ตอนที่ 120

จุดนี้ซูสือถึงเห็นรูปลักษณ์ของเฟิงเฉาเกอได้เต็มตา

ดวงตาหงส์ คิ้วจันทร์เสี้ยว ริมฝีปากสีเชอร์รี่ และแก้มสีกุหลาบ มันทำให้ไม่สามารถบอกอายุจริงของนางได้

ดวงตานางสงบเหมือนทะเลสาบ และแม้กระทั่งตอนนางเงียบ นางก็ยังแผ่บารมี

มีไฝสีแดงอ่อนบนคิ้วนาง ซึ่งเสริมเสน่ห์นางไปอีกระดับ

นี่ควรเป็นความหมายของคำว่า สาวรวยใช่ไหม?

ซูสือคิดกับตัวเอง

ในเก้าภูมิภาค ไม่มีใครรวยไปกว่านาง

พอตระหนักถึงสายตาของเขา คิ้วของเฟิงเฉาเกอก็ขมวด"ไม่มีใครกล้ามองข้าแบบนั้น"

ไม่มีใครกล้าสบตานางตรงๆ นับประสาอะไรกับการจ้องนางแบบนั้น

ซูสือยิ้ม"นี่เป็นเรื่องโชคร้าย"

เฟิงเฉาเกองุนงง"โชคร้าย?"

ซูสือถาม"เอกสารที่ท่านอ่านเมื่อสักครู่คือคำเยินยอซะส่วนใหญ่ใช่ไหม?"

เฟิงเฉาเกอพยักหน้า"เก้าในสิบ"

มีเอกสารประเภทนี้นับสิบทุกวัน และนางก็ไม่คิดสนใจดูเลยสักครั้ง

"ถ้าเหล่าเสนาบดีไม่กล้ามองท่าน แล้วพวกเขาจะกล้าวิจารณ์ท่านได้ไง?"

ซูสือยักไหล่'หากไร้คำวิจารณ์ ก็จะไม่มีความก้าวหน้า แต่ในฐานะผู้ปกครองอาณาจักร ท่านกลับไม่สามารถได้ยินเสียงจริง นี่ไม่ถือว่าโชคร้ายหรือ?"

เฟิงเฉาเกอจ้องเขม็ง

แม้น้ำเสียงของอีกฝ่ายจะไม่ค่อยสุภาพ แต่สิ่งที่เขาพูดก็ถูก

นางครุ่นคิดสักพัก"ถ้าเจ้าเป็นขุนนางในวังหลวง เจ้าจะกล้าพูดและให้คำชี้แนะไหม?"

ซูสือยิ้ม"ท่านคิดจริงๆหรือว่าข้าโง่?ถ้าข้าทำงานให้ท่าน คำเยินยอของข้าจะต้องดังกว่าใครอื่นนะสิ"

เฟิงเฉาเกอเงียบ

คำพูดของคนคนนี้ตรงเกินไป ราวกับเขาไม่ได้มองนางเป็นจักรพรรดินีเลย

แต่ นางชินกับการเห็นคนถ่อมตัวและก้มหัวให้นาง และท่าทีสบายๆนี้ก็ทำให้นางรู้สึกสนใจ

"ไปกินกัน"

ห้องอาหารของเฟิงเฉาเกออยู่ในวังจ้าวเทียน

ข้ารับใช้ในวังถือกล่องหยกมาและนำอาหารทุกชนิดมาวาง

โต๊ะเต็มไปด้วยอาหารนับร้อยจ้าน ทั้งหมดล้ำค่า เต็มไปด้วยพลังปราณ

สัตว์อสูรหายาก สมุนไพรเซียนกับส่วนผสมหายากต่างๆ

เทียบกันแล้ว มื้ออาหารของจักรพรรดินีมารดูธรรมดาไปเลย

เฟิงเฉาเกอหยิบตะเกียบทองขึ้น คีบสมุนไพรเซียนเข้าปาก ลิ้มรสมันก่อนจะวางและเช็ดมุมปากด้วยผ้าเช็ดหน้า

ซูสืองุนงง"ท่านกินเสร็จแล้วหรือ?"

เฟิงเฉาเกอพยัหกน้า"ข้าไม่ค่อยอยากอาหาร"

ซูสือขมวดคิ้ว

นางเตรียมอาหารมากมายขนาดนี้ทั้งที่ไม่หิว?

อาหารนับร้อยจ้าน แต่กัดแค่คำเดียว นี่เสียของมาก

ยิ่งไปกว่านั้น พอมองจากหน้าตาของสาวใช้รอบๆ มันชัดเจนว่าฝ่าบาทมักทำเช่นนี้

เฟิงเฉาเกออ่านความคิดเขาออกและพูดอย่างไม่แยแส"มีคนเกือบสองร้อยคนในห้องอาหารหลวงที่รับเงินเดือน ถ้าข้าไม่ใช้ให้ทำอาหารร้อยจานเหล่านี้ทุกวัน เจ้าคิดว่าพวกเขาจะยังอยู่ในวังได้ไหม?"

มีห้าตำแหน่งภายใต้ครัวหลวง หัวหน้าพ่อครัว รองหัวหน้าพ่อครัว พ่อครัว ลูกมือ...และสาวใช้ที่คอยบริการ

ถ้าจักรพรรดินีไม่ต้องการพวกเขา งั้นพวกเขาก็จะไม่มีค่า

วังหลวงใหญ่มาก ทุกการตัดสินใจของเฟิงเฉาเกอสามารถส่งผลต่อชีวิตของคนนับร้อยได้

ซูสือเงียบไปและเริ่มขยับตะเกียบ

พอมองเขากินข้าว เฟิงเฉาเกอก็สงสัย"ไม่ใช่ว่าเจ้ากินขนมไปแล้วหรือ?ยังหิวอีกรึ?"

ซูสือพูด"ข้าเกลียดการกินอาหารทิ้งขว้างที่สุด!"

เฟิงเฉาเกอ"..."

ครึ่งชั่วโมงต่อมา

ซูสือนั่งลูบพุงบนเก้าอี้ ไม่มีแรงจะพูด"ไม่ ข้าทำสุดความสามารถแล้ว"

แม้เขาจะสามารถหลอมแก่นแท้และอาหารทั้งหมดจะถูกหลอมเป็นพลังปราณได้ แต่ก็มีหลายจานเก ินไป

หลังกินไปครึ่งชั่วโมง ก็ยังเหลืออีกเยอะ

"อาหารที่ไม่ได้กินพวกนี้คนในวังจะกิน และสิ่งที่ข้ารับใช้กินไม่หมดจะให้สัตว์และนก"

เฟิงเฉาเกอส่ายหัว"จริงๆแล้วไม่มีอะไรถูกทิ้งขว้าง เจ้าไม่ต้องฝืนก็ได้"

".???"

ซูสือตัวแข็ง"mไมไม่บอกข้าแต่แรกกัน?ข้าเกือบท้องแตกตาย!"

"เจ้าได้ถามข้าไหม?"

"ถ้าเจ้าอิ่มแล้ว งั้นก็มากับข้า"

โดยเมินซูสือที่กัดฟัน เฟิงเฉาเกอลุกและเดินออกวัง ด้วยรอยยยิ้มที่หางตา

"มันผ่านมานานแล้วที่ข้าไม่เจอคนน่าสนใจเช่นนี้"

...

วังหลวง

เหล่าขุนนางฝ่ายทหารและภายในยืนเรียงกันสองฝั่ง

เฟิงเฉาเกอนั่งบนบัลลังก์เย็น สวมมงกุฏหยกม่วงและชุดหงส์ที่ลากยาวถึงพื้น แผ่อำนาจบารมี

ขุนนางหญิงข้างกายนางพูดเสียงดัง"ซูสือ เข้ามาได้!"

ทุกคนหันไปมอง

พวกเขาเห็นชายชุดขาวเดินเข้ามา ยืนตรงกลางโถง ไม่มีเจตนาจะคุกเข่าสักนิด

เหล่าขุนนางขมวดคิ้วกับฉากนี้

ต่อให้พวกเขาจะเป็นองค์ชายหรือเสนาบดีคนสำคัญ พวกเขาก็ควรคุกเข่าและคำนับตอนเห็นฝ่าบาท

ซูสือผู้นี้จะกล้าเกินไปแล้ว!

เสนาบดีฝ่ายพิธีการพูด"ซูสือ กล้าดียังไงถึงไม่คุกเข่าเมื่อเห็นฝ่าบาท?"

ซูสือส่ายหัว"ข้ากินเยอะไป ข้าคุกเข่าไม่ไหว"

เขาแสดงสีหน้าไม่พอใจ

รอยยิ้มภายใต้ดวงตาของเฟิงเฉาเกอยิ่งชัดเจน

"สามหาว!"

"กล้าดียังไงถึงหยามเกียรติฝ่าบาท?!"

"เจ้ากล้าหยิ่งขนาดนี้แค่เพราะความดีความชอบของเจ้ารึ?"

"เจ้าสมกับเป็นมารจริงๆ ไร้การศึกษา!"

เหล่านักบวชบางคนพูด

ส่วนใหญ่มองอย่างไม่แยแส

"เงียบ!"

ขุนนางหญิงเตือน

ความเงียบกลับสู่โถง

เสนาบดีฝ่ายพิธีการประสานมือ"ฝ่าบาท ข้าขอเสนอให้ไล่คนไม่รู้จักที่ต่ำที่สูงนี่ออกจากวัง!"

เฟิงเฉาเกอพูด"ตอนเช้าที่วังจ้าวเทียน ซูสือกินไปเยอะ เขาควรจะคุกเข่าไม่ได้จริง"

เฮือก!

เหล่าขุนนางสูดอากาศเย็น!

วังจ้าวเทียน?

เช่นนั้น ซูสือกินข้าวเช้ากับฝ่าบาท?

นี่คือสิทธิพิเศษที่ไม่มีใครเคยได้รับมาก่อน!

ใบหน้าของเสนาบดีฝ่ายพิธีการขาวซีด และบางคนที่เสนอหน้าแต่แรกก็ลดหัวลงเงียบๆ

พวกเขาดูเหมือนจะประเมินตำแหน่งของซูสือในใจฝ่าบาทต่ำไป...

เฟิงเฉาเกอส่งสัญญาณให้ขุนนางหญิงข้างกาย"ประกาศคำตัดสิน"

"เจ้าค่ะ"

ขุนนางหญิงเปิดฏีกาทองคำและอ่านเสียงดัง"ด้วยประกาศิตของทวยเทพ องค์จักรพรรดินีได้ทรงตรัส นี่คือประกาศิตหลวง'

"ซูสือได้พิชิตแผนร้ายของคนนอกและช่วยชีวิตสองแสนชีวิตในพรมแดนเหนือ กระทำการช่วยเหลือโลกไว้อย่างมาก สำหรับความดีความชอบนี้ เขาจะได้รับตำแหน่งอ๋องภูมิภาคตะวันตกเฉียงใต้"

"ตำแหน่งนี้จะไม่มีวันถูกถอนและจะติดตัวสืบสกุลต่อไป"

ขุนนางหญิงเก็บประกาศิตไป

ความเงียบปกคลุมโถง

เหล่าขุนนางตัวแข็ง ใบหน้าพวกเขาซีดเหมือนเห็นผี!

อ๋องภูมิภาคตะวันตกเฉียงใต้?

ฝ่าบาทได้ทำให้ซูสือเป็นอ๋อง!

มันคือตำแหน่งที่เกือบเทียบเท่ากับองค์ชาย!

ไม่ใช่แค่นั้น แต่เขายังมีภูมิภาคตะวันตกเฉียงเหนือทั้งหมดเป็นพื้นที่ปกครอง

แม้จะยังอยู่ภายใต้การควบคุมของวังหลวง แต่ซูสือก็มีสิทธิ์ทั้งหมดในภูมิภาคตะวันตกเฉียงใต้

พวกเขาคิดว่าฝ่าบาทจะตบรางวัลเป็นสมบัติหรือเม็ดยาให้ ไม่คิดเลยว่าจะเป็นการมอบทั้งภูมิภาค!

ใบหน้าของฉูหยินเต็มไปด้วยความเหลือเชื่อ

ฝ่าบาทบ้าไปแล้วหรือไง?

ซูสือเองก็ตัวแข็ง

นี่คือผู้หญิงที่รวยสุดในเก้าภูมิภาค?

ข้อเสนอนี้ใจกว้างนัก!

ในเวลาเดียวกัน เสียงแจ้งเตือนก็ดังในหูของเขา!