เดิมที ซูสือไม่มั่นใจ
แต่หลังเห็นตราหยก ชุดคลุมมังกร และจดหมาย มันก็ชัดเจน
ฉูหยินไม่ได้โง่
เขาจะทำตราหยกปลอมและวางไว้ในจวนทำไม?
และจดหมายจากเผ่าเสือ เขาจะเก็บมันไว้เพื่ออะไร?
เห็นได้ชัดว่าทั้งหมดเป็นฝีมือของเฟิงเฉาเกอ
แต่ร่วมกับตราหยกและจดหมาย ต่อให้ฉูหยินเป็นองค์ชาย เขาก็ไม่รอด
"ทำหลักฐานขึ้นมาถ้าไม่มี ถ้าเขาบริสุทธิ์ งั้นก็ทำให้เขาเป็นคนผิด ถ้าเขาเป็นคนผิดจริง ก็อย่ามอบโอกาสรอด"
"นี่คือฝีมือของฝ่าบาท?"
ซูสือส่ายหัว
แต่ฉูหยินไม่ได้บริสุทธิ์
สมคบคิดกับเผ่าเสือและแบ่งแยกเก้าภูมิภาค เขาสมควรตาย
เฉินหวังฉวนได้สติและพูด"ฝ่าบาทส่งมอบคดีนี้ให้หน่วยปราบมาร เรายังต้องสอบปากคำฉูหยินและตรวจสอบหลักฐานนี้..."
ซูสือพูด"หลักฐานนี้ชัดเจนแล้ว จะต้องสืบอะไรอีก?ในเมื่อฉูหยินถูกส่งไปคุกหลวง มันจะต่างอะไรว่าเขาจะเป็นหรือตาย?ประมุขเฉินไม่ต้องสนใจหรอก"
จากนั้นเฉินหวังฉวนได้ถึงสติ
เขาถอนหายใจ"ข้ารับราชการมาหลายปี แต่ก็ยังไม่คุ้นกับการเมือง"
ซูสือพูด"มันเพราะท่านไม่คุ้นกับการเมือง ฝ่าบาทถึงมอบคดีนี้ให้ท่าน"
ถ้ามันเป็นคนอื่น ใครจะกล้านำคนบุกเข้าจวนองค์ชายเพราะคำใบ้เล็กน้อย?
เฉินหวังฉวนตรงไปตรงมา ยุติธรรมและทำตามกฏหมายบ้านเมือง
นี่คือพฤติกรรมที่หายากในสายตาจักรพรรดินี
เฉินหวังฉวนตัวแข็ง จากนั้นก็ยิ้ม"อ๋องซูพูดถูกแล้ว'
ซูสือยิ้ม"เช่นนั้นแล้ว ท่านจะจ่ายค่าเล่าเรียนไหม?"
"ค่าเล่าเรียน?"
เฉินหวังฉวน."ค่าเล่าเรียนอะไร?"
ซูสือมองกล่องสมบัติและกระซิบ"นี่มีอย่างน้อยร้อยไขกระดูกทองคำ!"
เฉินหวังฉวนขมวดคิ้ว
ซูสือพูดต่อ"ข้าขอสี่ส่วน ท่านเอาไปหก โปรดอย่าโลภเกินโดยเอาไปเจ็ดส่วนละ ประมุขเฉิน นั่นคือข้อเสนอสูงสุดของข้า"
"คนละห้าเป็นไง?ยังไงซะ ผู้หญิงรวยๆคนนั้นก็ไม่สนใจกับจำนวนนี้หรอก"
เฉินหวังฉวนส่ายหัว"นี่เป็นเงินหลักฐานนะ?"
"ท่านจะพูดเสียงดังทำไม?"
พอเห็นสายตารอบตัวเขา ซูสือก็กระแอมลำคอ"จริงๆแล้ว ข้าแค่ทดสอบท่าน ยินดีด้วย ประมุขเฉิน ท่านผ่านบททดสอบของข้า"
เฉินหวังฉวนมองซูสือด้วยสีหน้าเหลือจะเชื่อ
คนคนนี้เข้าใจเจตจำนงกระบี่ห่าวหรานได้ไง?
"อ๋องซู ทำไมเราไม่กลับวังกันละ?"
ขันทีเว่ยกลัวว่าซูสือจะพูดจาไร้สาระอีก
ซูสือส่ายหัว"ท่านกลับไปก่อนได้ถ้าอยาก ข้ายังไม่อยากเห็นหน้าเฟิงเฉาเกอตอนนี้"
หลังพูด เขาก็หมุนตัวจากไป
ขุนทีเว่ยนวดขมับ รู้สึกปวดหัว
การคุ้มครองซูสือคืองานที่ยากสุดเท่าที่เขาเคยทำมา
เมืองหลวงต้องสั่นคลอนอีกครั้ง
องค์ชายฉูหยิน ผู้ทรงอิทธิพลที่สามารถควบคุมท้องฟ้าเหนือเมืองหลวงได้ล้มลงในไม่กี่ชั่วโมง!
โทษคือเขาสมคบคิดกับคนนอก คิดสังเวยชีวิตนับแสน และแบ่งแยกอาณาจักร!
หลักฐานมากล้นและเขาก็ถูกส่งเข้าคุกหลวง!
คุกหลวงน่ากลัวมากเพราะไม่เคยมีใครเข้าไปแล้วกลับออกมาได้!
องค์ชายฉูหยินจบสิ้นแล้ว!
ซูสือ
มันเป็นซูสืออีกแล้ว!
อ๋องที่ได้รับแปต่งตั้งใหม่นี้สั่นคลอนเมืองหลวงหลายครั้งและตอนนี้องค์ชายก็ยังถูกผลักลงหลุมโดยเขา!
เหล่าขุนนางผูสูงส่งได้แต่ชื่นชมเขา
แม้แต่องค์ชายก็ยังต่อกรเขาไม่ได้ แล้วใครจะกล้ายุ่งกับเขา?
ตอนนี้เสนาบดีฝ่ายพิธีที่ตั้งคำถามซูสือในวังหลวงกำลังเขียนจดหมายลาออกและเตรียมเกษียณกลับบ้านเกิด
จวนสกุลเฉิน
ในห้องสมุด เฉินชิงหลวนลูบคางและพูดอย่างอยากรู้"เจ้ารู้ได้ไงว่ามีสิ่งน่าสงสัยใต้สระ?"
มันคือสระเซียนชิง ซึ่งจักรพรรดิองค์ก่อนเป็นคนมอบชื่อให้ และคนทั่วไปก็คงไม่คิดถึง
ซูศือพูดตรงๆ"เพราะข้าสามารถบอกโชคลาภได้"
"จริงเหรอ?"
เฉินชิงหลวนพูดอย่างเหลือเชื่อ"งั้นเจ้าช่วยดูดวงให้ข้าได้ไหม"
ซูสือมองนางอย่างจริงจัง ราวกับกำลังชื่นชมงานศิลปะ
พอเจอกับสายตานั้น แก้มของเฉินชิงหลวนก็แดงขึ้นมา นางประหม่า"เจ้า เจ้ายังดูไม่เสร็จอีกเหรอ?"
ซูสือพยักหน้า"เสร็จแล้ว ปราณของผู้ตรวจการหลวงเฉินสดใส นี่คือสัญญาณของความรุ่งโรจน์ ยังมีไอม่วงอ่อนๆ ซึ่งหมายถึงเกียรติยศจะมักอยู่กับเจ้า"
"และสำคัญสุด"
"หน้าเจ้าเต็มไปด้วยดอกท้อ คิ้วเหมือนขนนกมรกต และคลื่นระหว่างคิ้วเจ้าก็ชัดเจน ซึ่งหมายความว่าเจ้ามีโชคดอกท้อติดตัว"
"โชคดอกท้อ?"(โชคดอกท้อคือจะมีคนที่คุณชอบโผล่มารอบตัว)
ดวงตาของเฉินชิงหลวนฉายแววเขินอาย"เจ้าพูดไร้สาระอีกแล้ว ข้าไปมีโชคดอกท้อที่ไหนกัน?"
ซูสือหัวเราะ
เขาเคยคิดว่าผู้หญิงคนนี้คือแม่เสือสาว แต่ตอนนี้นางน่ารักขึ้นเรื่อยๆ
"บอกข้าตามตรง เจ้ารู้ได้ไง?"
เฉินชิงหลวนงุนงง
แม้กระทั่งสัมผัสของเฉินหวังฉวนก็ยังไม่ออกบอกได้ แต่ซูสือกลับสามารถบอกได้เนี่ยนะ?
ซูสือไม่ปิดบัง"ข้ารู้นานแล้วว่าความโกลาหลในชายแดนเหนือเป็นฝีมือของฉูหยิน"
เฉินชิงหลวนตัวแข็ง"งั้นทำไมเจ้าถึงไม่บอกข้าแต่แรก?"
ซูสือมองนาง"ด้วยนิสัยของเจ้า ถ้าเจ้ารู้ เจ้าจะปิดบังมันยังไง?ถ้าเจ้าแหวกหญ้าให้งูตื่น การจับฉูหยินก็จะยากขึ้น"
เฉินชิงหลวนโบกหมัดอย่างขุ่นเคือง"ข้าไม่ได้โง่ขนาดนั้น!"
"ฉูหยินคือตระกูลราชวงศ์เดียวที่เหลือ ถ้าเจ้าไม่สามารถฆ่าเขาได้ในคราเดียว มันอาจต้องจ่ายด้วยตระกูลเฉินของเจ้า"
"ข้าไม่สามารถรับความเสี่ยงนั้นได้"
'นั่นทำให้เราต้องรอให้ฝ่าบาทลงมือ"
พลังของฉูหยินในเมืองหลวงแข็งแกร่งเกินไป
เรื่องแบบนี้ต้องไม่เปิดเผยสักนิด มันต้องลงมือแบบสายฟ้าแลบ ไม่งั้น จะมีผลที่ตามมา!
มันเป็นไปได้ว่าฝ่าบาทเองก็คิดเหมือนกับเขา
เฉินชิงหลวนมองซูสือ ดูเหมือนจะมีแสงดาวในตานาง"ทำไมเจ้าถึงมักควบคุมทุกอย่างไว้เสมอเลย?"
ซูสือยิ้ม ไม่พูดอะไร
มันไม่ใช่ว่าเขาฉลดา แต่เขาชินกับโครงเรื่องและพอมองอนาคตออก เขาจึงก้าวล้ำหน้าคนอื่นได้
แต่นี่ไม่ได้หมายความว่าเขามีทุกอย่างภายใต้การควบคุม
ตัวอย่างเช่น เฟิงเฉาเกอ
จักรพรรดินีผู้นี้คิดอ่านลึกเกินไป แม้แต่ซูสือก็มองไม่ออกหมด
ในแง่ของพลัง จักรพรรดินีมารไม่อ่อนแอไปกว่านาง แต่ในแง่ความคิด...
พอคิดถึงจักรพรรดินีมารที่กัดมะระหวานและยิ้มอย่างไร้เดียงสา ซูสือก็ลอบถอนหายใจ
ยังไงซะ สำนักยักษ์มารขุมนรกกลืนกินสามภูมิภาคได้ก็เพราะกำปั้นเหล็กล้วนๆ
ก็อก ก็อก ก็อก
ตอนนี้ มีเสียงเคาะประตูห้อง
พ่อบ้านผลักประตูเข้ามา"ท่านอ๋อง มีขันทีมารอท่านอยู่ด้านนอกเป็นเวลานานแล้ว"
ซูสือโบกมือ"บอกเขาว่าให้เขากลับไปซะ"
"ขอรับ"
พ่อบ้านถอยไป
หนึ่งก้านธูปต่อมา พ่อบ้านกลับมาอีกครั้ง"เขาบอกว่าถ้าท่านไม่ออกมา เขาจะรอด้านนอกจนกว่าฟ้าดินจะแก่เฒ่า ทะเลแห้งเหือด หินสึกกร่อน"
"..."
ซูสือเลิกคิ้ว
มาเล่นบทเศร้ากับเขาซะงั้น?
Copyright © 2025 xxxxx.com, All Right Reserved