อวี่เหรินเอ๋อร์อึดอัดใจมาก
นางประสบกับค่ายกลสังหารโลหิตมาและรู้ว่ามันอันตรายแค่ไหน
ซูสือเล็งเห็นถึงหายนะล่วงหน้า แต่ก็ยังอยู่ในเมือง ไม่ยอมหนี
แม้เขาจะช่วยทุกคนไว้ได้ แต่ตัวเขาเองก็เกือบโดนกลบฝังในทะเลเลือด!
สองสามวันมานี้ อวี่เหรินเอ๋อร์คอยดูแลซูสืออย่างดี สะกดอารมณ์ทั้งหมดไว้ในใจ
ตอนนี้ที่เขาตื่น ร่างกายอ่อนแอมาก แต่สิ่งแรกที่เขาเป็นห่วงคือความปลอดภัยของผู้อื่น
นี่ทำให้นางกังวลใจ
พอมองใบหน้าของจิ้งจอกน้อย เขาก็เงียบ
เขาประเมินพลังของค่ายกลสังหารโลหิตต่ำไปจริงๆ
ทำให้ค่ายกลสังหารโลหิตอ่อนกำลัง ใช้กายทองคำ ใช้หยินและหยางแปรผัน...เขาสามารถตายได้ถ้าพลาดสักนิด
และวินาทีสุดท้าย ตัวอ่อนปีศาจก็สามารถระเบิดตัวเองได้!
ถ้าไม่ใช่เพราะหอกสีเงิน เขาคงบาดเจ็บสาหัสไปแล้วต่อให้ไม่ตาย และมันก็ต้องไม่ง่ายอย่างแค่พลังปราณหมด
"ข้าฝืนไปจริงๆ แต่ก็ดีที่ทุกอย่างออกมาดี"
ซูสือยิ้ม
อวี่เหรินเอ๋อร์พูดโกรธๆ"ยังยิ้มได้อีก! คนโง่ ท่านเคยคิดถึงตัวเองบ้างไหม?"
ซูสือยักไหล่"ใครบอกว่าข้าไม่ทำอะไรเพื่อตัวเอง?"
อวี่เหรินเอ๋อร์ส่ายหัว"ถ้าท่านคิดถึงตัวเองจริง ท่านจะไม่เสี่ยงอยู่ในเมืองหวงหยวน..."
คำพูดหยุดลง
พอคิดถึงท่าทางของเขา นางก็พลันเข้าใจ"ทั้งหมดนี้ก็เพื่อผู้นำศิษย์จ้าน"
"ข้าเป็นคนของวิถีมาร ข้าสามารถทำอะไรก็ได้ตามใจชอบ"
"แต่ชิงเฉิงแตกต่าง นางเป็นคนจิตใจดีและห่วงใยผู้คน นางจะไม่ทิ้งชาวเมืองไว้แน่"
ซูสือพูด"เพื่อนาง ข้าต้องทำลายค่ายกลสังหารโลหิตนี้"
อวี่เหรินเอ๋อร์ก้มหัว
ในใจนาง นางพลันเกิดความรู้สึกอิจฉาจ้านชิงเฉิง
"ว่าแต่ เจ้ายังไม่บอกข้าเลยว่าทำไมข้าถึงมาอยู่ที่นี่?"
อวี่เหรินเอ๋อร์เช็ดน้ำตา"ตอนท่านหมดแรงและตกจากฟ้า ท่านพ่อของข้ามาถึงพอดี ข้าเลยให้เขาพาท่านกลับมาด้วย"
ซูสือลูบคาง"เจ้าบอกว่าอวี่หยวนเคลื่อนไหวเองงั้นเหรอ?"
"แค่ก"
ตอนนั้นเอง เสียงกระแอมดังจากทางเข้าห้อง ชายในชุดดำเดินเข้ามา
"ท่านพ่อ"
อวี่เหรินเอ๋อร์ยืนขึ้น
อวี่หยวนพูด"เหรินเอ๋อร์ ออกไปก่อน พ่ออยากคุยกับซูเซิ่งจื่อเพียงลำพัง"
อวี่เหรินเอ๋อร์ขมวดคิ้ว"พี่ชายซูสือเพิ่งตื่น ร่างกายของเขายังอ่อนแอ มีเรื่องเร่งด่วนอะไรต้องคุยกันตอนนี้?"
"นี่..."
อวี่หยวนเงียบไป
ซูสือยิ้ม"ไม่เป็นไร ก็แค่คุย ไม่มีปัญหา เจ้าออกไปก่อนเถอะ"
"ก็ได้"
อวี่เหรินเอ๋อร์เดินออกไปอย่างเชื่อฟัง
ตอนนางเดินผ่านอวี่หยวน นางยังกำชับ"พ่อมีเวลาแค่สองก้านธูปเท่านั้น อย่าเกินนี้ละ"
เปลือกตาของอวี่หยวนกระตุก
นางอยู่ข้างไหนกันแน่?
ประตูห้องปิดลง
อวี่หยวนถอนหายใจ"นี่ไม่ใช่การพูดคุยที่เด็กสาวจะมายืนฟังได้"
ซูสือนวดจมูกอย่างอึดอัด"อวี่เหรินเอ๋อร์เป็นคนจิตใจดีมาก'
"แต่นางไม่ได้ดีกับทุกคน"
อวี่หยวนมองเขา"ซูเซิ่งจื่อเป็นคนฉลาด ท่านควรเข้าใจว่าข้าหมายความว่าอย่างไร"
แน่นอนว่าซูสือเข้าใจ
เขาไม่ได้ตาบอดจนไม่รับรู้ถึงความรู้สึกที่อวี่เหรินเอ๋อร์มีให้เขา
นี่ชัดเจนว่าเกินกว่าความรู้สึกขอบคุณแล้ว
ซูสือกำลังจะพูดบางสิ่ง แต่อวี่หยวนหยุดเขาไว้"อย่าเข้าใจข้าผิด ซูเซิ่งจื่อ ข้าไม่ได้จะบังคับอะไรท่าน ข้าไม่อยากยุ่งกับเรื่องระหว่างเด็ก"
อวี่หยวนขบคิดมาแล้ว...
ปัจจุบัน ความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์กับคนนอกตึงเครียดมาก และตัวตนของซูสือก็พิเศษมาก ถ้าอวี่เหรินเอ๋อร์ใกล้ชิดเขาเกินไป นางจะโดนลากเข้าวังวนง่ายๆ
แต่การคิดก็เป็นอีกทาง
ถ้าไม่ใช่เพราะซูสือ นางคงตายไปนานแล้ว
อวี่หยวนหยิบตราออกมาและส่งมันให้เขา
พอมองลวดลายบนตรา ซูสือก็สับสน'นี่คือ..."
อวี่หยวนพูด"นี่คือตราลับจิ้งจอกขาว คนที่เห็นตรานี้จะเหมือนเห็นข้า"
"หากมีตรานี้ ท่านสามารถเข้าถึงได้ทั้งแดนคนเถื่อน เผ่าจิ้งจอกทั้งหมดในโลกจะพร้อมช่วยเหลือท่าน"
ซูสือแปลกใจ"นี่ล้ำค่าเกินไปไหม?"
อวี่หยวนส่ายหัว"ไม่ว่าจะล้ำค่าแค่ไหน มันก็ไม่สำคัญเท่ากับชีวิตของลูกสาวข้า"
"เหรินเอ๋อร์เป็นคนอ่านง่าย แต่ก็ขี้เล่น ถ้าไม่ใช่เพราะซูเซิ่งจื่อ ข้าเกรงว่านางคง-'
"ด้วยสถานะของซุเซิ่งจื่อ ข้าเดาว่าท่านไม่ต้องรู้สึกด้อยกว่าเลย ตราลับนี้จะถือเป็นของขวัญของคุณ ท่านควรหยุดรู้สึกลำบากใจ"
"แต่..."
ซูสือยังลังเล
เผ่าจิ้งจอกขาวแข็งแกร่งมาก ไม่ได้อ่อนแอเลย และคุณค่าของตราลับนี้ก็เกินกว่าสมบัติชิ้นใด
ตอนรับมัน เขายังไม่เต็มใจเล็กน้อย
อวี่หยวนลังเลชั่วขณะ"จริงๆแล้ว ข้ามีเรื่องอยากจะขอ"
ซูสือพูดอย่างอยากรู้"อะไรครับ?'
อวี่หยวนถอนหายใจ"ข้าอยากให้ซูเซิ่งจื่อกลับไปและอธิบายให้จักรพรรดินีมารฟังว่าเผ่าจิ้งจอกเราไม่เกี่ยวกับเรื่องนี้ การพาตัวท่านกลับมาเป็นแค่เรื่องเข้าใจผิด"
ซูสือหยุดชะงักและขมวดคิ้ว"ฝ่าบาทมาที่นี่รึ?"
อวี่หยวนเกาหัว"จักรพรรดินีมารไม่ได้เผยตัว นางแค่ดูจากระยะไกล แต่ข้ารับรู้ได้ และนางดูเหมือนจะโกรธมาก"
มันจบแล้ว!
ซูสือวิตก
เขารู้ว่าทำไมจักรพรรดินีมารถึงโรกธ
ตอนเขาเพิ่งออกสำนัก นางย้ำเตือนเขาว่าเขาห้ามไปดินแดนคนเถื่อนเพื่อตามหาอวี่เหรินเอ๋อร์
แต่ เขากลับมานอนอย่างวงบในที่ราบเนินเขียว
ช่างมัน ไว้ค่อยกลับไปอธิบายให้นางฟัง
พอเห็นอีกฝ่ายรับตราไป อวี่หยวนก็ถอนหายใจโล่งอก พูด้ดวยรอยยิ้ม"เช่นนั้น ข้าไม่ขอรบกวนการพักผ่อนของซูเซิ่งจื่ออีก ถ้าท่านต้องการอะไร โปรดขอมาได้เลย"
ซูสือพยักหน้า"ขอบคุณท่านมาก ผู้นำอวี่"
อวี่หยวนผลักเปิดประตูออกไป
เขาเห็นอวี่เหรินเอ๋อร์กำลังเอาหูแนบประตู
ทั้งสองจ้องตากัน
อวี่เหรินเอ๋อร์ยิ้มหน้าด้าน"คุยกันเร็วจัง?"
อวี่หยวนจ้องนาง"เจ้าไม่กลัวว่าจะอกหักบ้างหรือไง?"
อวี่เหรินเอ๋อร์เถียง"ท่านพ่อ ท่านพูดเรื่องอะไร?!"
"ไม่ต้องห่วง ข้าไม่ได้พูดสิ่งที่ข้าไม่ควร"
อวี่หยวนยิ้ม"และข้ายังมอบตราลับจิ้งจอกขาวให้เขาด้วย"
อวี่เหรินเอ๋อร์สับสน"สิ่งนี้มีประโยชน์อะไรกับพี่ชายซูสือ?"
คนนอกจะไม่เข้าอาณาเขตของจักรวรรดิหลินหลางง่ายๆ มันจึงไม่มีประโยชน์
ต่อให้ซูสือจะมีตราลับในมือ แต่ก็มีสถานการณ์น้อยมากที่เขาจะใช้ได้
"ประโยชน์เป็นเรื่องรอง ประเด็นสำคัญคือความหมายเบื้องหลังมันต่างหาก"
"นี่แสดงถึงท่าทีของเผ่าเรา ว่าเราจะไม่มีวันเป็นศัตรูกับสำนักยักษ์มารขุมนรก'
"ถ้าชะตากรรมต้องกัน งั้นเผ่าจิ้งจอกจะมักเป็นผู้สนับสนุนของเขา แต่ถ้าเขากล้าทำให้เจ้าผิดหวัง ด้วยคำสั่งจากข้า สิ่งนั้นก็ไม่ต่างอะไรจากเศษเหล็ก"
อวี่หยวนยิ้ม
อวี่เหรินเอ๋อร์กัดฟันด้วยความโกรธ"พ่อสมกับเป็นจิ้งจอกเฒ่าเจ้าเล่ห์!"
อวี่หยวน"..."
อวี่เหรินเอ๋อร์พูดโกรธๆ"พี่ชายซูสือคือผู้ช่วยชีวิตข้า ไม่เพียงพ่อจะไม่ซาบซึ้ง แต่ก็ยังวางแผนเช่นนี้! พ่อยังมีจิตใจสำนึกบ้างไหม/"
อวี่หยวนแค่นเสียงเย็น"ข้าจะไปซาบซึ้งเขาได้ไงในเมื่อตาแก่อย่างข้ายังต้องยกลูกสาวให้เขา?"
อวี่เหรินเอ๋อร์หน้าแดง กระทืบเท้าโกรธๆ หมุนตัวและเดินหนีไป
อวี่หยวนขมวดคิ้ว"เจ้าจะไปไหน?"
อวี่เหรินเอ๋อร์พูดโดยไม่หันมามอง"ข้าจะไปเปิดคลังสมบัติของเผ่าจิ้งจอกและให้พี่ชายซูสือเลือกตามใจชอบ!ยังไงซะ ตามที่ท่านพูด นี่คือสมบัติของข้าทั้งหมด!"
อวี่หยวนโกรธ"ตัวข้าไม่มีเลือดหมาป่า ทำไมถึงได้ให้กำเนิดหมาป่าตาขาวแบบเจ้ากัน?"
"ข้าก็เรียนรู้ทุกอย่างมาจากพ่อทั้งนั้นแหละ!"
ปล.หมาป่าตาขาวคือคำเรียกใช้คนเนรคุณ
Copyright © 2025 xxxxx.com, All Right Reserved