ตอนที่ 64

ซูสือคิดไม่ถึง

'รางวัลลับ'?

เขาไม่เพียงจะมาถึงคนแรก แต่ยังทนภาพมายาที่แข็งแกร่งสุด

เงื่อนไขเหล่านี้หยาบไป

แต่รางวัลที่ได้รับก็น่าประทับใจมาก!

เมินพันธนาการของเขษโดยตรงและทะลวงผ่านอาณาขั้นย่อยสองอาณาจักร!

แถม พลังปราณของเขายังถูกหล่อหลอมและบริสุทธิ์อย่างมาก เช่นนั้นแม้เขาจะทะลวงผ่านเร็วเกินไป รากฐานของเขาจึงยังแข็งแกร่ง

อาณาจักรแก่นทองคำขั้นปลาย!

พอรับรู้ถึงพลังที่พลุ่งพล่านในตัวเขา มุมปากซูสือก็กระตุก

แก่นทองคำขั้นปลายอายุยี่สิบปี?

ไม่เพียงจะไม่มีใครเคยทำได้มาก่อน แต่ก็น่าจะไม่มีใครทำได้ในอนาคตเช่นกัน!

หญิงสาวมองซูสือด้วยตาเป็นประกาย

ถ้าไม่ใช่เพราะซูสือช่วยไว้ ต่อให้มีคนสามารถถึงจุดสูงสุดได้ มันก็จะไม่เร็วแบบนี้

นี่คือโอกาสที่ซูสือมอบให้พวกนาง!

จ้านชิงเฉิงยิ้ม

"คนสสารเลวนี่ เพื่อไม่ให้เกิดความสงสัย เขาเลยพาชิงหลวนมากับเขาด้วยเหรอ?"

หน้าของเฉินชิงหลวงแดงเล็กน้อย

"ซูสือกล้ามาก เขาเกือบโดนชิงเฉิงจับได้!"

เซินอี้เหรินก้มหัว

"แม้หมอนี่จะชอบรังแกคน แต่ครั้งนี้ข้าเป็นหนี้เขาจริงๆ.."

ทั้่งสามมีความคิดต่างกันออกไป

ความสิ้นหวังในดวงตาของเย่เซียวยิ่งรุนแรง

ซูสือทะลวงผ่านอีกแล้ว

เดิมที พลังของพวกเขาก็เทียบกันไม่ได้อยู่แล้ว แต่ตอนนี้ช่องว่างระหว่างพวกเขายังกว้างเข้าไปอีก

"ไม่ ข้าจะยอมแพ้ไม่ได้ ข้ายังมีโอกาส.."

ในเวลาเดียวกัน การแจ้งเตือนดังในหูของซูสือ

[เฉินชิงหลวนทำการตัดสินใจ ส่่งผลต่อโครงเรื่องต่อไปและได้รับสิบแต้ม]

[เซินอี้เหรินผ่านการเปลี่ยนแปลงภายใน ส่งผลต่อโครงเรื่องต่อไป ได้รับสิบแต้ม]

[เย่เซียวหดหู่และค่าโชคลดลง ส่งผลต่อโครงเรื่องต่อไปและได้รับยี่สิบแต้ม]

ซูสือตกตะลึง

เขาเก็บเกี่ยวแต้มได้อีกครั้ง

เดิมที เขาแค่อยกาช่วยเหลือพวกนาง ไม่คิดว่าเขาจะได้รับแต้มก้อนโต

ไม่เพียงเขาจะทะลวงผ่านสองขั้นย่อย แต่ยังได้รับสี่สิบแต้ม!

[ท่านอยากเรียนรู้วิชาพิเศษ'วิชารับรู้ปราณมังกรแท้จริง'หรือไม่?]

"ใช่!"

ซูสือไม่ลังเล

แม้วิชานี้จะไม่สามารถเพิ่มพลังต่อสู้โดยตรงไป ผลของมันก็ไม่อาจเทียบได้กับเคล็ดบบ่มเพาะได้!

หน้าตำราโบราณพลิกด้วยตัวมันเองและอักษรก็ปรากฏในอากาศ สุดท้ายก็เปลี่ยนเป็นแสงพุ่งเข้าหน้าผากเขาไป

โลกในสายตาซูสือพลันเปลี่ยนไป!

เขาเห็นเหมือนมีหมอกรอบตัวเขาและดวงตาก็เต็มไปด้วย'ปราณ'หลากสี

วิชารับรู้

ผ่านการเห็นกลิ่นอายหยินและหยาง เราสามารถเห็นโชคลาภ เลี่ยงโชคร้าย และคาดเดาโชคชะตา

ยิ่งอาณาจักรบ่มเพาะสูง มันยิ่งเห็นชัด และยังสามารถเปลี่ยนเส้นชีวิตตัวเองได้ถ้าบ่มเพาะอย่างลึกซึ้ง!

ดวงตาของซูสือมองกวาด

ทุกคนดูสดใส

พวกเขาคืออัจฉริยะ เป็นที่โปรดปรานโดยโชคชะตาและค่าโชคก็เหนือกว่าคนธรรมดา

พอมองเย่เซียว ดวงตาของซูสือก็หยุดเล็กน้อย

เขาเห็นอีกฝ่ายหน้าหมอง และมีหมอกดำลอยเหนือหัว เป็นสัญญาณของความพ่ายแพ้!

เขานึกถึงการแจ้งเตือน : เย่เซียวหดหู่และค่าโชคลดลง

ซูสือส่ายหัว

ดูเหมือนว่าการทดสอบแต่ละด่านจะส่งผลอย่างมากต่อเย่เซียวและทำให้เขาเริ่มกังขาตัวเอง

"จิตใจของเขาไม่แข็งแกร่ง และตกต่ำเพราะพ่ายแพ้ เขากล้าเรียกตัวเองว่าบุตรฟ้าประทานได้ไง?"

ไม่มีความเห็นใจในสายตาซูสือ มีแต่ความเย้นชา!

ถ้าเย่เซียวได้รับพลัง เขามีแต่จะแย่กว่านี้!

มันได้ข้อสรุปแล้ว

ตอนนี้ เสียงฟ้าผ่าดังขึ้นอีกครั้ง

[การดำรงอยู่ของวิถีเซียนคืออะไรหากเมื่อทุกอย่างเป็นภาพลวงตา?]

ดูเหมือนจะมีคำใบ้ในนี้

และจากนั้นก็เกิดความเงียบสงัด

"แค่นั้น?"

ทุกคนแปลกใจ

ไม่มีคำสั่งอื่นหรือมรดก แค่บทกลอนสั้นๆ

นี่ทำให้พวกเขาสับสน

พอมองวังเซียนด้านหน้านาง จ้านชิงเฉิงก็ครุ่นคิด"หรือมันอยากให้เราเข้าวังไปหาด้วยตัวเอง?"

"อาจจะ"

เฉินชิงหลวนก้าวไปข้างหน้าและผลักเปิดมัน แต่ประตูสีแดงก็ยังนิ่งไม่ขยับ

ไม่มีการตอบสนองแม้จะใช้พลังปราณ

"เปิดไม่ได้'

เฉินชิงหลวนขมวดคิ้ว

เย่เซียวหัวเราะเยาะในใจ"เจ้าก็ต้องเปิดไม่ได้อยู่แล้ว!หากไมมีข้า จะไม่มีใครสามารถได้รับมรดกนี้!""

mนใดนั้น เขาก็พบว่าสายตาของซูสือดูขบขัน ราวกับเขามองเห็นทะลุหมด

"เย่เซียว เจ้ากำลังรออะไร?"

เย่เซียวตกตะลึง"เจ้า เจ้าหมายความว่าอะไร?"

ซูสือพูด"เจ้าเข้าภูเขาเทียนฉวีมาก่อน และเตรียมการมาอย่างดีสำหรับทุกด่าน เห็นได้ชัดว่าเจ้ารู้จักมรดกนี้ดี เจ้าควรเป็นคนเดียวที่สามารถเปิดประตูนี้ได้สินะ/"

เย่เซียวมีวิธีผ่านแทบทุกด่าน นี่ต้องไม่ใช่เรื่องบังเอิญ

เย่เซียวเตรียมตัวมา!

ทุกคนขยับไปล้อมเย่เซียวไว้ตรงกลาง

"ศิษย์สืบทอดจ้าน?ผู้ตรวจการเฉิน?พวกเจ้า.."

พอเห็นใบหน้าไม่แยแสของพวกนาง เย่เซียวก็รู้ตัว"พวกเจ้ากำลังสมคบคิดกับมารซูตั้งแต่ต้น!"

นี่มันบ้าอะไร!

เดิมที เขาอยากระดมคนขับไล่มารซูสือไปตั้งแต่แรก

ไม่คิดเลยว่าเป้าหมายของคนเหล่านี้จะเป็นเขาแทน!

ยกเว้นเขา ทุกคนอยู่กันเป็นพรรคพวก!

เย่เซียวหน้าซีด

ซูสือคนเดียวก็สามารถดับลมหายใจเขาได้แล้ว และด้วยอัจฉริยะเหล่านี้ เขาจะไปทำอะไรได้?

เขาหน้าเปลี่ยนสีและกัดฟัน"ข้าเปิดประตูได้ แต่สมบัติชิ้นสุดท้ายต้องเป็นของข้า ไม่งั้น ข้าจะออกจากแดนลับนี้ไป!"

"ฝันไปเถอะ"

ก่อนเซินอี้เหรินจะได้พูดจบ นางก็เห็นซูสือพยักหน้า"ได้ ข้ารับปาก"

"เจ้าพูดจริง?"

เย่เซียวขมวดคิ้ว"เจ้าคงไม่บอกข้าให้กลับไปหลังเปิดประตูใช่ไหม?"

ซูสือพูด"ยังไงซะ ข้าก็ได้สมบัติมาพอแล้ว มันไม่สำคัญว่าสมบัติสุดท้ายจะเป็นอะไร มันขึ้นอยู่กับเจ้าว่าเจ้าอยากเปิดมันไหม แต่ข้าจะฆ่าเจ้าถ้าเจ้าเลือกไม่เปิด"

"ง่ายๆแค่นั้น"

เขาไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะพูดตรงขนาดนี้

เย่เซียวเงียบไปสักพัก

ซูสืออาจไม่สนใจมากเกี่ยวกับสมบัติสุดท้าย แต่เขาไม่สามารถปล่อยให้ซูสือได้มันไปเช่นกัน!

นอกจากนี้ ด้วยความโหดเหี้ยมของซูสือ เขาจะไม่ปล่อยใครให้รอด!

มันต้องสู้!

เย่เซียวเดินไปประตูวัง

เขาหยิบแหวนสีทองออกมาและค่อยๆยัดเข้าไปในปากของหัวอสูรบนประตู

หัวอสูรดูเหมือนจะกลับมามีชีวิตและแสงสลัวสองดวงก็สว่างวาบในดวงตามัน

เย่เซียวพึมพำบทสวดโบราณและดึงที่เปิดประตูอย่างแรง

บูม!

ด้วยเสียงดังสนั่น ประตูสีแดงค่อยๆเปิดออก

แสงสว่างส่องออกมา และดูเหมือนจะมีสมบัตินับไม่ถ้วนภายใน!

เกิดเสียงฟ้าผ่าดังขึ้นอีกครั้ง

[สมบัติลับและสมบัติจิตวิญญาณทั้งหมดถูกเก็บรวมไว้ในวังเซียน]

[เข้าสู่วังเวียนแล้วจักได้รับความเป็นนิรันดร์!]

มรดกสุดท้าย!