ตอนที่ 224 มุ่งสู่สถานบันสูงสุด

 ตอนที่ 224 มุ่งสู่สถานบันสูงสุด

"สามี หลิงเอ้อร์ พวกเจ้ากลับมาแล้ว"

นางรีบลุกขึ้นและเดินเข้ามา

"ทะลวงผ่านแล้วหรือ?"

กู่หยางยิ้มเล็กน้อยถาม

"ใช่แล้ว สองวันหลังจากพวกเจ้าจากไป ข้าก็ทะลวงขอบเขตห้วงสมุทรแก่นแท้ระดับ 13 ได้แล้ว "

เย่ชิงเฉิงยิ้มพูด

"แล้วข้ายังควบแน่นแก่นก่อกำเนิดระดับ 1 อีกด้วย!"

เมื่อพูดจบ

ร่างกายเย่ชิงเฉิงก็ปรากฏแก่นก่อกำเนิดดูราวกับไข่มุกอ่อนนุ่ม

เรียบลื่นดุจหยก

แต่ด้านบนยังมีรอยแตกเพียงเส้นเดียวที่แทบมองไม่เห็น

ระดับของแก่นก่อกำเนิดที่หลอมขึ้น ก็เกี่ยวข้องกับรอยแตก

ยิ่งแก่นก่อกำเนิดมีรอยแตกน้อย ระดับย่อมยิ่งสูง

เพียงรอยแตกหนึ่งเส้น ก็แสดงว่าเป็นแก่นก่อกำเนิดระดับ 1!

จัดอยู่ในขั้นสูง

"พูดแล้ว ก็ต้องขอบคุณสามี หากไม่ได้มรดกที่เจ้าให้ข้า ข้าก็คงทะลวงผ่านจากขอบเขตแก่นสุญตาระดับ 3 ไวขนาดนี้ไม่ได้"

เย่ชิงเฉิงพูดด้วยน้ำเสียงซาบซึ้ง

สายตาที่มองกู่หยางก็เต็มไปด้วยความขอบคุณและอ่อนโยน

"ดีมาก ขอแสดงความยินดีด้วย"

กู่หยางยิ้มตอบ แล้วขมวดคิ้วเล็กน้อย "เช่นนั้นมาฝึกซ้อมกันหน่อยหรือไม่?"

ได้ยินกู่หยางพูดเช่นนี้

เย่ชิงเฉิงก็อดกลอกตาขาวไม่ได้ ใบหน้างามเผยความอึดอัด

"ข้าไม่อยากเจ็บตัวเปล่า ๆ หรอกนะ"

"การต่อสู้กับเจ้ามีแต่จะทำให้สูญเสียกำลังใจเกินไป"

ได้ยินดังนั้น กู่หยางก็อดลูบจมูกไม่ได้

เขาน่ากลัวขนาดนั้นเชียวหรือ?

"แต่ว่า... การต่อสู้อีกแบบหนึ่ง ก็ไม่ใช่ว่าไม่ได้เสียทีเดียว"

เวลานี้ เย่ชิงเฉิงเอ่ยอย่างจริงจัง ดวงตาชวนให้หลงใหล ใบหน้าแดงระเรื่อ

อีกด้านหนึ่ง ฉู่หลิงเอ้อร์ได้ยินเช่นนี้ ก็อดลืมตากว้างไม่ได้

"หือ? การต่อสู้แบบไหนหรือ?"

กู่หยางชะงักไปครู่หนึ่ง สักพักก็เข้าใจ มุมปากคลี่ยิ้มน้อย ๆ

วันรุ่งขึ้น กู่หยางพิงนอนบนเก้าอี้ไม้สบาย ๆ มองภาพเย่ชิงเฉิงและฉู่หลิงเอ้อร์ที่กำลังเล่นกันอย่างสนุกสนาน รู้สึกยินดีเต็มอก

เมื่อคืนนี้ ช่างชวนให้หวนคิดถึงจริง ๆ

สิ่งที่ทำให้กู่หยางรู้สึกประหลาดใจที่สุดคือ... เย่ชิงเฉิงค่อนข้างเป็นคนเย็นชาภายใน ร้อนแรงภายนอก

ใช่แล้ว...ดูเหมือนเย่ชิงเฉิงจะเย็นชากับคนอื่น แต่เมื่อคบหากับเขาแล้ว กลับไม่เย็นชาเลยแม้แต่น้อย

ถ้าจะเปรียบเทียบ ก็เหมือนภูเขาน้ำแข็งที่ละลายแล้วกระมัง?

ครั้งนี้ ยังมีอีกครึ่งเดือนกว่าจะถึงวันที่สถาบันศักดิ์สิทธิ์มรกตเร้นลับเปิด

หลังจากนั้น

กู่หยางก็ใช้เวลาค่อนข้างคุ้มค่า

บำเพ็ญเพียรก็ไม่ได้ช่วยอันใด

ช่วงครึ่งเดือนนี้ บางครั้งกู่หยางก็หยิบตำราบันทึกโบราณมาอ่าน

บางครั้งก็ไปหาเย่ชิงเฉิงและฉู่หลิงเอ้อร์มาแลกเปลี่ยนประสบการณ์

แต่เย่ชิงเฉิงก็ต้องบำเพ็ญเพียร กู่หยางจะไปรบกวนทุกวันก็ไม่ได้

เวลาครึ่งเดือนกว่าผ่านไปอย่างรวดเร็ว

ในช่วงครึ่งเดือนนี้

เย่ชิงเฉิงเองก็มีความก้าวหน้า

ทะลวงถึงขอบเขตแก่นสุญตาระดับ 4 แล้ว!

มีพลังอำนาจสุดแกร่งกล้า!

ต้องพูดว่า พรสวรรค์ของเย่ชิงเฉิงน่าทึ่งมาก รากฐานก็แน่นหนามาก บวกกับมรดกนั้น เหมาะกับนางอย่างสมบูรณ์แบบ ความก้าวหน้าจึงรวดเร็วมาก

พอดีวันนี้เอง

ผู้อาวุโสใหญ่ก็มาหาพวกเขา

"กู่หยาง ชิงเฉิง ดีเลยที่พวกเจ้าอยู่ที่นี่กันพร้อมหน้าพร้อมตา เตรียมตัวสักหน่อยเถอะ ใกล้จะถึงเวลาออกเดินทางไปสถาบันศักดิ์สิทธิ์มรกตเร้นลับแล้ว"

ผู้อาวุโสใหญ่เห็นกู่หยางและเย่ชิงเฉิงอยู่ด้วยกันก็ไม่แปลกใจเลย

ทั้งสองเป็นคู่รักหนุ่มสาวที่ทั้งหล่อเหลาและงดงาม

อยู่ด้วยกันไม่ใช่เรื่องปกติหรอกหรือ?

แถมยังเป็นอัจฉริยะฟ้าประทานชั้นยอดของราชวงศ์เซวียนเหนี่ยวด้วย!

นี่ย่อมเป็นเรื่องดีแน่นอน!

ส่วนเรื่องของฉู่หลิงเอ้อร์ กู่หยางก็เคยบอกผู้อาวุโสใหญ่แล้ว

นี่ก็ไม่นับว่าเป็นอะไร

โดยทั่วไปอัจฉริยะฟ้าประทานมักจะพาผู้ติดตามไปมากบ้างน้อยบ้าง

เพื่อดูแลเรื่องอาหารการกินและที่อยู่

นับเป็นเรื่องปกติมาก

กู่หยางและพวกเขาก็ไม่มีอะไรต้องเตรียมมากนัก

จึงตามผู้อาวุโสใหญ่ไปยังจุดรวมพลของคณะใหญ่ทันที

ตอนนี้ผู้ที่ติดอันดับบนรายชื่อเซวียนเหนี่ยวคนอื่น ๆ ต่างก็มายืนรออยู่ที่จุดรวมพลแต่เนิ่น ๆ แล้ว

เมื่อกู่หยางพาฉู่หลิงเอ้อร์และเย่ชิงเฉิงสองสาวงามเลิศโฉมมาถึงที่จุดรวมพล

ทันใดนั้นสายตาของทุกคนก็หันมามองเขาพร้อมกัน

ชื่นชม

เคารพ

อิจฉา

ริษยา

มีอารมณ์หลากหลายปะปนกัน

แต่ส่วนใหญ่แล้ว...คือความซาบซึ้งใจและหวั่นเกรง!

ฝ่ายกู่หยางก็รู้สึกแปลกใจเล็กน้อย จงมองนกจิ๋วบนบ่า

ดูเหมือนว่าผู้อาวุโสใหญ่...คงไม่ได้พบความพิเศษของชิงหลวนกระมัง?

อย่างไรก็ตามผู้อาวุโสใหญ่เป็นยอดฝีมือขอบเขตมรณะชีวัน

ชิงหลวนใช้วิชาเปลี่ยนร่าง จะหลบหนีการสอดส่องของยอดฝีมือขอบเขตมรณะชีวันได้อย่างไรกัน?

คิดได้ดังนั้นเขาจึงซักถามชิงหลวนในใจสักพัก

แล้วก็ได้คำตอบที่มั่นใจ

นี่เป็นพรสวรรค์สืบทอดโดยธรรมชาติของอินทรีศักดิ์สิทธิ์มรกตเขียวเข้มบรรพกาล

หลังจากเปลี่ยนรูปร่างแล้ว ไม่ต้องพูดถึงขอบเขตมรณะชีวัน แม้แต่ขอบเขตผันแปรก็อาจมองไม่ออกว่านางคือตัวจริง!

เช่นนี้กู่หยางก็วางใจมากขึ้น

ภายใต้การนำของผู้อาวุโสใหญ่

ผู้มีความสามารถมากมายก็ขึ้นเรือเหาะลำใหญ่ที่สุดของราชวงศ์เซวียนเหนี่ยว

เรือเหาะลำนี้ประณีตยิ่งนัก

ขนาดก็ใหญ่โตมหึมา

พื้นที่ภายในกว้างใหญ่ไพศาล

ที่สำคัญคือ...

ความเร็วไม่ได้ช้ากว่าอสูรบินมากเท่าไหร่!

แน่นอน ถ้าเปรียบด้านความคล่องตัว ย่อมเทียบสัตว์อสูรบินไม่ได้

แต่ก็ถือว่าดีมากแล้ว

แค่เทียบกับชิงหลวน

ก็ยังต่างกันมากอยู่ดี

ระหว่างทาง

ผู้อาวุโสใหญ่ก็มองกู่หยางอย่างลึกซึ้ง

แล้วก็เริ่มอธิบาย

"ในระหว่างเดินทางนี้ ข้าจะอธิบายเรื่องเกี่ยวกับสถาบันศักดิ์สิทธิ์มรกตเร้นลับสักหน่อย"

เมื่อเขาพูดประโยคนี้ออกมา

สายตาของอัจฉริยะฟ้าประทานทั้งหมดก็มองไปที่ผู้อาวุโสใหญ่ทันที

"สถาบันศักดิ์สิทธิ์มรกตเร้นลับ ขึ้นตรงกับราชวงศ์ต้าเหยียน เดิมทีเป็นเพียงสำนักศึกษาที่ผู้บำเพ็ญเพียรพเนจรขอบเขตราชันผู้ทรงอำนาจของราชวงศ์ต้าเหยียนตั้งขึ้น ต่อมาตามการเติบโตขึ้นของสถาบันซึ่งขยายตัวอย่างแข็งแกร่ง ราชวงศ์ต้าเหยียนจึงเข้ามาจัดการดูแล นั่นจึงทำให้สถาบันศักดิ์สิทธิ์มรกตเร้นลับพัฒนาขึ้นอย่างแท้จริง ปัจจุบัน นับเป็นสถาบันการศึกษาชั้นสูงสุดของราชวงศ์ต้าเหยียนทั้งหมด!"

"พูดได้ว่า อัจฉริยะฟ้าประทานทั้งหมดในอาณาเขตของราชวงศ์ต้าเหยียน ต่างจะมารวมตัวกันที่นี่!"

"ภายในนั้น รวบรวมอัจฉริยะฟ้าประทานชั้นยอดที่สุดของราชวงศ์ต้าเหยียนมาตลอดทุกยุคทุกสมัย น่ากลัวยิ่งนัก!"

"ถึงแม้พวกเจ้าจะนับเป็นอัจฉริยะฟ้าประทานชั้นยอดในราชวงศ์เซวียนเหนี่ยวของพวกเรา แต่เมื่อเข้าไปในสถาบันศักดิ์สิทธิ์มรกตเร้นลับก็ต้องระวังตัวและถ่อมตนเป็นหลัก"

"ท้ายที่สุด บรรดาอัจฉริยะฟ้าประทานที่เข้าไปได้ ล้วนไม่มีใครอ่อนแอ!"

ได้ยินคำพูดนี้

ทุกคนต่างพยักหน้ารับ

ในดวงตากู่หยางก็แวบประกายแห่งแสงสว่าง

อัจฉริยะฟ้าประทานล้วนเต็มไปหมด?

น่าสนใจไม่น้อยเลยนะ

เย่ชิงเฉิงก็รู้สึกสนใจเช่นกัน

"สถาบันศักดิ์สิทธิ์มรกตเร้นลับแบ่งเป็นลานฝ่ายในและลานฝ่ายนอก โดยลานฝ่ายนอกรวบรวมอัจฉริยะฟ้าประทานที่ต่ำกว่าขอบเขตแก่นสุญตาลงมา หรือก็คืออัจฉริยะฟ้าประทานขอบเขตห้วงสมุทรแก่นแท้ และขอบเขตหลอมรวม"

"ส่วนขอบเขตแก่นสุญตาขึ้นไป จะเข้าไปยังลานฝ่ายใน"

ผู้อาวุโสใหญ่กล่าวต่ออีกเล็กน้อยอย่างเอื่อยเฉื่อย

ได้ยินดังนั้น กู่หยางก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตอนนี้เขาอยู่แค่ขอบเขตห้วงสมุทรแก่นแท้ระดับ 13 ขั้นสูงสุดเท่านั้น

ตามคำพูดนี้ เขาต้องเข้าไปลานฝ่ายนอก?

แต่เขาก็ไม่เร่งรีบอะไร

ยังคงฟังผู้อาวุโสใหญ่เล่าต่อ

"แน่นอน การจะเข้าสถาบันศักดิ์สิทธิ์มรกตเร้นลับไม่ใช่เรื่องง่ายๆ"

"ตอนนี้พวกเจ้าเพียงแค่ได้รับสิทธิ์ที่จะเข้าไปทดสอบ"

"ส่วนจะผ่านการยอมรับของสถาบันศักดิ์สิทธิ์มรกตเร้นลับหรือไม่... ต้องพิสูจน์กันอีกที"

"ตามกฎเกณฑ์ที่ผ่านมา ในบรรดาพวกเจ้า กลัวว่าจะมีเกินครึ่งต้องโดนคัดออกไป"

ผู้อาวุโสใหญ่เอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบๆ

สำหรับเขาแล้ว นี่เหมือนจะเป็นเรื่องธรรมดาไปแล้ว

ท้ายที่สุด...

สถาบันศักดิ์สิทธิ์มรกตเร้นลับเป็นสถาบันการศึกษาชั้นสูงสุดของราชวงศ์ต้าเหยียน

จะรับใครก็ได้หรือ?

แน่นอนว่าจะรับเฉพาะอัจฉริยะชั้นยอดในหมู่อัจฉริยะเท่านั้น!

คำพูดนี้ ทำให้อัจฉริยะฟ้าประทานที่อยู่อันดับท้าย ๆ หลายคนสีหน้าไม่ค่อยดีนัก

"ครั้งที่แล้วที่ส่งไปสถาบันศักดิ์สิทธิ์มรกตเร้นลับ ราชวงศ์เซวียนเหนี่ยวของพวกเรา มีศิษย์ที่ได้รับการยอมรับและเข้าไปสำเร็จเพียง 20 คนเท่านั้น"

ผู้อาวุโสใหญ่เผยสีหน้าอึดอัดเล็กน้อย

ได้ยินดังนี้ ก็มีเสียงตกใจหายใจดังฟู่ขึ้นมาทันที

อย่างนั้นหรือ

มีคนเข้าไปสถาบันศักดิ์สิทธิ์มรกตเร้นลับสำเร็จเพียง 20 คนเท่านั้น?

กู่หยางไม่แปลกใจ

"ผู้อาวุโสใหญ่ ข้าขอถามว่าขอบเขตห้วงสมุทรแก่นแท้สามารถเข้าลานฝ่ายในได้หรือไม่ขอรับ?"

กู่หยางถามเสียงเรียบ

ได้ยินดังนั้น ผู้อาวุโสใหญ่ไม่แปลกใจ แล้วยิ้มเล็กน้อย

"ได้ แต่เงื่อนไขค่อนข้างเข้มงวดมาก"