ตอนที่ 172

"ซูเซิ่งจื่อ ทำไมท่านถึงมาที่นี่?"

เอเลียจ้องซูสืออย่างเหลือเชื่อ

นางขยี้ตาอย่างแรง สงสัยว่าตัวเองหลอน

ซูสือยักไหล่"ข้าแสดงจี้หยกให้ทหารดู แล้วข้าก็ถูกพามาที่นี่"

เอเลียสั่งไว้จริงๆ

ถ้ามีคนแสดงจี้หยกดอกไม้หงส์ทอง พวกเขาต้องไม่หยุดและพามาห้องนอนนาง

เอเลียส่ายหัว"นั่นไม่ใช่ที่ข้าถาม ไหนซูเซิ่งจื่อบอกว่าท่านไม่สนใจเรื่องของเมืองซาฟาน?ทำไมจู่ๆท่านถึงเต็มใจมาพบข้าอีก?'

"ข้าไม่ได้มาที่นี่เพื่อเจอเจ้า"

"ข้ามาหาบางสิ่ง"

ใบหน้าสวยของเอเลียขึ้นสี นางชี้กระโปรงในมือเขา."นั่น..คือของที่ท่านตามหาหรือ?"

"อะแฮ่ม'

ซูสือหน้าแดง รีบโยนมันกลับเข้าตู้

เขายุ่งกับการคุ้ยตู้เสื้อผ้าจนไม่รู้ตัวว่าถืออะไรอยู่

พอเห็นหน้าตาเขินอายของเขา เอเลียก็ยิ้ม"ดูเหมือนเหรินเอ๋อร์จะพูดถูก เซิ่งจื่อไม่ได้ดูเย็นชาเหมือนที่แสดง."

"เหรินเอ๋อร์ที่เจ้าพูดถึงคือ..."

เอเลียยิ้ม"จะใครได้ละ?ยอมเป็นจิ้งจอกน้อยจากที่ราบเนินเขียว"

ซูสืองุนงง"เจ้ารู้จักอวี่เหรินเอ๋อร์?"

เอเลียพยักหน้า"เหรินเอ๋อร์กับข้าเป็นเพื่อนกัน ไม่งั้นข้าจะรู้สึกสบายใจที่จะปล่อยให้ท่านเข้ามาห้องนอนข้าได้ไง?"

พอเห็นว่าซูสือยังไม่เชื่อ นางก็หยิบจดหมายออกจากแหวน

"เราจะเขียนจดหมายหากัน ซูเซิ่งจื่อสามารถดูได้ถ้าไม่เชื่อข้า"

ซูสือเปิดจดหมาย มันเป็นลายมือของอวี่เหรินเอ๋อร์จริง

จดหมายยังเพิ่งถูกส่งมา เนื้อหาเต็มไปด้วยความคิดเกี่ยวกับซูสือ

มันยังอธิบายบางรายละเอียดเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสอง

ไม่มีทางปลอมแปลงสิ่งนี้

จากจดหมาย มันเห็นได้ว่าอวี่เหรินเอ๋อร์กับเอเลียสนิทกัน

ซูสือสงสัย"ถ้าเจ้ารู้จักเหรินเอ่อร์ ทำไมไม่พูดแต่แรก?"

เอเลียหัวเราะขมขื่น"เซิ่งจื่อไม่ให้โอกาสข้าได้พูดอะไรเลย"

"แถม ตอนนั้นท่านมีคนอื่นข้างตัว ข้ากังวลว่าถ้าเรื่องนี้หลุดไป มันจะส่งผลต่อท่าน"

ปัจจุบัน ความสัมพันธ์ระหว่างสองเผ่าตึงเครียด ตัวตนของซูสือนั้นพิเศษมาก

เอเลียจึงระมัดระวัง

พอคิดถึงจิ้งจอกน้อยนั่น สายตาของซูสือก็อ่อนลงไปมาก

พอเห็นความอ่อนโยนในสายตาเขา ซึ่งต่างจากความเย็นชาก่อนหน้านี้มาก หัวใจของเอเลียก็หวั่นไหว

"ดูเหมือนเหรินเอ๋อร์จะสำคัญมากในใจเขา"

นางกระแอมลำคอ"เซิ่งจื่อจะเชื่อใจข้าได้หรือยัง?""

ซูสือวางจดหมายและพูด"ข้าเชื่อว่าเจ้ากับเหรินเอ่อร์เป็นเพื่อนกัน แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าข้าจะเชื่อใจเจ้าไปทุกเรื่อง"

แม้กระทั่งครอบครัวเดียวกันก็ยังแทงข้างหลังกันได้

มิตรภาพไม่ได้พิสูจน์อะไร

อีกฝ่ายเองก็หมายตาไข่มุกศักดิ์สิทธิ์ เขาต้องระวัง

เอเลียหัวเราะขมขื่น"ซูเซิ่งจื่อพูดตรงซะจริง"

ตอนนั้นเอง นางก็จำอะไรได้และถาม"ว่าแต่ เซิ่งจื่อกำลังหาอะไรหรือ?"

"ข้าหาระฆัง"

"ระฆัง?"

เอเลียสับสน.งั้นท่านไปค้นในตู้เสื้อผ้าข้าทำไม?"

ซูสือลูบจมูก"อะแฮ่ม มันจะเป็นระฆังใหญ่ หรือระฆังเล็ก หรือแม้แต่เศษระฆังก็ได้"

"นี่เกี่ยวกับฐานบ่มเพาะของข้า มันชี้นำข้ามาที่นี่"

เขาไม่รู้แน่ชัดว่ามันหน้าตาเป็นอย่างไรจนกว่าจะได้เห็นมันกับตา

เอเลียพยักหน้าเข้าใจ

นางลูบคางและครุ่นคิด"เอาแบบนี้ปเนไง ข้าจะช่วยท่านหาระฆัง ส่วนท่านช่วยข้าหาไข่มุก"

ดวงตาของซูสือทอประกาย"ไข่มุกนั่นสำคัญต่อเจ้ามากหรือ?"

เอเลียถอนหายใจ"มันสำคัญมาก เพราะมันเกี่ยวกับชีวิตของพ่อข้า'

"หืม?"

หลังฟังการบอกเล่าของอีกฝ่าย ซูสือก็พลันตระหนัก

เดิมที เขาคิดว่าเอเลียอยากได้สมบัติชิ้นนี้ แต่ไม่คิดว่ามในจะเพื่อรักษาราชาแห่งอาณาจักรซาซิน

สามเดือนก่อน ราชาแห่งอาณาจักรซาซินจู่ๆก็ล้มป่วยด้วยโรคประหลาด ตัวของเขาเริ่มเปลี่ยนเป็นทราย

ตอนแรก เขาก็พอฝืนทนได้

แต่ตอนนี้เขาป่วยหนักมากและอยู่ในสภาพวิกฤต

ไม่ว่าจะเป็นหมอหลวง หรือยอดฝีมือจากไหนก็ไม่สามารถรักษาได้

ทุกคนได้แต่มองดูชีวิตของราชาค่อยๆลดลง

เอเลียได้รู้มาจากตำราโบราณว่านี่คือคำสาปจากทะเลทรายโบราณที่สามารถรักษาได้ด้วยไข่มุกศักดิ์สิทธิ์ทรายลี้ลับในตำนานเท่านั้น

นางตรวจสอบคลังและรู้ความลับการล่มสลายของเมืองซาฟาน

มันกำหนดคร่าวๆว่าไข่มุกอยู่ไหน

ซูสือสงสัย"แต่มันเกี่ยวอะไรกับข้า?"

เอเลียอธิบาย"หลังความวุ่นวายในทะเลทราย ข้าส่งคนไปสืบและเห็นฉากที่เซิ่งจื่อฆ่ามุคาห์"

"และสถานที่นั้นดันเป็นที่ตั้งของเมืองซาฟาน"

"ข้าสงสัยว่าเซิ่งจื่ออาจสนใจมันเช่นกัน ข้าเลยคิดร่วมมือกับท่านเพื่อรับเอาไข่มุก"

"ข้าแค่อยากรักษาพ่อของข้า และตอนพ่อของข้าหาย ไข่มุกก็จะถูกส่งคืนให้ท่าน"

ซูสือส่ายหัว."อาณาจักรซาซินของเจ้าไม่ได้อ่อนแอ ทำไมถึงมาหาคนนอกอย่างข้า?"

เอเลียถอนหายใจ"เพราะข้าไม่รู้ว่าจะเชื่อใจใครได้"

ซูสือเงียบ"เจ้าสงสัยว่านี่จะเป็นฝีมือของคนในวังเหรอ?"

"ข้าไม่กล้าสรุป"

"แต่ถ้าท่านพ่อตาย คนที่จะได้ประโยชน์ก็คือคนพวกนั้น"

"เทียบกับพวกเขา ข้าศรัทธาในมุมมองของเหรินเอ๋อร์กว่า'

เอเลียมองซูสือ"ข้ารู้ว่าเซิ่งจื่อยังมีข้อกังขาในหัว แต่เพื่อแสดงความจริงใจของข้า ข้าจะช่วยท่านหาระฆังก่อนเป็นไง?"

"เจ้าคิดจะช่วยข้ายังไง?"

เอเลียลูบคางและสำรวจเขา"ก่อนอื่นท่านต้องเปลี่ยนชุดก่อน"

มันมืดแล้ว

คนสองคนเดินออกห้องนอน

ซูสือมองชุดคอกลมแขนสั้นที่เขากำลังสวมและขมวดคิ้ว"ข้าต้องสวมชุดนี้?นี่ชุดของข้ารับใช้ชัดๆ"

และมันยังคับด้วย

เอเลียหัวเราะ"ข้าถูกเฝ้าอย่างเข้มงวด การหาชุดพวกนี้ได้ก็ดีแล้ว"

"ก็ได้"

ซูสือหน่ายใจ มันไม่มีทางเลือกอื่น

เขาไม่สามารถสัมผัสตำแหน่งแน่ชัดได้ ทั้งสองเลยได้แค่ค้นหาทีละห้อง

เอเลียมองรอบๆ"มาเริ่มที่ห้องของท่านแม่กัน"

ตอนไม่มีใครอื่น ทั้งสองก็ลอบเข้าห้องไป