ตอนที่ 86

ศิษย์สืบทอด มันคือตำหแหน่งที่เหนือกว่าคนอื่น!

ในสำนักยักษ์มารขุมนรก สถานะของเขาต่ำกว่าแค่จักรพรรดินีมาร แม้แต่ผู้อาวุโสกับนักบุญก็ต้องเรียกเขาว่าซูเซิ่งจื่อ (บุตรพระเจ้า)

ซูสือค่อยๆเดินไปในโถงหลัก

สายตาทุกคนจับจ้องเขา

สายตาของเหล่าผู้อาวุโสกับสาวกเต็มไปด้วยความตื่นเต้น

อัจฉริยะระดับศักดิ์สิทธิ์ขั้นสมบูรณ์

ถ้าอัจฉริยะเช่นนี้กลายเป็นเซิ่งจื่อแห่งวิถีมาร เขาจะเป็นแสงนำทางในอนาคต และวิถีมารจะไม่ต้องกังวลอะไร

สายตาของสี่นักบุญเต็มไปด้วยความสนใจ

เซินไป่หู่ยืนกอดอกและถอนหายใจ”ฝ่าบาทตาถึงจริงๆ”

ตอนซูสือเข้าสำนักครั้งแรก เขามีพรสวรรค์แค่ระดับสูงขั้นธรรมดาเท่านั้น

แต่แม้จะถูกคัดค้าน จักรพรรดินีมารก็ยังชี้แนะเขาเป็นการส่วนตัว

นี่ทำให้ตอนนั้นเกิดความวุ่นวาย

แต่ตอนนี้มันได้พิสูจน์แล้วว่าการมองของจักรพรรดินีมารไม่ผิด

เฟิงจงเฉวียพยักหน้า”ซูสือดีจริงๆ พรสวรรค์กับหัวใจของเขาสุดยอด’

ชายชราหลังค่อมข้างเขาพูดอย่างอิจฉา”เขาหล่อและหุ่นดีมาก ถ้าข้ามีหน้าตาแบบนั้น ข้าต้องมีสาวๆนับพันรุมล้อมแน่”

เซินไป่หู่ขมวดคิ้ว”อู่เสวียนอี้ ช่วยหยุดทำตัวน่าขยะแขยงได้ไหม?”

“เจ้าก็เดินไปให้พ้นๆข้าสิ”

“บัดซบ..”

ทั้งสองทะเลาะกัน

หยูเจียวไม่พูดอะไร นางถือเหยือกสุราและกระดก

ซูสือเดินไปกลางโถง ก้มหัว”ศิษย์ซูสือ น้อมพบท่านประมุข”

อวิ๋นฉีหลัวพยักหน้า”ไปเคาะระฆัง”

นางไม่ชอบพิธีน่าเบื่อพวกนี้

แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะยกเลิกพิธีนี้ได้

ระฆังเก้าลึกล้ำ

ระฆังทองสัมฤทธิ์โบราณที่แขวนอยู่เหนือโถงหลัก

ระฆังมีต้นกำเนิดลึกลับและดำรงอยู่มาตั้งแต่ก่อตั้งสำนัก

ยิ่งเคาะได้ดัง มันยิ่งแสดงถึงอำนาจของคนคนนั้น

“ขอรับ”

ซูสือบินไปด้านหน้าระฆัง

ระฆังโบราณดูทรุดโทรมมาก ดูเหมือนจะผ่านลมฝนมานับหมื่นปี

ระฆังแกะสลักด้วยลวดลายโบราณลึกลับซับซ้อน

ซูสือรู้สึกว่ามันดูคุ้นๆ

เขายื่นมือไปและค่อยๆแตะระฆังโบราณ

อย่างน่าแปลกใจ มีความรู้สึกถึงการผสานกับระฆังโบราณ ราวกับเขาเชื่อมต่อกับมันผ่านสายเลือด

ระฆังโบราณเปล่งแสงศักดิ์สิทธิ์ และอวิ๋นฉีหลัวก็ขมวดคิ้ว”นี่เหมือนกับคืนนั้น…”

เวลาผ่านไปหนึ่งนาที

“ทำไมเขายังไม่ตีระฆังอีก?”

“ไม่มีทางที่เขาจะไม่ได้รับการยอมรับจากระฆังโบราณ!”

“เป็นไปไม่ได้ แม่ทัพซูมีพรสวรรค์ระดับศักดิ์สิทธิ์ขั้นสมบูรณ์”!

“แต่ระฆังเก้าลึกล้ำจะดูมากกว่าแค่พรสวรรค์”

เหล่าสาวกกระซิบกัน และแม้กระทั่งผู้อาวุโสก็นั่งก้นไม่ติด

หยูเจียวหลงดูเหมือนจะสังเกตเห็นและร่องรอยความแปลกใจก็แวบผ่านตานาง

“น่าสนใจ’

ซูสือหลับตาสนิท แสงดูเหมือนจะพยายามทะลุออกมาภายใต้เปลือกตาที่สั่นระริกของเขา

ฟ้าดินบรรจบกัน รวมกันเป็นวัฏจักร เก้าองค์ประกอบของฟ้าดิน

ระฆังโบราณนี้ดูเหมือนจะมีแหล่งที่มาเดียวกับ’เคล็ดผสานเก้าวัฏจักรแห่งฟ้าดิน’(เปลี่ยนชื่อ)

ข้อมูลนับไม่ถ้วนไหลเข้าหัวเขา ราวกับพวกมันให้ข้อคิดเห็นถึงเคล็ดบ่มเพาะ เพิ่มความเข้าใจของเขาต่อ’เคล็ดผสานเก้าวัฏจักรแห่งฟ้าดิน

วัฏจักรแรกยิ่งสมบูรณ์แบบมากขึ้น!

“ข้ายังไม่ใช้ได้ความสามารถของวัฏจักรแรกเลยนะ?”

ซูสือลืมตาและแสงก็ระเบิดออกมา!

พลังแห่งการสรรค์สร้าง การแปรผันของหยินและหยาง!

ฟ้าดินพลันตกสู่ความมืด

มีเพียงเขากับระฆังโบราณที่เปล่งแสงเจิดจ้า

โถงเต็มไปด้วยภาพนิมิตต่างๆ เพดานสั่นคลอน พื้นดินเต็มไปด้วยดอกบัวสีทอง ไฟสีครามปกคลุมโดมเหมือนเมฆ

เสียงของเต๋าดังจนต้องปิดหู และภาพของเต๋าก็เหมือนน้ำเดือด!

บูม!

ระฆังโบราณส่งเสียงดังเขย่าหัวใจ หมอกเหนือหุบเขาโหยวโจวกระจัดกระจาย!

เสียงฟ้าร้องดังไปทั่วอาณาบริเวณ

เสียงของระฆังดังไปทั่วทั้งเก้าภูมิภาค!

ตอนนี้ ทั้งโลกต่างรับรู้!

ฝูงชนในโถงตกตะลึง

แม้กระทั่งสี่นักบุญก็ยังตกใจ

แม้มันจะบอกว่ายิ่งระฆังดัง มันยิ่งหมายถึงความสำเร็จในภายภาคหน้า แต่จริงๆแล้วระฆังนี้ทำจากวัสดุที่พิเศษมาก ไม่ว่าจะมีอาณาจักรสูงแค่ไหนหรือทรงพลังเพียงใด แค่ทำให้มันส่งเสียงได้ก็ถือว่าจะเป็นคนที่ประสบความสำเร็จแล้ว!

แต่ซูสือ..

เซินไป่หู่อึ้ง”นี่ดังเกินไปแล้ว!”

“กลิ่นอายบนตัวเขาดูเหมือนจะมีต้นกำเนิดเดียวกับระฆังเก้าลึกล้ำ”

หยูเจียวหลงยิ้ม”ดูเหมือนฝ่าบาทจะพบสมบัติเข้าแล้วจริงๆ’

พอมองรอยยิ้มที่เหมือนน้ำแข็งละลาย อู่เสวียนอี้ก็เลียริมฝีปาก”หลงเอ๋อร์ เวลาเจ้ายิ้ม เจ้าช่างงามนัก เหมือนดอกไม้-”

ปัง!

เขาถูกกระแทกหน้าจมดินทันที

เซินไป่หู่เตะซ้ำ

ระฆังหยุดส่งเสียง ความมืดสลาย และโถงก็กลับมาสว่าง

ฝูงชนมองซูสืออย่างคลุ้มคลั่ง

น่าตกใจเกินไปแล้ว!

นี่มันความสำเร็จแบบไหนกัน?

แต่ทว่า ตัวของซูสือสั่นและตกลงเหมือนว่าวขาดสาย

ร่างหนึ่งปรากฏ อวิ๋นฉีหลัวคว้าตัวเขาไว้

“คนโง่ เจ้าใช้พลังปราณจนหมดตัวเลย.”

“แค่เคาะเบาๆก็ได้ เจ้าจะใช้สุดแรงทำไม?”

ดวงตาของอวิ๋นฉีหลัวแสดงความโกรธขณะที่นางพาเขาบินออกไปใ.

เสียงดังก้องในโถง

“ระฆังดังแล้ว พิธีจบแล้ว จากนี้ไป ซูสือจะเป็นศิษย์สืบทอดขิงสำนักยักษ์มารขุมนรก!”

โถงเงียบ จากนั้นก็เดือดพล่าน!

เมืองหลวงเว่ยหยาง

เฉินหวังฉวนมองเมฆในท้องฟ้าที่โดนเสียงฟ้าร้องขับไล่และเปลือกตาก็กระตุก

“ระฆังเก้าลึกล้ำดัง”

“มันควรเป็นการขึ้นรับตำแหน่งเซิ่งจื่อแห่งหมู่มารของซูสือ”

“แต่เสียงนี้ดังเกินไป!”

พอคิดถึงชายหนุ่มที่ช่วยชีวิตเขา เฉินหวังฉวนก็ถอนหายใจ”น่าเสียดายจริงๆ”

ข้างเขา เฉินชิงหลวนยิ้มสดใส”ซูสือน่าทึ่งมาก!”

วังจ้าวเทียน

ดาวมารขึ้นสู่บัลลังก์ พลิกคว่ำสวรรค์!

เหล่าขุนนางและแม่ทัพหน้าดำ

เฟิงเฉาเกอมองออกนอกหน้าต่างและพูดอย่างไม่แยแส”ครั้งก่อนที่ระฆังนี้ดัง มันเป็นอวิ๋นฉีหลัวที่ตีมันสินะ?”

เหล่าเสนาบดีขานรับพร้อมกัน

ครั้งก่อนที่ระฆังดัง จักรพรรดินีมารออกมาและเปิดฉากนองเลือดเพื่อยึดอำนาจราชวงศ์!

งั้นครั้งนี้…

“ฝ่าบาท ซูสือผู้นี้ไม่สามารถมีชีวิตได้!”

“พรสวรรค์ระดับศักดิ์สิทธิ์ขั้นสมบูรณ์ และมีความเข้ากันได้สูงกับระฆังเก้าลึกล้ำ อนาคตต้องน่ากลัวแค่ไหน…ข้าไม่กล้าคิดเลย!’

“มันดีกว่าที่เราจะลงมือให้เร็วที่สุด!’

“เราต้องฆ่าเขาให้ได้!”

เหล่าเสนาบดีพูดขึ้น

เฟิงเฉาเกอพยักหน้า”ดีง งั้นหน้าที่ฆ่าซูสือ ข้าจะปล่อยให้เหล่าเสนาบดีที่เสนอจัดการ”

“พวกเจ้าสามารถเอาสมบัติและอาวุธสวรรค์ไปใช้ได้ตามใจชอบ และไม่ว่าจะทำสำเร็จไหม ข้าจะตบรางวัลให้อย่างงาม”

“นี่…”

พวกเขามองหน้ากันและก้มหัว

ฆ่าซูสือ?

ตลกอะไร!

พวกเขาได้แค่ออกความเห็น

แม้แต่แม่ทัพของทหารหลวง หานเฉินก็ยังทำไม่ได้ พวกเขาจะไปมีความสามารถฆ่าซูสือได้ไง?

ขุนนางชั้นหนึ่งพวกนี้…

ไม่มีทางที่พวกเขาจะเต็มใจเสียสละชีวิตตัวเอง

ดวงตาของเฟิงเฉาเกอแสดงความเย็นชา

พวกขยะที่แค่อยากปกป้องตัวเอง!

“ในเมื่อไม่มีใครอยากไป งั้นข้าก็ไม่อยากได้ยินเรื่องพวกนี้อีก”

“สถานการณ์ปัจจุบัน ที่ชายแดนสำคัญสุด เรื่องของซูสือ อย่าพูดให้ข้าได้ยินอีก!’

..

ดินแดนเมฆา

ซือคงหลานเยวี่ยฟังเสียงฟ้าร้อง ขณะที่เมฆโดยรอบปั่นป่วน

“ซูสือก็แค่ผู้บ่มเพาะแก่นทองคำ แต่พลังของเขาน่าทึ่งเพียงนี้?”

“อวิ๋นฉีหลัวพบสมบัติเข้าแล้วจริงๆ!”

“ถ้าข้ามีศิษย์เช่นนี้…ไม่สิ ข้าจะไปรับผู้ชายเป็นศิษย์ได้ยังไง?”

“เป็นไปไม่ได้ เป็นไปไม่ได้แน่ๆ!”