศร้าและโกรธ แต่ก็ทำอะไรไม่ได้

จากนั้น ความวุ่นวายก็มาจากด้านนอกโถง

องครักษ์วิ่งเข้ามา"ฝ่าบาท แม่ทัพหยูกับประมุขเฉินยืนกรานจะขอเข้าพบขอรับ...'

ก่อนเขาจะพูดจบ คนสองคนก็เดินเข้ามาในวังจ้าวเทียน

"น้อมพบฝ่าบาท"

เฟิงเฉาเกอหรี่ตา"เข้ามาในวังหลวงโดยไม่ขออนุญาตก่อน พวกเจ้าคิดทำอะไรกัน?"

ด้วยการโบกมือ หยูเจอโยนบางสิ่งลงพื้น

หลังกลุ่มเสนาบดีเห็นชัด พวกเขาก็ตกใจ

นี่คือหัวมนุษย์!

หยูเจอกวาดมอง"ข้ามั่นใจว่าคนคนนี้คุ้นหน้าสำหรับทุกคน เกาฟาน เคยเป็นขุนนางชั้นหนึ่ง ถูกสั่งให้ไปแนวหน้าในฐานะเจ้าเมืองหวงหยวนเพื่อแก้ปัญหาทางการเงิน แต่หายตัวไปอย่างลึกลับห้าปีก่อน"

"ตามที่เราสืบสวน เกาฟานคือหนึ่งในผู้ก่อเหตุครั้งนี้ เขาสมคบคิดกับคนนอกและช่วยเหลือชิวหูในการวางค่ายกล!"

"ว่าไงนะ?"

"เป็นไปได้ไง?"

พวกเขากระซิบ

พวกเขาคิดว่ามันเป็นการรุกรานของคนนอก แต่ไม่คิดเลยว่าจะมีมนุษย์มาเกี่ยว

เฟิงเฉาเกอพยักหน้า"คนทรยศเช่นนี้ต้องถูกลงโทษ!"

ตอนนี้ เฉินหวังฉวนพดขึ้น"ข้ามีของอีกชิ้นให้ฝ่าบาทดู!"

หลังพูด เขาก็นำผลึกออกมาบดขยี้อย่างแรง

แสงงดงามปรากฏและภาพก็ปรากฏขึ้นในอากาศ

รูม่านตาของเฟิงเฉาเกอหดลง และขณะที่นางกำลังจะเข้าไปขัดขวาง พลังอันยิ่งใหญ่ก็เข้ามาหยุดนาง!

"ซือคงหลานเยวี่ย!"

พอถึงเวลาที่นางหลุดพ้นพันธนาการได้ มันก็สายไปแล้ว

กลุ่มขนนางเงยหน้าขึ้น มองภาพในท้องฟ้าด้วยสายตาแปลกใจ ดวงจันทร์สีเลือดลอยสูงในท้องฟ้า และรอยแยกก็เปิดออก

สัตว์อสูรพุ่งออกมาเหมือนคลื่้นสึนามิ

ทั้งเมืองสั่นสะเทือนราวกับโลกได้มาถึงจุดจบ!

ต่อให้มันเป็นแค่ภาพ มันก็ยังทำให้ทุกคนขนลุก บางคนยังล้มลงกับพื้น กรีดร้องด้วยความกลัว

"พวกเจ้าทั้งหมด ตามข้าไปฆ่าพวกมัน!"

ปราณกระบี่พุ่งออกไป เปลวไฟปะทุ เหมือนกำแพงเลือดและเนื้อ ขัดขวางคลื่นสัตว์อสูร!

รอยแยกรวมกันเป็นหลุมดำขนาดใหญ่ และปีศาจร้ายน่ากลัวก็ปรากฏออกมา!

ซูสือถือครองพลังดวงดาวในสวรรค์ชั้นเก้า ผลักดันดวงดาวนับไม่ถ้วนระเบิดใส่หลุมดำ!

ฉากสับเปลี่ยน

ค่ายกลสังหารโลหิตปรากฏ และตัวอ่อนปีศาจก็อยู่กลางอากาศ

ภายใต้อิทธิพลของค่ายกลสังหารโลหิต ผู้คนคุกเข่า เลือดผสานเป็นแก่นโลหิต ความสิ้นหวังขีดเขียนบนหน้าทุกคน

แต่ ตอนนั้นเอง มันเป็นซูสือที่ยืนหยัดขึ้นอีกครั้ง

"ดวงจันทร์สีเลือดนั่นคือค่ายกล'

"ทุกคน จงดูข้าเด็ดดาวและโอบอุ้มดวงจันทร์!"

เขาทะยานขึ้นสู่ดวงจันทร์ด้วยชุดสีขาวที่พริ้วสะบัด

หยินและหยางแปรผัน เปลี่ยนแปลงดวงอาทิตย์และดวงจันทร์

ดวงจันทร์สีเลือดแตกเป็นเสี่ยงๆ และตัวอ่อนปีศาจก็ตาย!

แสงแดดส่องสู่พื้นดินอีกครั้ง เมืองหวงหยวนผ่านพ้นช่วงเวลาที่มืดมิด

แต่ซูสือเหมือนว่าวที่ขาดสาย ตกลงมาจากท้องฟ้า

ฉากหยุดลงเพียงเท่านั้น

ทั้งโถงวังตกอยู่ในความเงียบ

ขุนนางและทหารมองหน้ากันอย่างตกใจ ราวกับยังไม่ได้สติ

จากนั้นพวกเขาถึงเข้าใจว่าทำไมหวังเหมาถึงเศร้าเสียใจและโกรธตอนเขาได้รับรางวัล และทำไมเขาถึงตะโกนว่าเขาอยากตายเพื่อแสดงความมุ่งมั่น?

มันกลายเป็นว่าคนที่ช่วยเหลือเมืองหวงหยวนคือซูสือ เซิ่งจื่อแห่งสำนักยักษ์มารขุมนรก ดวงมารที่ทุกคนหวาดกลัว!

และฝ่าบาทก็ตั้งใจกลบฝังความจริง

แต่ต่อให้ซูสือเป็นมาร ความสำเร็จเช่นนี้ก็ไม่สามารถลบได้ง่ายๆ

เหนือสิ่งอื่นใด มันคือชีวิตสองแสนชีวิต!

หยูเจ๋อพูด"นี่คือความทรงจำของเจ้าหน้าที่และทหารในเมืองหวงหยวน ณ วันนั้น ข้าอยากรับประกันด้วยชีวิตของข้าว่าภาพนี้เป็นของจริง"

เฉินหวังฉวนพูด"อดีตขุนนางหลวงสมคบคิดกับคนนอก หมายเข่นฆ่าประชาชน เซิ่งจื่อแห่งสำนักมารได้ช่วยทุกคนไว้จากหายนะ"

"หนึ่งปากสามารถปิดได้ แต่หมื่นปากเล่า?"

"แล้วสองแสนปากเล่า?"

"ฝ่าบาท น้ำสามารถแบกเรือได้ แต่มันก็สามารถพลิกคว่ำเรือได้'

คำพูดเหล่านี้ไม่ใช่การพูดตรงๆ

แต่มันทำให้ทุกอย่างชัดเจน

ทุกคนมองบัลลังก์

ชุดหงษ์สีเหลืองสดใสนั่นตอนนี้ดูแสบตายิ่งนัก!